ตอนที่แล้วผู้คน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมันเกิดอะไรขึ้น

เกม


นอกจากเด็กสาวที่ไร้เดียงสาคนนี้ ชายวัยกลางคนและซ่งชิงเสี่ยวต่างก็ระมัดระวังเว้นช่องว่างกันและกันตั้งแต่แรกแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ชายวัยกลางคนอ้วนเตี้ยลงมือทุบตีเด็กสาว เขาก็กังวลมาตลอดว่าในกรณีที่หาทางออกจากพื้นที่นี้ไปได้ เด็กสาวจะตามมาก่อกวนเขาอีกหรือไม่ ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีความคิดที่จะบอกชื่อบ้านเกิดของตนเองทั้งสิ้น พวกเขาใช้ลำดับก่อนหลังที่แต่ละคนเข้ามาในพื้นที่เป็นชื่อเรียกแทนกัน เด็กสาวคือหมายเลข 1 ซ่งชิงเสี่ยวเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาจึงกลายเป็นหมายเลข 9

หลังจากที่ชายวัยกลางคนเรียกเด็กสาว แม้จะน้ำเสียงเนิบนาบไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนตอนแรก แต่ก็ยังรู้สึกผิดปกติอยู่ดี

ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งถูกชายวัยกลางคนอ้วนเตี้ยคนนี้ตีหยก ๆ  ดังนั้นจึงจำได้แม่นยำถึงสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเขา ความจริงแล้วในใจนั้นกลัวชายคนนี้มากเกินบรรยาย เพราะฉะนั้นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้น เธอก็ตัวสั่นเทาโดยสัญชาตญาณและหลบไปอยู่หลังซ่งชิงเสี่ยวพร้อมกับส่งเสียงสะอื้นร้องไห้

“ฉันบอกให้แกมาตรงนี้ไง !”

เมื่อชายอ้วนเตี้ยเห็นว่าเด็กสาวไม่ยอมขยับหลังจากที่เขาเอ่ยเรียกแล้ว สีหน้าก็หม่นลง เขาลุกขึ้นนั่งและทำท่าจะลุกขึ้น ขณะที่เด็กสาวพอเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เธอคว้าแขนซ่งชิงเสี่ยวไว้แน่นราวกับว่าเธอเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยให้ตัวเองรอดชีวิตได้

ใครจะรู้ว่า หัวใจของซ่งชิงเสี่ยวจมดิ่งลงขนาดไหน ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีทั้งน้ำ ทั้งอาหาร และยังไม่สามารถติดต่อคนภายนอกได้อีก ครั้นจะหาทางออกจากพื้นที่ก็ยังหาไม่ได้ ในสถานการณ์กดดันพวกนี้ปกติก็เกือบบั่นทอนสติของคนได้ง่าย ๆ แล้ว ยังต้องมาเจอไอ้คนวิปริตแบบไอ้นี่อีก

เฮ้อ...

เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นก็ใกล้จะถึงจุดแตกหักแล้วเช่นกัน เมื่อเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นในหัว มันก็เหมือนกับการเปิดประตูขังสัตว์ร้ายให้ออกมาหาเหยื่อด้านนอก

“หมายเลข 6......”

แม้ว่าซ่งชิงเสี่ยวจะอายุมากกว่าเด็กสาวเล็กน้อย แต่เธอก็มีรูปร่างผอมบาง แม้ว่าชายวัยกลางคนจะไม่ได้แข็งแรงมากนัก แต่ความแตกต่างทางร่างกายระหว่างชายและหญิงนั้นก็ชัดเจน หากเกิดความขัดแย้งขึ้นจริง สถานการณ์ของเธอก็จะอันตรายมากเช่นเดียวกัน

โชคดีที่เธอยังมีมีดสั้นเป็นอาวุธที่แอบซ่อนไว้ลับ ๆ ดังนั้นตราบใดที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอมีมีดสั้นนั้นอยู่ ในวินาทีสุดท้าย มันก็อาจช่วยให้เธอมีโอกาสรอดชีวิตจากไอ้วิปริตคนนี้ได้บ้าง

แต่ก่อนหน้านั้น สิ่งที่เธอต้องระวังอย่างเด็ดขาดก็คือ หากชายอ้วนเตี้ยค้นพบมีดสั้นที่ซ่อนเข้าล่ะก็...เธอย่อมไม่มีโอกาสเอาชนะอีกฝ่ายแน่นอน

เมื่อซ่งชิงเสี่ยวคิดถึงเรื่องนี้ ลมหายใจของเธอก็รู้สึกไม่ค่อยคล่องตัวนัก

คืนนี้เธออุตส่าห์หนีตายรอดมาได้หวุดหวิด จึงเป็นธรรมดาที่จะหวงแหนชีวิตของตัวเองมากเป็นพิเศษ เธอตัดสินใจพยายามโน้มน้าวให้ชายวัยกลางคนใจเย็นลงอีกนิด แต่คำพูดที่เคยสามารถทำให้เขาสงบลงได้ในตอนแรก เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว

หลังจากที่ไม่ได้พบเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ เป็นเวลานานสองนาน แถมยังหาทางออกก็ไม่เจออีก ประกอบกับการขาดน้ำและอาหาร คงจะทำให้ชายวัยกลางคนคนนี้หมดความอดทนในที่สุด ที่สำคัญเมื่อเขาสั่งเด็กสาว แต่ยังกลับเฉยเมยไม่ยอมสนใจสิ่งที่เขาพูด ดังนั้นความอดทนที่เหลืออยู่ไม่มากนักก็หมดลงอีกครั้ง เขาจึงลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอทั้งสอง

"เงียบปากซะ ! รำคาญ"

เขาเหลือบมองซ่งชิงเสี่ยวอย่างใจเย็น แต่ดวงตากลับแฝงความร้ายกาจไว้ภายใน

"ไหน ๆ ก็ออกไปไม่ได้แล้ว..."

หนังศีรษะของเขาที่เปียกชื้นด้วยน้ำมันและเหงื่อเย็นทำให้ผมจับตัวเป็นก้อนๆ เขาขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด

ดวงตาของชายวัยกลางคนแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับโป่งพอง สีหน้าแบบนี้เมื่อเทียบกับน้ำเสียงที่นิ่งเฉยยิ่งทำให้ซ่งชิงเสี่ยวยิ่งรู้สึกถึงภัยอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

"นี่มันคือพื้นที่ของปีศาจโว้ย มันขังเราไว้ที่นี่ ยังไงเราก็ออกไปไม่ได้แล้ว พวกแกเข้าใจไหม"

เขาเงยคางขึ้นเล็กน้อยราวกับคนประสาทหลอน "อาหารก็ไม่มีกิน น้ำก็ไม่มีดื่ม เราจะอยู่กันได้อีกสักกี่วันเชียว"

หญิงสาวตกใจจนร้องไห้สะอึกสะอึก แต่ยังจำเหตุการณ์ที่ถูกทำร้ายเมื่อก่อนได้ดี จึงไม่กล้าส่งเสียงดังเกินไป กลัวจะดึงดูดความสนใจของชายวัยกลางคนแล้วทำให้ตัวเองได้รับอันตรายอีก

"บอกผมมาสิว่าทางออกอยู่ที่ไหน บอกผมมาว่าอาหารและน้ำอยู่ตรงไหนด้วย ผมจะใจเย็นลงทันที ! " เขาคำรามออกมาสองสามประโยค จากนั้นอารมณ์ก็สงบลงอย่างรวดเร็วราวกับมีเวทมนตร์ เขาหัวเราะออกมา "ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว..." เขาพึมพำกับตัวเอง "ก่อนตาย ขอหาความสุขสักหน่อยก็คุ้มแล้ว"

"ยัยหมายเลข 1 ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ เข้ามานี่..."

ในที่สุดบรรยากาศและความดำมืดของมนุษย์ก็ฉีกเสื้อคลุมแห่งศีลธรรมที่ห่อหุ้มชายวัยกลางคนออกไป สิ่งที่ซ่งชิงเสี่ยวเป็นห่วงก็เกิดขึ้นในที่สุด

หญิงสาวซุกตัวอยู่ด้านหลังซ่งชิงเสี่ยวแน่นยิ่งขึ้น ราวกับจะม้วนตัวเข้าไปในชายกระโปรงเธอ ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้สนใจท่าทีใด ๆ ของเด็กสาว กลับเอื้อมมือมาคว้าตัวเธอแล้วพยายามกระชากออกไป จนเด็กสาวส่งเสียงร้องกรี๊ดออกมาอย่างเจ็บปวด ในยามคับขัน เธอระเบิดเสียงออกมาอย่างบ้าคลั่ง กอดคอซ่งชิงเสี่ยวแน่น

ตอนที่ชายวัยกลางคนคว้าตัวเธอ เธอก็เกร็งตัวแน่นมากเหลือเกิน จนซ่งชิงเสี่ยวแทบจะหายใจไม่ออกไปด้วย

"ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย ! "

ชายวัยกลางคนพยายามดึงมือเธอออกโดยไม่ยั้งแรงไว้อีกต่อไป ส่วนซ่งชิงเสี่ยวก็ถูกหญิงสาวรัดตัวไว้เสียจนหายใจลำบากอย่างมาก

ชายคนนั้นกระชากเธอไปสักพักจนเหนื่อยหอบ หายใจไม่ออก เมื่อเขาไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ ทำให้ไฟในตัวยิ่งโหมพัดแรงยิ่งขึ้น เขาไม่คิดอะไรทั้งนั้นอีกแล้ว ชกหมัดไปที่ใบหน้าและศีรษะของเด็กสาว สองหมัดถัดมา แขนที่เด็กสาวพันรอบคอของซ่งชิงเสี่ยวก็คลายออก ซ่งชิงเสี่ยวจึงใช้แรงดึงจนหลุดออกมาได้ในที่สุด

“ช่วยด้วย...”

เด็กสาวตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้งต่อไป ขาทั้งสองข้างก็เตะถีบไปมาดิ้นอย่างสุดชีวิต

พอซ่งชิงเสี่ยวฟื้นตัวได้สักพักแล้ว เธอก็เข้ามาพยายามจะผลักผู้ชายวัยกลางคนออกไปสุดแรงเหมือนกัน ในใจเธอคิดว่า หากหญิงสาวทั้งสองคนไม่ช่วยกันจัดการไอ้อ้วนเตี้ยนี่ ถึงอย่างไร ทันทีที่ชายคนนี้บรรลุเป้าหมายกับเด็กสาวจนสมใจอยากแล้ว เคราะห์กรรมต่อไปก็จะต้องตกมาที่เธออยู่ดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายวัยกลางคนเพียงลำพัง สถานการณ์จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น เธอจะจัดการหมอนี่คนเดียวยังไงถังว

ชายวัยกลางคนยกมือข้างหนึ่งขึ้น แล้วเหวี่ยงซ่งชิงเสี่ยวออกไปด้วยมือเพียงข้างเดียว

แต่กลับกลายเป็นว่าการที่ชายอ้วนเตี้ยปล่อยมือข้างหนึ่งที่จับเด็กสาวไว้ เป็นโอกาสที่ทำให้ได้อิสระจากมือข้างนั้นที่เขาใช้เหวี่ยงซ่งชิงเสี่ยวออกไป เธอโบกมือไปมา เล็บข่วนใบหน้าของชายวัยกลางคนเป็นแนวยาว ตั้งแต่คิ้วซ้ายลากเฉียงลงมาถึงใบหน้าด้านขวาจนเป็นรอยเลือด แม้แต่ลูกตาก็ยังไม่รอด

การขัดขืนอย่างรุนแรงเช่นนี้ทำให้ชายวัยกลางคนยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก เขาเปลี่ยนใจจากความคิดเดิมที่จะกระทำการอย่างนิ่มนวล กลายเป็นหยิบเมาส์ที่พกมาด้วยตอนนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง กำเมาส์ไว้แล้วฟาดลงไปที่ศีรษะของเด็กสาวอย่างแรง พร้อมกับจับผมของเธอ พันสายเมาส์ไว้ที่คอของเด็กสาวในสามจังหวะ

“ไอ้...โอ๊ย...” เด็กสาวพยายามใช้มือทั้งสองดึงและข่วนคอของเธอ พร้อมกับคว้าหลังมือของเขาอย่างทุรนทุราย

เขาแสดงสีหน้าโหดเหี้ยม “ไอ้เด็กเวร กล้าดีมากนะที่มาข่วนหน้าฉัน ! ฉันจะฆ่าแกให้ตายวันนี้ให้ได้เลย คอยดู !”

ดวงตาของเด็กสาวค่อย ๆ ริบหรี่ลง สีหน้าเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นซีดเผือด ขาทั้งสองข้างเตะถีบไปมาอย่างอ่อนแรง ปากส่งเสียง “ฮึดฮัด” อย่างสิ้นหวัง ขณะที่ซ่งชิงเสี่ยวก็พยายามลุกขึ้นจากแรงเหวี่ยงของชายอ้วนเตี้ยเมื่อสักครู่ กว่าจะพยุงตัวเองให้เดินเซไปเซมาได้ ก็ตอนที่ดวงตาของเด็กสาวเริ่มเบลอไปแล้ว

ขาของเธอยังคงดิ้นรนตามสัญชาตญาณ รอยยาวบนพื้นสองรอยถูกเท้าของเธอถูกับพื้นหญ้า ใบหน้าของเธอซีดเผือด ใบหน้าไร้เรี่ยวแรงห้อยไปทางด้านข้าง ดวงตาที่ริบหรี่ก็ค่อย ๆ มืดลงไป

ฉากความรุนแรงในการฆาตกรรมที่แท้จริงเกิดขึ้นตรงหน้าเธอในที่สุด ซ่งชิงเสี่ยวรู้สึกขนลุก ชายวัยกลางคนในเวลานี้มุ่งมั่นที่จะฆ่าเด็กสาว ในใจของเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าซ่งชิงเสี่ยวไม่ใช่ภัยคุกคาม ดังนั้นจึงไม่ได้ระวังผู้หญิงผอมคนนี้มากนัก

ยิ่งไปกว่านั้น ในจิตใต้สำนึกของเขาคิดแต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นภัยอันตรายต่อตนเอง แถมตัวอย่างของเด็กสาวก็ยังคงอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่มีคนฉลาดที่ไหนจะกล้าท้าทายตนเองในเวลานี้หรอก หาเรื่องใส่ตัว

เพราะความคิดเหล่านี้นี่เอง ขณะที่กำลังรัดคอหญิงสาว จึงทำให้ชายวัยกลางคนไม่ได้สนใจซ่งชิงเสี่ยวเลยสักนิด

สายตาของซ่งชิงเสี่ยวเย็นชาลง เธอวิเคราะห์สถานการณ์ไว้แล้วว่า หากชายวัยกลางคนลงมือกับเด็กสาว เธอจะปล่อยเขาไว้ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นโอกาสดี เธอรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร สิ่งที่ต้องก้าวข้ามก็คือกำแพงความกลัวอันนั้น

ความทรงจำที่เกือบถูกแทงตายในตรอกเล็กๆ ผุดขึ้นมา ความหวังในการเอาชีวิตรอดกดทับความรู้สึกผิดในการฆ่า เธอคว้ามีดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแล้วพุ่งไปที่ด้านหลังของชายคนนั้น ร่างกายของเธอขี่อยู่บนตัวเขา ฝ่ามือแทงมีดเข้าไปในลำคออย่างเลือดเย็น

เธอใช้แรงไม่น้อยเพื่อให้พยายามแทงถูกเป้าที่ต้องการในครั้งเดียว เพราะหากพลาด ผลลัพธ์ในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ซ่งชิงเสี่ยวจะแบกรับถังว

เธอจับชายวัยกลางคนล้มลงไปด้านหลัง เท้าของเธอเกี่ยวถังล่ของอีกฝ่ายไว้แน่น แขนข้างหนึ่งกอดใบหน้าของเขาไว้

ชายวัยกลางคนส่งเสียงด่าทออย่างอ่อนแรง ขณะที่ซ่งชิงเสี่ยวจับมีดแล้วแทงบิดเข้าไปในลำคออีกครั้ง

เธอเลียนแบบพฤติกรรมของนักฆ่าในความทรงจำ ใช้ด้ามมีดบิดแผลให้ลึกยิ่งขึ้น

เลือดอุ่นๆ ถังลออกมา ชายวัยกลางคนล้มทับหน้าอกและท้องของเธอ การดิ้นรนก่อนตายเกือบทำให้เธอหายใจไม่ออก

ชายวัยกลางคนพยายามต่อสู้อยู่หลายครั้งก่อนจะสิ้นใจ พยายามตีเธอด้วยมือข้างที่ว่าง เท้าย่ำลงมาอย่างแรง และพยายามลุกขึ้น ขณะที่ซ่งชิงเสี่ยวก็ไม่กล้าปล่อยมือ แม้ว่าเลือดจะถังลออกมาเปียกฝ่ามือของเธอทั้งสองข้าง มันทั้งเหนียวและน่าขยะแขยง

เธอกลัวว่าชายวัยกลางคนจะไม่ตาย จึงฝืนความกลัวในใจ เอื้อมมือไปบีบแผลของเขาให้ทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น

เลือดที่ถังลออกมาจากแผลถังลลงมาตามลำคอของชายวัยกลางคน หยดลงมาที่คางและมุมปากของเธอ ทุกครั้งที่เธอหายใจเข้า เลือดก็ถังลเข้าไปในปาก กลิ่นนั้นทำให้รู้สึกอยากอาเจียนเหลือเกิน

กระทั่งชายวัยกลางคนส่งเสียงหายใจ " ปุ ๆ "

ทุกครั้งที่หายใจเข้าก็เหมือนกับว่าสำลักเลือด เสียงนั้นทำให้ซ่งชิงเสี่ยวหวนนึกถึงเหตุการณ์ในตรอกเล็กๆ มือของเธอก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น แรงต่อต้านของเขาลดลงเรื่อยๆ ร่างกายดิ้นรนครั้งสุดท้าย ก่อนที่มือของเขาจะตกลงไปอย่างหมดแรง ร่างกายมีเพียงการกระตุกตามสัญชาตญาณ

ตอนนี้แม้ว่าชายวัยกลางคนจะยังไม่ตายในทันที แต่ก็คงจะร่อแร่ใกล้ตายมากแล้ว

เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอได้ตัดฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตของชายผู้นี้ ซ่งชิงเสี่ยวจึงโล่งใจและเริ่มตัวสั่น

อาจจะเพราะการใช้แรงมากเกินไป ขณะนี้แม้จะผ่อนคลายแล้ว แต่ขาเธอก็ยังไม่ค่อยยอมฟังคำสั่ง และยิ่งไปกว่านั้น มือก็เปื้อนเลือดเปรอะเต็มไปหมด

การต่อสู้เมื่อครู่นี้ทำให้ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นที่ถังลออกมาเป็นจำนวนมาก ศพของชายวัยกลางคนทับอยู่บนตัวเธอราวกับภูเขาที่หนักอึ้ง

เธออ้าปากหายใจหอบแรงๆ โดยไม่มีเสียง หน้าอกเจ็บแสบเพราะการหายใจ ก่อนจะพักอยู่กับที่สักครู่ มือและเท้าถึงค่อย ๆ มีแรงขึ้น กระทั่งในที่สุดเมื่อเธอสามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว จึงผลักร่างของชายวัยกลางคนออกไปทางด้านข้าง ด้วยเหตุที่ร่างของคนผู้นี้เตี้ยและอ้วน จึงกลิ้งไปหนึ่งรอบแล้วจึงหยุดลง ใบหน้าที่แน่นิ่งหันไปทางด้านข้าง เปื้อนเลือดและดิน ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด