ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 12 นาจาจากไข่มุกมาร
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 12 นาจาจากไข่มุกมาร
ภายในโถงใหญ่
หลังจากความตื่นเต้นผ่านพ้นไป จี๋อวิ๋นก็หลอมรวมกายาเทพมารปฐมกาลเข้ากับร่างกายของเขาโดยไม่ลังเล
ตู้ม!
ในขณะที่หลอมรวม จี๋อวิ๋นรู้สึกราวกับดวงวิญญาณของเขาระเบิดออก
เบื้องหน้าปรากฏภาพเหตุการณ์มากมาย เห็นเพียงความว่างเปล่าอันมืดมัว ไร้ซึ่งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย เบื้องขวา ไร้ซึ่งกาลเวลา เงียบสงัดไร้ชีวิต
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ภายในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ไพศาลก็เริ่มปรากฏสิ่งมีชีวิตขึ้นมา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา แต่ละตนเมื่อกำเนิดก็ก่อให้เกิดพายุหมุน มีอิทธิฤทธิ์มากมาย พลังเวทไร้ขอบเขต
ในเวลานี้ จี๋อวิ๋นเปรียบเสมือนผู้สังเกตการณ์ มองดูสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตั้งแต่เกิดจนตาย จากอ่อนแอจนแข็งแกร่ง
ทุกสิ่งทุกอย่าง ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างชัดเจน
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ราวกับเพียงพริบตา หรืออาจเป็นนิรันดร์
เมื่อจี๋อวิ๋นลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาก็เผยความสับสนออกมา
แต่ไม่นานเขาก็กลับสู่สภาวะปกติ ถอนหายใจยาว
“เทพมารสามพันตน ช่างน่าสะพรึงกลัว”
จี๋อวิ๋นได้เห็นพลังของเทพมารเหล่านี้ด้วยตาตนเอง พลังของพวกเขาแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้
หากเขาสามารถบรรลุถึงระดับนั้นได้ อย่าว่าแต่การแก้แค้นเลย แม้แต่การเป็นผู้ปกครองฟ้าดินก็มิใช่ปัญหา!
ต่อมา จี๋อวิ๋นเริ่มสำรวจร่างกายของเขา สิ่งแรกคือกายเนื้อและดวงวิญญาณของเขา
กายเนื้อของเขาเปล่งประกาย ร่างกายสง่างามราวกับต้นสน ผุดผ่องราวกับหยกเซียนชั้นเลิศ
ส่วนดวงวิญญาณ ห้วงสมุทรแห่งปัญญาของเขากว้างใหญ่ไพศาลดุจมหาสมุทร ไม่อาจหยั่งถึง
ต่อมาคือปัญญา เขารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังสอดคล้องกับมหามรรคอยู่ตลอดเวลา มีความเข้าใจมากมายไหลทะลักเข้ามาดุจสายน้ำ
ช่วยให้เขาบำเพ็ญได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญด้วยตนเอง ราวกับว่ามหามรรคของฟ้าดินกำลังปูทางให้กับเขา
“นี่คือพลังของกายาเทพมารปฐมกาลหรือ…”
จี๋อวิ๋นกลับชาติมาเกิดสองครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถบำเพ็ญได้อย่างสะดวกสบายเช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญอย่างตั้งใจ
ความรู้สึกนี้ราวกับว่ากายาเทพมารปฐมกาลกำลังบำเพ็ญด้วยตนเอง แม้แต่ตอนที่จี๋อวิ๋นนอนหลับก็เช่นกัน
“แข็งแกร่งยิ่งนัก”
จี๋อวิ๋นรู้สึกทึ่งในใจ ด้วยวิธีนี้ตบะของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดก็แก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถบำเพ็ญได้ จี๋อวิ๋นจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ต่อมาเขาวางแผนที่จะสุ่มครั้งที่สอง
“ปัญหาพรสวรรค์ร่างกายได้รับการแก้ไขแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องการมากนัก ขอสุ่มหุ่นเชิดดีกว่า”
จี๋อวิ๋นสุ่มได้กายาเทพมารปฐมกาลแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความคาดหวังมากนักสำหรับการสุ่มครั้งที่สอง แม้ว่าจะสุ่มได้ของไร้ค่า เขาก็ยังคงได้กำไรอยู่ดี
ดังนั้น เขาจึงเริ่มสุ่มหุ่นเชิดอย่างไม่ใส่ใจนัก
แม้แต่ภาพเคลื่อนไหวเขาก็ไม่ได้สนใจ
บึช!
ครู่ต่อมา การสุ่มก็เสร็จสิ้น
ทันใดนั้นเบื้องหน้าจี๋อวิ๋น ปรากฏร่างเงาขึ้น
ร่างเล็กก้าวเหยียบกงล้อเพลิง ผ้าแพรแดงพันรอบตัว โบกสะบัดไปมา ที่ข้อมือสวมห่วงทองคำ ในมือถือหอกเทพเปล่งประกายเย็นเยียบ ราวกับมีเปลวเพลิงล้อมรอบ
ติ๊ง!
[ยินดีด้วย เจ้าภาพสุ่มได้ นาจาจากไข่มุกมาร!]
อืม?
เมื่อจี๋อวิ๋นได้ยินเสียงของระบบ และมองไปยังร่างเล็ก ๆ เบื้องหน้า ใบหน้าของเขาก็เผยความตกตะลึงและประหลาดใจ
“นาจาหรือ?”
“ไม่คิดเลยว่าโชคของข้าจะยังคงดีเช่นนี้!”
อย่างไรก็ตาม นาจาผู้นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่นาจาจากโลกเทพนิยายดั้งเดิม แต่เป็นนาจาจากไข่มุกมารที่ปรากฏในภาพยนตร์
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นนาจาจากโลกเทพนิยายดั้งเดิมหรือนาจาที่ปรากฏในภาพยนตร์ พวกเขาก็ล้วนไม่ใช่คนอ่อนแอ
จี๋อวิ๋นก็อัญเชิญนาจาออกมาในบัดดล
ฟรึบ!
เห็นเพียงกลุ่มแสงสลายไป ร่างเงาของหุ่นเชิดนาจาจากไข่มุกมารก็ปรากฏขึ้น ยืนอยู่เบื้องหน้าจี๋อวิ๋น
จี๋อวิ๋นตรวจสอบอย่างละเอียด พลังเริ่มต้นของนาจาจากไข่มุกมารผู้นี้เทียบเท่าระดับปราชญ์
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงพลังในขณะที่ถูกผนึก
จี๋อวิ๋นรู้ดีว่านาจาจากไข่มุกมารยังมีสภาวะตื่นรู้อยู่
ในสภาวะตื่นรู้นั้น พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ในสภาวะตื่นรู้นั้น พลังของนาจาจากไข่มุกมารน่าจะเทียบเท่าระดับราชันปราชญ์ ไม่ต่างจากเฟยเผิง”
จี๋อวิ๋นกล่าวในใจ
เช่นนี้แล้ว เขาก็จะมีหุ่นเชิดที่มีพลังเทียบเท่าระดับราชันปราชญ์สองคนแล้ว
บวกกับทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนาย แม้แต่มหาปราชญ์ก็มิอาจต่อกร และเมื่อพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แม้แต่การเผชิญหน้ากับกึ่งเทพก็ไม่หวั่นเกรง!
“ยังไม่พอ ต้องการหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งมากกว่านี้!”
ด้วยหุ่นเชิดเหล่านี้ อย่าว่าแต่การรวมโลกเบื้องล่างเลย แม้แต่การรวมมณฑลเทพจงถูก็ยังคงยากลำบาก
แม้ว่าโลกเบื้องล่างจะขาดการติดต่อกับโลกเบื้องบนมาเป็นเวลานาน แต่ในโลกเบื้องล่างก็ยังมียอดฝีมือที่น่าทึ่งอยู่ไม่น้อย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมีชีวิตเป็นอมตะได้ แต่พวกเขาก็คิดค้นวิธีการมีชีวิตเป็นอมตะในรูปแบบอื่นขึ้นมา หลบซ่อนตัวอยู่ ไม่สามารถประมาทได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีขุมอำนาจโบราณที่มีภูมิหลังลึกซึ้งอีกมากมายที่ไม่อาจมองข้ามได้
จี๋อวิ๋นจึงไม่ผ่อนคลาย เส้นทางยังอีกยาวไกล
…………
ในเวลาเดียวกัน บนลานกว้างด้านนอกโถงใหญ่
ไม่นานหลังจากที่กู้ชิงเฟิงกลับมา เขาก็มาหาเฟยเผิงอีกครั้ง
จี๋อวิ๋นได้ฝังตราประทับไว้บนหุ่นเชิดทุกตัว ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ในทันที จึงควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงกล่าวว่า
“มีเรื่องอันใดหรือ? หากเป็นเรื่องการทดสอบของทหารสวรรค์สำรอง ข้าบอกเจ้าได้เลยว่าไม่มี มีเพียงระดับทหารสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะมีการทดสอบ”
“ไม่ขอรับ มิใช่เรื่องการทดสอบ ผู้อาวุโสเฟยเผิง ข้ามาที่นี่เพราะสิ่งนี้”
กล่าวจบ กู้ชิงเฟิงก็หยิบเหรียญตราสีดำออกมา บนเหรียญตราสลักลายมังกร แผ่รัศมีมังกรออกมาอย่างเลือนราง
“สิ่งนี้คือเหรียญตรามังกรดำ ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ ตอนที่ออกไปฝึกฝน สามารถเปิดสุสานมังกรดำได้ ว่ากันว่าภายในสุสานมีซากศพของมหาปราชญ์มังกรดำที่ล่วงลับไปแล้ว และสมบัติที่เขาทิ้งไว้”
โอ้?
เมื่อจี๋อวิ๋นได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
เขามองกู้ชิงเฟิง รู้สึกประหลาดใจในใจ
สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ เพียงแค่ออกไปฝึกฝนก็สามารถได้รับโอกาส
เรื่องนี้พิสูจน์ได้อย่างเต็มที่ว่าการที่จี๋อวิ๋นรับเขาเข้าสำนักนั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
“สมบัติเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปเอง กลับเปิดเผยออกมาเล่า” จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงกล่าว
“ในเมื่อข้าเข้าร่วมวังสวรรค์แล้ว แน่นอนว่าข้าไม่อาจปกปิดสิ่งใดได้”
กู้ชิงเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดว่าวังสวรรค์จะยึดสมบัติของเขา
เพราะในความคิดของเขา วังสวรรค์นั้นแข็งแกร่งจนไม่อาจหยั่งถึง แม้ว่าสมบัติของมังกรดำจะดี แต่คงไม่สามารถเข้าตาของวังสวรรค์ได้
“ดีมาก”
จี๋อวิ๋นพยักหน้า ด้วยระบบ เขาสามารถรับรู้ได้ว่ากู้ชิงเฟิงกำลังพูดความจริง
ดูเหมือนว่าบุตรแห่งสวรรค์ผู้นี้จะเป็นคนซื่อสัตย์
แต่บุตรแห่งสวรรค์บางคนนั้นเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ หากได้พบกับบุตรแห่งสวรรค์ประเภทนั้น จี๋อวิ๋นจะไม่ลังเลที่จะกำจัดทิ้ง
ส่วนคนที่ภักดีต่อวังสวรรค์อย่างแท้จริง เขาก็จะไม่ใจร้าย จะแบ่งปันผลประโยชน์ให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
“ผู้อาวุโสเฟยเผิง ท่านจะไปกับข้าหรือไม่? หรือจะส่งผู้อาวุโสทหารสวรรค์ไป”
กู้ชิงเฟิงไม่รู้ว่าจี๋อวิ๋นกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยถาม
“ไม่ต้อง”
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงส่ายหน้า “พอดีเลย ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับสมาชิกอีกคนของวังสวรรค์”
“ออกมาเถิด องค์ชายสาม”
สิ้นเสียง ฝีเท้าก็ดังขึ้น
กู้ชิงเฟิงมองตามเสียงไป เห็นเพียงร่างเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า