(ฟรี) บทที่ 620 ข้าเดาว่ามันคงกำลังถูกทุบตี
เหมิงเย่ไม่เคยฝันถึงวันนี้
เขาคิดว่าตนสามารถสังหารมนุษย์ธรรมดาและล้างแค้นให้อู๋ฮวนได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะเกินจริงถึงขนาดนี้!
ไม่ต้องพูดถึงการทำลายกระจกบรรพโกลาหล แม้แต่ท่านชินระก็...
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสตรีนางนี้ไม่ใช่สายลับที่ถูกส่งมาจากอาณาจักรเบื้องบน แต่เป็นมนุษย์ที่เกิดและเติบโตในโลกเบื้องล่าง!
มองดูเศียรของพระศรีอริยเมตไตรยที่ยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าแม้จะกลิ้งหลุนๆอยู่บนพื้น ลำคอของเหมิงเย่ก็ตีบตัน
“บ้าไปแล้ว!”
ชินระผู้ยิ่งใหญ่และมีอำนาจเหนือสรรพสิ่ง แท้จริงแล้วกลับถูกมนุษย์ฟันหัวขาด?
“สตรีนางนี้ต้องเป็นสัตว์ประหลาด!”
เหลิงอู่เหยียนค่อยๆเหินกายลงมาจากฟากฟ้า สีหน้าของนางยังคงสงบ
มองดูรูปปั้นพุทธะที่แตกหักบนพื้น สายตาของนางเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ด้วยการสะบัดแขนเสื้อ เศษพระพุทธรูปก็กลายเป็นผงธุลีและสลายไป
เหมิงเย่กลับมามีสติอีกครั้ง สีหน้าเปลี่ยนไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นด้วยเสียงดังลั่น “ท่านเทพธิดาโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย นี่คือคำสั่งของชินระ ผู้น้อยเพียงถูกบังคับให้กระทำ!”
“ตราบใดที่ท่านเทพธิดาละเว้นชีวิตน้อยๆนี้ ข้าก็ยินดีเป็นสุนัขรับใช้คอยรายงานข่าวทั้งหมดจากอาณาจักรเบื้องบนให้ท่านทราบ!”
ถึงตอนนี้เขาตระหนักว่าตนไม่หลงเหลือความหวังในการแก้แค้นอีกต่อไป
ความหวาดกลัวครอบงำจิตใจของเขาอย่างสมบูรณ์
ตราบใดที่สามารถมีชีวิตรอด เขายอมกระทำทุกอย่าง!
“อีกอย่าง ยังมีศิษย์คนโปรดของท่านด้วย ข้าไม่ได้ทำร้ายเขาเลย!”
เขาคิดว่าการจับหลี่หรานไว้เป็นการเคลื่อนไหวที่ดี แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้
ลำไส้ของเหมิงเย่เกือบจะกลายเป็นสีเขียวด้วยความเสียใจ
เหลิงอู่เหยียนมองอย่างรังเกียจ นางยกมือขึ้น และกระจกบรรพโกลาหลก็บินเข้ามาในมือ
นางส่งกระจกให้อวี้ชิงหลันก่อนจะกล่าว “ข้าจงใจออมแรงไว้เป็นพิเศษ เจ้าลองดูว่ามันยังใช้งานได้อยู่ไหม”
อวี้ชิงหลันโคจรพลังวิญญาณลงไป และกระจกก็ส่องสว่างขึ้นมา จากนั้นก็ดับลงโดยสิ้นเชิง
“มันเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆเท่านั้น แม้แต่พลังก็ยังไม่สมบูรณ์ แต่หลี่หรานติดอยู่ที่นี่จริงๆ”
เหลิงอู่เหยียนพยักหน้า “พาหรานเอ๋อร์ออกมา”
ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง กรามของเหมิงเย่แทบจะร่วงลงกับพื้น
แม่ชีเต๋านางนี้สามารถควบคุมกระจกบรรพโกลาหลได้จริงๆ?
เป็นไปได้ไหมว่านางก็ทลายพันธนาการแห่งสวรรค์และโลกไปแล้ว?
นี่ยังเป็นโลกมนุษย์ที่เขารู้จักอยู่หรือเปล่า? ทำไมทุกคนถึงเสียสติกันไปหมด?!
“อืม” อวี้ชิงหลันเหลือบมองเหมิงเย่ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชา “แล้วมันล่ะ?”
คนคนนี้กล้าลงมือกับหลี่หราน นางไม่ฆ่ามันทันทีก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ไม่ต้องกังวล รอหรานเอ๋อร์ออกมาก่อน”
“เอาล่ะ”
อวี้ชิงหลันสงบลง ทักษะเต๋าเริ่มหมุนวน และกระจกบรรพโกลาหลก็ส่องสว่างอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏออกมาจากอากาศว่างเปล่า
หลี่หรานยังคงนั่งขัดสมาธิ แต่เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าตนออกมาจากหมอกแล้ว
อาจารย์ทั้งสองยืนอยู่ข้างๆพลางมองดูเขา
“อาจารย์อู่เหยียน? อาจารย์ชิงหลัน?” หลี่หรานเกาหัว “ดูเหมือนว่าศิษย์คนนี้จะรอดแล้ว?”
อวี้ชิงหลันมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “เจ้าทำให้พวกเรากลัวแทบตาย”
ภายในกระจกบรรพโกลาหลเป็นอีกมิติหนึ่ง แม้แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถข้ามผ่านได้ หากไม่มีด้ายแดงแห่งการสมรส การค้นหาเขาคงไม่ง่ายนัก
หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา มันคงสายเกินไปที่จะเสียใจ
เมื่อเห็นว่าหลี่หรานสบายดี ความกังวลของเหลิงอู่เหยียนก็ผ่อนคลายลงในที่สุด ดวงตาของนางอ่อนลงมาก “ไม่เป็นไร ดีแล้วที่เจ้าสบายดี”
ขณะที่พูด นางก็มองไปยังเยว่เจียนหลี่ที่อยู่ด้านข้าง
“หัวหน้าศิษย์เยว่?”
เยว่เจียนหลี่ประสานมือคารวะทันที “เจียนหลี่คารวะผู้นำนิกายเหลิง นักพรตอวี้”
เหลิงอู่เหยียนไม่ได้พูดอะไรและมองดูอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
เนื่องจากทั้งสองติดอยู่ในกระจกพร้อมกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องอยู่ด้วยกันก่อนจะพบกับเหมิงเย่
หนุ่มหล่อกับสาวงามอยู่ด้วยกันตามลำพังจะมีสิ่งใดให้กระทำอีก?
เยว่เจียนหลี่รู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมอง สายตาของนางเบนออกและไม่กล้าสบตา
ในเวลานี้เอง หลี่หรานเดินเข้ามายืนตรงกลางระหว่างทั้งสองแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์ ชายชราผู้นั้นมีความแค้นอะไรต่อท่าน?”
สายตาของเหลิงอู่เหยียนถูกปิดกั้น เยว่เจียนหลี่จึงรู้สึกโล่งใจทันที จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าแผ่นหลังของตนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นในบางจุด
‘สายตาของผู้นำนิกายเหลิงน่ากลัวจริงๆ...’
เยว่เจียนหลี่กลืนน้ำลาย นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งผ่านการต่อสู้มาและรังสีฆ่าฟันยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่ร่องรอยเล็กน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะทนรับได้
เหลิงอู่เหยียนกล่าวว่า “ข้ามีความบาดหมางกับมันเล็กน้อย สำหรับรายละเอียดเฉพาะ... ไว้ค่อยคุยกันเมื่อเรากลับไป”
หลี่หรานพยักหน้า “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อล้างแค้นจริงๆ”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ นี่เป็นเพียงความเข้าใจผิด” เหมิงเย่ถูมือเข้าด้วยกันพร้อมรอยยิ้ม
หลี่หรานหัวเราะอย่างดูถูก “ความเข้าใจผิดบ้านเอ็งสิ! หากภูมิหลังของข้าไม่แข็งแกร่งพอ บางทีเจ้าอาจได้สิ่งที่ต้องการจริงๆ!”
“โชคดีข้าวที่ข้าเลือก... อะแฮ่ม อาจารย์ที่ข้าเลือกแข็งแกร่งพอ และการฆ่าเจ้าก็เหมือนกับการบีบมด!”
ล้อเล่นน่า บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่อย่างเขาย่อมไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างเปล่าประโยชน์!
หากไม่แม้แต่จะจัดการเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ข้าวนุ่มๆของเขาคงจะไร้ค่า!
แก้มของอวี้ชิงหลันแดงระเรื่อ และนางก็แอบสาปแช่งอย่างลับๆ
‘เจ้าศิษย์อกตัญญูนี่พูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว!’
ท่าทางของเหลิงอู่เหยียนก็ไม่เป็นธรรมชาติเช่นกัน นางกระแอมในลำคอก่อนจะพูดว่า “หรานเอ๋อร์ เจ้าวางแผนจะจัดการกับมันอย่างไร?”
“ถ้าไร้ประโยชน์ก็ฆ่าทิ้งไปเลย”
“ดี” เหลิงอู่เหยียนพยักหน้า
หนังศีรษะของเหมิงเย่ด้านชา เขารีบพูดอย่างร้อนรน “มีประโยชน์ มีประโยชน์แน่นอน! ผู้น้อยเต็มใจจะเป็นวัวเป็นม้าให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่i!”
หลี่หรานโบกมืออย่างไม่อดทน “ข้ามีทั้งความร่ำรวยและอำนาจ ทำไมยังต้องการเจ้าอีก?”
“……” ใบหน้าของเหมิงเย่เปลี่ยนเป็นสีเขียว
แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร เหลิงอู่เหยียนก็ยกนิ้วขึ้นและปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาทันที
แสงอันน่าสยดสยองวูบไหว และทั้งร่างก็สลายไปเหมือนเม็ดทราย
หลังจากที่ร่างกายถูกทำลายสิ้น วิญญาณโปร่งแสงก็พยายามหลบหนี แต่มันบินออกไปเพียงครึ่งลี้ก่อนจะถูกตรึงอยู่กับที่
วิญญาณถูกเผาไหม้กลางอากาศ มันกรีดร้องคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช ก่อนจะสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
เหลือเพียงกลุ่มก้อนความทรงจำอันบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
เมื่อไม่มีกระจกบรรพโกลาหล เหมิงเย่ก็ไม่อาจแม้แต่จะต่อต้าน
หลี่หรานมองฉากนี้อย่างไม่แยแส
เนื่องจากมันเป็นศัตรูของท่านอาจารย์ การตายจึงสมควรแล้ว
ในเวลานี้ หลี่หรานนึกถึงบางอย่าง จึงมองไปรอบๆ แล้วถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ ท่านเห็นเฉินหยุนเต๋าบ้างไหม”
นี่คือเทือกเขาเฟยหยุน
หากบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระราชวังเต๋าสูงสุด แม้แต่ผีก็คงไม่เชื่อ!
“โอ้ เกือบลืมไปเลย...” เหลิงอู่เหยียนยิ้มเยาะ “ข้าเดาว่ามันคงกำลังถูกทุบตี”
“ถูกทุบตี?”
***
รกรากแห่งเต๋า
ร่างของเฉินหยุนเต๋ารวดเร็วราวปานสายฟ้า เขาเหาะมาที่เชิงผาด้วยความเร่งรีบ
“สตรีบ้าสามคนนั่นมาอยู่ที่นี่กันหมด! ไม่รู้ว่าท่านทูตจะทนได้นานแค่ไหน...”
ตู้ม!
เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่มาจากเทือกเขาเฟยหยุน สีหน้าของเขาก็ยิ่งตึงเครียด
“ไม่ได้การ เรื่องนี้รอไม่ได้แล้ว ข้าต้องรายงานปรมาจารย์หย่งเย่โดยเร็วที่สุด!”
เฉินหยุนเต๋ากำลังจะก้าวเข้าไปในถ้ำ แต่จู่ๆม่านตาก็ต้องหดตัวลงอย่างกะทันหัน และทั้งร่างก็แข็งค้างอยู่กับที่
ตรงปากทางเข้าถ้ำ หญิงสาวเท้าเปล่ายืนกอดอกพิงกำแพง พร้อมกับหาวอย่างเบื่อหน่าย
ผิวของนางขาวราวกับหิมะ รูปลักษณ์และรูปร่างสมบูรณ์แบบ แม้แต่อาภรณ์สีเขียวดาดๆก็ไม่อาจซ่อนความงดงามได้
“ชักช้าเสียจริง มารดาคนนี้รอเจ้ามาครึ่งวันแล้ว”
เฉินหยุนเต๋า: “……”
/////
吃软饭 (chī ruǎn fàn) แปลตรงตัวได้ว่า “กินข้าวนิ่ม” หมายถึง เลี้ยงชีพด้วยการเกาะผู้หญิงกิน