ตอนที่แล้วระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 12 นาจาจากไข่มุกมาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 14 สัตว์เลื้อยคลาน

ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 13 บุตรแห่งสวรรค์นาจา


ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 13 บุตรแห่งสวรรค์นาจา

“ข้าคืออสูรน้อย”

“เสรีไร้กังวล สังหารคนมิกระพริบตา กินคนมิใส่เกลือ………”

พร้อมกับเสียงอันแสนเกียจคร้าน สายตาของกู้ชิงเฟิงก็เบิกกว้าง เห็นเพียงเด็กชายผู้หนึ่งมัดผมแกละ เดินเอามือล้วงกระเป๋าอย่างสบายอารมณ์ตรงมายังเขา

“คนผู้นี้คือ………”

กู้ชิงเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย หรือว่าจะให้เด็กคนนี้เดินทางไปกับเขา

“นี่ ๆ ข้าชื่อนาจา เจ้าจำไว้ให้ดี”

เด็กน้อยกล่าวกับกู้ชิงเฟิงด้วยน้ำเสียงโอหัง

กู้ชิงเฟิงอดหัวเราะไม่ได้ เด็กคนนี้นิสัยเหมือนเด็กเหลือขอชัด ๆ

“ผู้อาวุโสเฟยเผิง เรื่องนี้………”

กู้ชิงเฟิงเดินทางครั้งนี้เพื่อฝึกฝนตนเองและแสวงหาสมบัติ ย่อมต้องพบเจอกับอันตรายระหว่างทาง

ไม่มีทหารสวรรค์คุ้มกันก็แล้วไป ตอนนี้ยังมีเด็กเหลือขอมาอีกคน

เขามิได้เดินทางท่องเที่ยวเล่นสนุก

ขณะที่กู้ชิงเฟิงกำลังจะปฏิเสธอย่างสุภาพ

ทันใดนั้น ชายชราไป๋อวี่ที่อยู่ในจี้หยกที่เอวของเขาก็เอ่ยขึ้น

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “ศิษย์รัก เด็กน้อยคนนี้มีตบะระดับปราชญ์!”

อะไรนะ!?

กู้ชิงเฟิงถึงกับนิ่งอึ้ง ใบหน้าซีดเผือด

อีกฝ่าย…เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

ดูจากอายุแล้ว คงไม่เกินเจ็ดหรือแปดขวบ ยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก แต่กลับมีตบะระดับปราชญ์!?

ฝึกบำเพ็ญตั้งแต่อยู่ในครรภ์ก็คงมิอาจบรรลุถึงขั้นนี้

พรสวรรค์เช่นนี้ มิอาจอธิบายด้วยคำว่าน่ากลัวได้ เป็นดั่งภูตผีปีศาจ!

“นี่… นี่คือระดับของอัจฉริยะภายในวังสวรรค์หรือ?”

กู้ชิงเฟิงอายุสิบกว่าปีก็บรรลุระดับวิญญาณก่อกำเนิด นับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง

เขายังรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย คิดว่าตนเองสามารถเทียบเคียงกับลูกสัตว์เทพได้

แต่เมื่อเทียบกับนาจาแห่งวังสวรรค์แล้ว เขาเป็นเพียงเศษธุลีดิน

ปราชญ์วัยเจ็ดหรือแปดขวบ ทำลายสถิติของห้ามหามณฑลเทพโดยสิ้นเชิง

หากข่าวนี้แพร่ออกไป คงทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินต้องตื่นตะลึง

แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคงต้องแย่งชิงตัวเขาไป

กู้ชิงเฟิงได้ประจักษ์ถึงความน่ากลัวของขุมอำนาจวังสวรรค์อีกครั้ง

จี๋อวิ๋นเห็นสีหน้าของกู้ชิงเฟิงก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

แต่เขามิได้อธิบายมากนัก เพียงแค่ต้องการให้นาจาทำให้กู้ชิงเฟิงและคนอื่น ๆ รู้สึกยำเกรงวังสวรรค์มากขึ้นไปอีกขั้น

จากนั้นกู้ชิงเฟิงและนาจาก็ออกจากวังสวรรค์ มุ่งหน้าไปยังสุสานมังกรดำ

……………

ท่ามกลางเทือกเขามหึมาที่ทอดยาวนับหมื่นลี้ มีรัศมีมังกรลอยวนอยู่

ที่นี่คือสถานที่ตั้งของเผ่ามังกรเจียว เผ่าราชันสัตว์เทพ

ทันใดนั้น เสียงอันทรงพลังก็ดังก้องขึ้น

“ฮ่าวเทียน ในอดีตหลังจากที่มหาปราชญ์มังกรดำถูกขับไล่ออกจากเผ่ามังกร เขาก็หายสาบสูญไป ผู้คนต่างคิดว่าเขาไปยังมณฑลเทพแห่งอื่น แต่เผ่ามังกรเจียวของเรารู้ดีว่าเขาได้สิ้นใจไปแล้ว ณ สถานที่แห่งหนึ่งในมณฑลเทพแห่งนี้”

“หลายปีมานี้ เผ่ามังกรเจียวของเราได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อค้นหาเหรียญตรามังกรดำ จนกระทั่งพบเพียงสองเหรียญ”

“บัดนี้ ถึงเวลาที่สุสานจะเปิดออก เจ้าจงนำเหรียญตรามังกรดำไปนำมรดกและอัฐิของเขากลับมา ในอนาคตสายเลือดของเจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน!”

สิ้นคำกล่าว เด็กหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งสวมชุดยาวสีทองก็ค่อย ๆ เดินออกมา

บนศีรษะเขามีเขาของมังกรเจียวสีเขียวสองข้าง ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว ส่องประกายระยิบระยับ

เห็นเกล็ดมังกรสีเขียวปรากฏขึ้นใต้ผิวหนังอย่างเลือนราง รัศมีอันน่าเกรงขามแผ่กระจายไปทั่วร่าง

เด็กหนุ่มผู้นี้คืออัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัยของเผ่ามังกรเจียว มีนามว่าเจียวฮ่าวเทียน

เผ่ามังกรเจียวเป็นเผ่าราชันในพันธมิตรสัตว์เทพ แม้จะมิใช่เผ่าจักรพรรดิสัตว์เทพ แต่ด้วยสายเลือดมังกรที่ไหลเวียนอยู่ภายใน ทำให้พลังของพวกเขาไม่อาจมองข้าม

ภายในเผ่ายังมีมหาปราชญ์ประจำการอยู่ จึงยิ่งใหญ่ไร้ผู้ต่อต้าน

“ขอรับ ฮ่าวเทียนจะทำตามคำสั่งของบรรพบุรุษ นำมรดกและอัฐิของมหาปราชญ์มังกรดำกลับมาให้จงได้”

เจียวฮ่าวเทียนคำนับ ระหว่างคิ้วมีประกายแห่งความเย่อหยิ่ง สง่างามดุจวีรบุรุษ

ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง หากได้รับมรดกของมหาปราชญ์มังกรดำ และหลอมรวมสายเลือดของอีกฝ่ายเข้ากับตนเอง

เขาจะต้องวิวัฒนาการเป็นมังกรเทพสายเลือดบริสุทธิ์

เมื่อถึงเวลานั้น แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่ามังกร เขาก็มิหวั่นเกรง

จากนั้นเจียวฮ่าวเทียนก็จากไปเพียงลำพัง

เรื่องนี้มิควรเปิดเผยต่อสาธารณชน เขาจึงมิได้พาผู้ติดตามหรือทหารองครักษ์ไปด้วย

แน่นอนว่าเขายังมีผู้คุ้มกัน

เพราะเขาคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่ามังกรเจียว ความหวังของเผ่าในอนาคต การเดินทางออกนอกเผ่าย่อมต้องมีผู้คุ้มกัน

……………

อีกด้านหนึ่ง

ด้วยระยะทางที่ไกลโพ้น

นาจาจึงพากู้ชิงเฟิงเหาะเหินเดินอากาศไป

แต่วิธีการของเขานั้น มิได้อ่อนโยนนัก

ในเวลานี้ กู้ชิงเฟิงที่ถูกนาจาหิ้วไปด้วยมือข้างหนึ่ง มีสีหน้าจนใจ

แต่เมื่อเขาก้มลงมองกงล้อเพลิงที่อยู่ใต้เท้าของนาจา ผ้าแพรแดงที่พันรอบตัว และห่วงทองคำที่ข้อมือ ก็อดรู้สึกตกตะลึงมิได้

ก่อนหน้านี้ ชายชราไป๋อวี่บอกเขาว่าทั้งสามสิ่งล้วนเป็นอาวุธปราชญ์!

“แม้แต่ปราชญ์รุ่นเก่า การมีอาวุธปราชญ์หนึ่งชิ้นก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่นาจากลับมีถึงสามชิ้น!”

กู้ชิงเฟิงรู้สึกใจสั่น ใบหน้าชาชิน

เขาได้แต่ถอนหายใจ วังสวรรค์แห่งนี้ร่ำรวยยิ่งนัก

เด็กคนหนึ่งเดินทางออกนอกวังสวรรค์ ยังมีอาวุธปราชญ์ถึงสามชิ้น

ชายชราไป๋อวี่ก็รู้สึกท้อแท้เช่นกัน เขาบำเพ็ญเพียรมาทั้งชีวิต ก็มีเพียงอาวุธปราชญ์หนึ่งชิ้นเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น คุณภาพของอาวุธปราชญ์ของเขายังเทียบมิได้กับอาวุธปราชญ์ของนาจาแม้แต่ชิ้นเดียว

เปรียบเทียบกันแล้ว สมบัติของเขากลายเป็นเพียงเศษขยะ

ชายชราไป๋อวี่รู้สึกท้อแท้จนพูดไม่ออก

จี๋อวิ๋นที่กำลังควบคุมหุ่นเชิดนาจาจากไข่มุกมารอยู่ มิได้สังเกตเห็นสีหน้าตกตะลึงและท้อแท้ของกู้ชิงเฟิงและชายชราไป๋อวี่

เขากำลังสัมผัสถึงพลังและสมบัติเวทของนาจา

หากเทียบกับเฟยเผิงที่บริสุทธิ์ มีเพียงกระบี่สะบั้นอสูรเพียงเล่มเดียว

นาจาจากไข่มุกมารกลับร่ำรวยยิ่งกว่า

สมบัติเวทที่ปรากฏให้เห็นมีหอกอัคคี กงล้อเพลิง ผ้าแพรป่วนฟ้า และห่วงจักรวาล

ส่วนที่ซ่อนไว้มีเกราะเพลิงเทพเก้ามังกร อิฐทองคำ กระบี่คู่หยินหยาง

ทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า

ยิ่งไปกว่านั้น ล้วนอยู่ในสภาพถูกผนึก และจะค่อย ๆ คลายออกตามระดับตบะของนาจา

“นี่มันเด็กน้อยมากสมบัติชัด ๆ”

จี๋อวิ๋นตกตะลึงกับจำนวนสมบัติเวทของนาจา สมกับที่นิกายฉ่านชอบให้ท้ายศิษย์ สมบัติเวทมีครบครันทุกอย่าง

แต่สำหรับเขานั้น นับเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง

ด้วยสมบัติเวทเหล่านี้ พลังรบของนาจาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

จากนั้น ภายใต้การควบคุมของจี๋อวิ๋น นาจาเร่งความเร็วของกงล้อเพลิงจนถึงขีดสุด

ไม่กี่วันต่อมา พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง

ณ มุมหนึ่งทางทิศตะวันออกของมณฑลเทพจงถู ที่นี่คือป่าใหญ่แห่งความมืดมิด

จากนั้น กู้ชิงเฟิงก็หยิบเหรียญตรามังกรดำออกมา

ตามคำแนะนำของแผนที่บนเหรียญ พวกเขาใช้เวลาครึ่งวันเดินทางลึกเข้าไปในป่าใหญ่

ณ ที่แห่งนั้นมีต้นไม้โบราณต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่

“ที่นี่แหละ”

กู้ชิงเฟิงถือเหรียญตรามังกรดำ ชี้ไปยังต้นไม้โบราณต้นนั้น

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในความว่างเปล่าอันไกลโพ้น มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขามา

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด