ตกที่นั่งลำบาก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ซ่งชิงเสี่ยวรู้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงกระแทก "ปัง ปัง" ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นอีกสองสามครั้ง ถังใบใหญ่ๆ ก็ค่อยๆ ล้มลงเพราะแรงกระแทกนี้
เมื่อถังเอียง ฝาที่หนักก็เลื่อนลง น้ำด้านในก็ไหลออกมา ซ่งชิงเสี่ยวที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็กลิ้งออกมา เธอเอามือทั้งสองกอดหัว ขณะที่ไหล่กระแทกถังอีกใบอย่างแรง
แต่ในยามที่อันตรายเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอถูกจับฆ่าในขณะที่กลิ้งออกมา ซ่งชิงเสี่ยวจึงฝืนทนความเจ็บปวด ไม่ได้ลุกขึ้นยืนทันที แต่กลับกลิ้งตัวไถลไปอีกสองสามรอบ กระทั่งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยู่ห่างจากอันตรายที่กระแทกกับถังใบใหญ่เมื่อครู่แล้ว จึงใช้มือข้างที่กำเมาส์ไว้ค่อยๆ ค้ำถังที่ล้มลงแล้วลุกขึ้นยืน
"เธอซ่อนอยู่ในนี้จริงๆ สินะ"
คุณหมอที่เดิมบอกว่าจะจากไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วทั้งคู่เพียงแค่แสดงละครตบตาซ่งชิงเสี่ยวเฉยๆ น่าจะจงใจทำให้เธอชะล่าใจเท่านั้น จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอเข้ามาจับตัวเธอไว้
แต่ใครจะรู้ว่าทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด เพราะทันทีที่ซ่งชิงเสี่ยวกลิ้งออกมาจากถังใบใหญ่ คุณหมอกับหญิงสาวพนักงานออฟฟิศซึ่งเดิมทีควรจะรีบเข้ามาจับตัวเธอโดยไว แต่เพราะซ่งชิงเสี่ยวกลิ้งไปข้างหลัง ทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้น สุดท้ายทั้งคู่จึงเสียโอกาสทำให้ไม่สามารถเข้ามาจับเธอได้ในทันที
เพราะพลาดโอกาสทองที่จะฆ่าซ่งชิงเสี่ยวไป คุณหมอจึงเผยสีหน้าแสดงความเสียดายออกมาเล็กน้อย
เขาพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า จากรูปลักษณ์ภายนอก หมายเลขเก้ายังคงดูอิดโรยผอมโซไม่น้อย ชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัยที่เธอสวมใส่อยู่เปียกโชกไปด้วยคราบเลือดและน้ำสกปรก รอยยับยู่ยี่แนบอยู่กับตัวเธอทั้งชุด ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากเม้มแน่น ปีกจมูกยังสั่นอย่างระรัวเพราะการหายใจที่ถี่กระชั้น ดวงตานั้นสว่างไสวอย่างน่าตกใจ มันแสดงให้เห็นถึงความระมัดระวังตัว และการป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา และสุดท้ายคือความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อย่างแรงกล้า
ตอนที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในพื้นที่ เธอเป็นคนที่ทุกคนมองข้ามมากที่สุดด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่ได้โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และอุปนิสัย จะมีก็เพียงสิ่งเดียวที่พอจะเตะตาเขาได้บ้าง นั่นก็คือตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาถึงเนื้อตัวก็เปื้อนเลือดไปทั่วทั้งตัว แต่ถึงอย่างไร ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทที่ไม่มีใครเหลียวแล
แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นว่า ผู้หญิงคนนี้กลับสามารถกำจัดชายหญิงในกลุ่มเดียวกันทิ้งไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แถมยังมีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของเขาในที่สุด
"ผมล่ะประเมินคุณต่ำไปจริงๆ "
คุณหมอยังคงสอดมือไว้ในกระเป๋าเสื้อ เขาเหลือบมองไปที่มือของซ่งชิงเสี่ยวที่วางบนถังเพื่อค้ำร่างกายตัวเองไม่ให้ล้ม มือข้างนั้นผอมมาก มีรอยถลอกตามข้อมืออยู่หลายจุด แต่เธอกลับใช้มือข้างนั้นกำเมาส์ที่มีสายอย่างแน่นราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด แรงที่บีบเกร็งแน่นจนทำให้เห็นรอยกระดูกของฝ่ามือที่ปูดขึ้นมา
สายเมาส์ห้อยลงมาโตงเตง เมื่อดูอย่างละเอียดจะเห็นคราบเลือดเล็กน้อยหลงติดอยู่ที่สายด้วย
ในขณะที่คุณหมอกำลังพิจารณาซ่งชิงเสี่ยวอยู่นั้น อีกฝ่ายก็กำลังพิจารณาทั้งสองคนนี้อยู่เช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าการฆ่าชายร่างใหญ่หมายเลขเจ็ดไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนทั้งสองเลย ทั้งใบหน้าและร่างกายของทั้งสองคนมีรอยฟกช้ำมากมาย
เครื่องแบบชุดกาวน์เดิมของคุณหมอก็ขาดวิ่นไปบางส่วน ส่วนภาพลักษณ์ของหญิงสาวพนักงานออฟฟิศก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ ร่างกายและใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยเลือด
สถานการณ์ที่ไม่เอื้อต่อซ่งชิงเสี่ยวที่ต้องมาเผชิญหน้ากับคนสองคนในเวลานี้ ทำให้หัวใจของเธอจมดิ่งลง
แต่ยิ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เธอก็ยิ่งห้ามสับสนเด็ดขาด เพราะหากเผลอตื่นตระหนกแม้เพียงนิดเดียว เธอก็อาจจะถูกคนทั้งสองฆ่าได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสามคนยืนอยู่ตรงข้ามกัน แต่ซ่งชิงเสี่ยวสังเกตเห็นว่าคุณหมอกับหญิงสาวพนักงานออฟฟิศกลับไม่ได้ยืนใกล้ชิดกันมากนัก ต่างเว้นระยะห่างไว้พอสมควร
เธอปรับลมหายใจให้กลับมาปกติมากที่สุดโดยไม่ให้คนอื่นทันสังเกตเห็น ก่อนจะบังคับตัวเองให้มีสติอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้ามากที่สุด แขนที่ถูกกระแทกยังคงรู้สึกชาและไร้เรี่ยวแรงจนเกือบจะทำให้เธอจับโทรศัพท์ในมือไม่อยู่ ร่างกายสั่นไปหมดทั้งตัว
"หมายเลขสอง..."
ซ่งชิงเสี่ยวกระตุกมุมปากอย่างเกร็งๆ และเงยหน้าขึ้นมา เธอเคยชินกับการระมัดระวังตัวมาตลอดทั้งชีวิตก็จริง แต่เรื่องวาทศิลป์เธอไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อสถานการณ์คับขันตรงหน้าบีบบังคับเธอขนาดนี้ จึงทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถ ที่จะเสี้ยมให้ทั้งสองคนแตกคอกันเองให้สำเร็จ
"ฉันประหลาดใจจริงๆ ว่าคุณรอดชีวิตมาได้ยังไง"
คุณหมอไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ซ่งชิงเสี่ยวถูกเจอตัว ประโยคแรกที่อีกฝ่ายเปิดปากพูดจะเป็นประโยคแบบนี้
"มีเก้าคนที่เข้ามาในพื้นที่บททดสอบนี้ ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสี่ทีม แต่สุดท้ายนอกจากพวกเธอแล้ว แต่ละทีมก็ต่างเหลือผู้รอดชีวิตแค่คนเดียวเท่านั้น"
เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากเพราะความตึงเครียดและขาดน้ำ แต่เนื่องจากไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเวลานาน รวมถึงการสูญเสียน้ำในร่างกายจำนวนมากหลังจากที่ตึงเครียดหลายครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้เธอซึ่งเดิมขาดน้ำอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อลิ้นเลียริมฝีปากที่แตกแห้ง ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บแสบราวกับว่าลิ้นถูกปากที่แตกนั้นบาดเป็นเศษกระจก
"ถ้าอยากออกจากพื้นที่บททดสอบนี้ การฆ่ากันเองยังไงก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี แต่ทำไมหมอคนนั้นถึงยังไม่ฆ่าคุณล่ะ ทำไมคุณยังรอดชีวิตมาได้อยู่อีก"
ดวงตาของเธอจ้องมองคนตรงหน้าทั้งสองอย่างระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้พลาดแม้แต่การแสดงออกทางสีหน้าที่ละเอียดอ่อนที่สุดของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ยังแบ่งสมาธิบางส่วนไปสังเกตคุณหมอคนข้างๆ
เธอต้องการดูปฏิกิริยาทั้งคู่อย่างละเอียด
คุณหมอซึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็หลุบเปลือกตาลงเล็กน้อย ท่าทางนี้ดูเย็นชา แต่ในวินาทีถัดมา เขาก็กลับมาสงบเหมือนเดิม
คุณหมอพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอยากออกจากพื้นที่นี้พวกเราเลยต้องฆ่ากันเอง....คุณแน่ใจได้ยังไงหมายเลขเก้า? กติกามันบอกคุณไว้แบบนั้นหรือไงว่าพวกเราต้องฆ่ากันเองถึงจะสามารถออกไปได้”
มือเขาล้วงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง ขณะที่ก้าวขึ้นไปข้างหน้าโดยไม่สนใจ เขาเห็นว่าซ่งชิงเสี่ยวตอบสนองได้อย่างว่องไว เธอย้ายตามทันทีเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับพวกเขา
สายตาของหมอไปหยุดที่มือข้างหนึ่งของซ่งชิงเสี่ยวที่คว้าโทรศัพท์ไว้ เขาสังเกตว่าตั้งแต่ซ่งชิงเสี่ยวกลิ้งออกมาจากถัง มือข้างนี้ก็ห้อยลงข้างลำตัวโดยไม่ยอมขยับสักนิด
บางทีอาจเพราะตอนที่เธอฆ่าหมายเลขหนึ่งกับหมายเลขหก การต่อสู้ครั้งนั้นอาจจะทำให้เธอเผลอไปได้รับบาดเจ็บเข้า หรืออาจเพราะตอนที่ตกลงมาจากถังแขนเลยอาจจะไปได้รับบาดเจ็บบางส่วนตอนนั้น
นับตั้งแต่เหยียบแรกที่หมายเลขเก้าเข้ามาในพื้นที่นี้ นอกจากตอนเธอแนะนำตัวเองแล้ว ส่วนใหญ่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีกเลย แต่ตอนนี้เธอกลับพูดขึ้นมายาวเหยียด สงสัยจะต้องการทำให้เขาและหมายเลขสองต้องแตกคอกันเอง หรือว่าเธอแค่ได้รับบาดเจ็บก็เลยต้องการพูดเพื่อผ่อนคลายตัวเองเฉยๆ
เขาคิดไปด้วย ขณะที่เท้าก็ก้าวเดินเข้าไปหาซ่งชิงเสี่ยวช้าๆ ส่วนหมายเลขสองเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแบบนั้น ก็เลยตัดสินใจทำแบบเดียวกัน ทั้งสองคนเข้าหาซ่งชิงเสี่ยวพร้อมๆ กัน
“ตอนที่หมายเลขหนึ่งและหมายเลขหกตาย”
ซ่งชิงเสี่ยวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองคน เธอใจร้อนมากแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเธอดูหวาดกลัว หรือวิตกกังวล คนทั้งสองตรงหน้าก็จะสามารถกระโจนเข้ามาฉีกเธอเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ
เธอขบฟัน กัดริมฝีปากเพื่อทนกับความเจ็บปวดที่ไหล่ แล้วใช้มือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บยกมันขึ้นมา
ความเจ็บปวดทำให้กล้ามเนื้อที่แก้มของเธอสั่นกระตุกเล็กน้อย เหงื่อเย็นไหลออกมาทางด้านหลัง เธอพยายามกลั้นไม่ให้มือสั่น แล้วชี้ไปที่หัวของตัวเอง “คุณก็น่าจะได้เห็นแบบเดียวกันกับฉันนิ”
เมื่อคุณหมอเห็นการกระทำนี้ของเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาก้าวช้าลง
หมายเลขสองก็หยุดตามอย่างระมัดระวัง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย มองหมอแวบหนึ่ง
“แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่า ถ้าเราอยากออกไปจากที่นี่ เราก็ต้องฆ่าคนอื่นนิครับ”
คุณหมอคลี่มือหยิบบัตรที่อยู่ในกระเป๋าออกมาโชว์ “ผมมีการงานมั่นคง มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่าคนอื่นโดยไม่จำเป็นเลย”
“งั้นสุดท้ายทำไมหมายเลขเจ็ดถึงตายได้ล่ะ...”
ซ่งชิงเสี่ยวถาม คุณหมอเองก็ได้คิดคำตอบสำหรับเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินก็ตอบโดยไม่ลังเล “เพราะเขาต้องการฆ่าพวกเราก่อน พวกเราแค่ป้องกันตัว”
ไม่ว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ แต่หมายเลขสองก็น่าจะเชื่อ เธอจึงยิ้มมุมปาก การกระทำของซ่งชิงเสี่ยวเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย
เมื่อซ่งชิงเสี่ยวได้ยินดังนั้น เธอก็เลียริมฝีปากอย่างเผลอตัวเพราะความตึงเครียด มันทำให้ริมฝีปากที่แห้งของเธอแตกอีกครั้ง หยดเลือดเล็กๆ ซึมออกมาทำให้ริมฝีปากของเธอชุ่มชื้นขึ้น
“คุณโกหก เหตุผลที่คุณทิ้งหมายเลขสองไว้ไม่ยอมฆ่าเธอ ก็เพราะคุณรู้ดีว่าในสถานที่แบบนี้ ถ้าเหลือคนรอดชีวิตแค่คนเดียว ยังไงคุณก็ไม่สามารถเอาชนะหมายเลขเจ็ดได้ต่างหาก”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สาเหตุที่คุณหมอยังไม่ยอมฆ่าหมายเลขสองนั้น แต่ทิ้งเธอไว้เป็นตัวละครประกอบเช่นนี้ ก็เพื่อต้องการใช้เธอเป็นสะพานในการเอาชีวิตรอดของตัวเองเท่านั้น