ตอนที่แล้วบทที่ 189 สีขาวราวกับหิมะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 191 กำหนดความสัมพันธ์ (2)

(ฟรี) บทที่ 190 กำหนดความสัมพันธ์ (1)


สวี่ชิวเหวินพบม้านั่งหินริมทางแล้วนั่งลง จากนั้นก็เริ่มการรอคอย

ในระหว่างที่รอ สวี่ชิวเหวินรู้สึกถึงความคาดหวัง ความประหม่า และความกังวลผสมปนเปกันไป อารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เฉิงลู่ก็ยังไม่ปรากฏตัว

เขาเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย หากมีบุหรี่ในเวลานี้ เขาคงจะสูบบุหรี่มันสักหน่อยเพื่อคลายความกระสับกระส่ายของเขา

หลังจากรออยู่อีกสักพัก เฉิงลู่ก็ยังไม่มา

สวี่ชิวเหวินอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเฉิงลู่ถูกป้าหอพักจับไว้และไม่สามารถออกมาได้หรือเปล่า?

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความอีกฉบับให้เฉิงลู่อีก

แต่มันไม่ได้รับการตอบกลับ

เขารอจนกระทั่งห้าโมงเย็น เวลาที่ชั้นเรียนใกล้จะเลิกแล้ว

ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังเริ่มลับขอบฟ้า แต่งแต้มทิวทัศน์ด้วยสีแดงเพลิง

ยามเย็นของฤดูใบไม้ร่วงในจินหลิงนั้นสวยงามเป็นพิเศษ

สวี่ชิวเหวินมองดูเมฆที่ลุกไหม้บนท้องฟ้า และอารมณ์ของเขาก็สงบลงมาก

ในเวลานี้ เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นจากด้านหลังของเขา

สวี่ชิวเหวินหันกลับไปและเห็นเฉิงลู่วิ่งมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ

เขารีบถามอย่างรวดเร็ว “ทำไมเธอถึงพึ่งมาล่ะ?”

เฉิงลู่กลอกตาใส่สวี่ชิวเหวิน “คุณป้าหอพักไม่ยอมปล่อยฉันออกมา เธอยืนกรานให้ฉันบอกว่าคุณมาจากชั้นเรียนไหน”

สวี่ชิวเหวินได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วสุดท้ายเธอออกมาได้ยังไง?”

เฉิงลู่ยิ้มอย่างขบขัน “ฉันบอกว่าคุณเป็นอันธพาลที่คอยตามรังควานฉัน และฉันไม่รู้ชื่อของคุณด้วยซ้ำ เธอก็เลยปล่อยฉันมา”

“ฉันไปเป็นอันธพาลและคอยตามรังควานเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เฉิงลู่หัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณไม่ใช่พวกอันธพาล ทำไมคุณถึงขึ้นมาบนหอพักหญิงล่ะ?”

สวี่ชิวเหวินพูดไม่ออก “ถ้าฉันไม่ขึ้นไปเธอจะลงมาพบฉันหรอ?”

“รู้ได้ยังไงว่าฉันไม่อยากลงมาพบคุณ?” หลังจากพูดอย่างนั้น เฉิงลู่ก็หน้าแดงและเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “ฉันไม่ลงมาหรอก!”

สวี่ชิวเหวินหัวเราะเบาๆ “แล้วทำไมเธอถึงรีบวิ่งมาที่นี่จนหายใจไม่ออก? ไม่ใช่เพื่อมาพบฉันเหรอ?”

ใบหน้าของเฉิงลู่แดงก่ำกว่าเดิม แดงเสียยิ่งกว่าเมฆที่ลุกไหม้บนท้องฟ้า สูญเสียภาพลักษณ์ภูเขาน้ำแข็งตามปกติไปโดยสิ้นเชิง

เธอพยายามทำเป็นสงบและแสดงสีหน้าเย็นชา แต่ก็พบว่ามันทำได้ยากจึงถามออกมาแทน “คุณบอกว่ามีอะไรจะพูดกับฉันไม่ใช่เหรอ? รีบพูดมาสิ”

ด้วยคำถามของเฉิงลู่ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป

ตอนนี้เป็นคราวของสวี่ชิวเหวินที่ต้องรู้สึกกังวล

เขาคิดว่าตนเป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์ ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะรู้สึกประหม่าในสถานการณ์เช่นนี้

สวี่ชิวเหวินมองไปยังใบหน้างดงามของเฉิงลู่และดวงตาที่สดใสของเธอ

หญิงสาวคนนี้คือไป๋เยว่กวงในชีวิตก่อนของเขา และเขาชอบเธอมานานกว่าทศวรรษแล้ว

สวี่ชิวเหวินนึกถึงการรวมตัวในชั้นเรียนหลังจากสำเร็จการศึกษาในชีวิตก่อน ซึ่งเขาได้ยินเพื่อนร่วมชั้นพูดถึงเฉิงลู่

หลังจากสำเร็จการศึกษา เฉิงลู่ก็กลับไปที่หางโจวเพื่อทำงานเป็นข้าราชการ

ด้วยรูปลักษณ์ที่สุดยอด ครอบครัวที่ดี บวกกับการงานและอนาคตอันสดใส ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนๆเฉิงลู่ก็เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุด

แต่ถึงแม้จะมีคุณสมบัติทั้งหมดนี้ จนกระทั่งถึงการรวมตัวในชั้นเรียนที่ทุกคนล้วนอายุสามสิบกันหมด เฉิงลู่ก็ยังคงเป็นโสด

เฉิงลู่ในชีวิตก่อนดูเหมือนจะไม่สนใจผู้ชายคนใดเลย

แต่ในชีวิตนี้ เฉิงลู่กลับมีความประทับใจที่ดีต่อเขามาก ด้วยเหตุนี้สวี่ชิวเหวินจึงมั่นใจ

เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้พัฒนาไปจนถึงระดับความชอบพอหรือไม่

แท้จริงแล้ว แนวทางปฏิบัติที่รอบคอบที่สุดคือการรักษาความสัมพันธ์กับเฉิงลู่ต่อไป จนกระทั่งความรู้สึกทั้งหมดตรงกัน และทุกอย่างจะลงตัวโดยธรรมชาติ

แต่เขาไม่อยากรออีกต่อไป

การเตรียมงานเลี้ยงนี้ทำให้เขาและเฉิงลู่มีโอกาสได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากมาย แต่ตอนนี้เมื่อมันจบลง โอกาสที่ทั้งสองจะได้พบกันอีกก็ย่อมน้อยมาก

ดังนั้นเขาจึงกระตือรือร้นที่จะยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขา

เฉิงลู่จ้องมองมาที่สวี่ชิวเหวิน ราวกับจะคาดเดาสิ่งที่เขาต้องการพูด

ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เฉิงลู่พึมพำกับตัวเองแต่ก็ราวกับต้องการให้เขาได้ยินเช่นกัน “ใครจะคิดว่าเจ้าชายเจียงหลิงก็รู้สึกประหม่าและเขินอายเป็นเหมือนกัน งั้นเรามานั่งรอสักพักจนกว่าเขาจะพร้อมก็แล้วกัน”

เฉิงลู่นั่งลงบนม้านั่งหินข้างๆสวี่ชิวเหวิน

แต่ถึงแม้เธอจะนั่งลงแล้ว เขาก็ยังคงเงียบอยู่

เห็นได้ชัดว่าสวี่ชิวเหวินเตรียมสิ่งที่จะพูดไว้แล้ว แต่เขากลับมีความกังวลมากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะกล่าวออกมา

เฉิงลู่มองไปยังท้องฟ้าตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

และแล้วครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปเช่นนี้

น่าแปลกที่สวี่ชิวเหวินยังไม่พูดอะไร

เฉิงลู่เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “คนที่สงบอยู่เสมอภายใต้ความกดดันบนเวทีและไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้จะได้ยินเสียงเชียร์ของสาวๆมากมายในงานเลี้ยง กลับกลายเป็นคนขี้อายในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สวี่ชิวเหวินก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

แม้ว่าเฉิงลู่จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่เธอจะพูดถึงใครได้อีก?

สวี่ชิวเหวินเปลี่ยนแนวทางกะทันหันและตัดสินใจแสดงทุกอย่างผ่านการกระทำ

เขาวางแผนที่จะจับมือของเฉิงลู่

ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเฉิงลู่จะปฏิเสธ แต่เขาก็ยังสามารถพูดได้ว่ามันเป็นการจับโดยไม่ได้ตั้งใจและมีหนทางให้หลบหนี

เขามองไปยังมือหยกอันบอบบางของเฉิงลู่ที่วางอยู่บนม้านั่ง พร้อมที่จะเอื้อมมือออกไปสัมผัสมัน

แต่ทันใดนั้น จู่ๆเฉิงลู่ก็ยกมือขึ้นเพื่อจัดทรงผม

ความพยายามครั้งแรกของสวี่ชิวเหวินในการจับมือจบลงด้วยความล้มเหลว

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว

เฉิงลู่พูดด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ถ้าคุณไม่พูดอะไร ฉันจะกลับแล้ว”

สวี่ชิวเหวินเสี่ยงที่จะถูกค้นพบและแอบเข้าไปในอาคารหอพักหญิงเพื่อเรียกเฉิงลู่ออกมา แม้ว่าสุดท้ายจะถูกจับได้ก็ตาม แต่หากเขาปล่อยเธอกลับไปตอนนี้ ความเสี่ยงทั้งหมดที่เขาทำมาจะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?

เขารีบตะโกนทันที “อย่าเพิ่งไป!”

เฉิงลู่มองสวี่ชิวเหวินและพูดอย่างใจเย็น “ตอนนี้คุณกล้าพูดแล้ว เมื่อกี้คุณมัวแต่ทำอะไร?”

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของสวี่ชิวเหวินก็ดังขึ้น

สวี่ชิวเหวินหยิบโทรศัพท์ออกมาดู มันเป็นข้อความจากจินฮ่าวหนาน บอกถึงตำแหน่งของร้านอาหารและขอให้เขาไปที่นั่นโดยเร็ว

ทันใดนั้นสวี่ชิวเหวินก็พบข้อแก้ตัวและพูดกับเฉิงลู่ “ตงจุนเชิญทุกคนไปทานอาหารเย็นคืนนี้ มากับฉันสิ”

เฉิงลู่ถามเขา “ฉันจะไปที่นั่นด้วยตัวตนอะไร”

หลังจากหยุดชั่วคราว เธอก็พูดต่อ “ฉันไม่ได้มาจากแผนกของคุณ มันไม่เหมาะสม”

อันที่จริงเธอก็ได้รับข้อความจากตงจุนก่อนที่จะมาพบสวี่ชิวเหวิน

และต่อให้ไม่มีการเชิญ แต่เธอก็ช่วยแผนกการจัดการและวิศวกรรมในการจัดงานเลี้ยง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่ต้อนรับเธอ เธอจงใจพูดเช่นนี้เพื่อดูว่าสวี่ชิวเหวินจะตอบสนองอย่างไร

แต่สวี่ชิวเหวินไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอ

“มีอะไรไม่เหมาะสม? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ งานคงไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ฉันรับประกันได้เลยว่าจะไม่มีใครคัดค้าน”

เฉิงลู่ไม่ได้ยินสิ่งที่เธอต้องการและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เธอยืนขึ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ หันหลังแล้วเริ่มเดินไปทางประตูทิศใต้ของมหาวิทยาลัยเจียวทง

สวี่ชิวเหวินติดตามเธอไปอย่างเงียบๆ

เมื่อพวกเขามาถึงร้านอาหารที่ตงจุนพูดถึง หลังจากเข้ามาในห้องส่วนตัว ทุกคนยกเว้นสวี่ชิวเหวินและเฉิงลู่ก็มาถึงแล้ว

นักศึกษาชายทั้งหมดจากสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ตัวแทนชั้นเรียนและเลขานุการของแผนกการจัดการและวิศวกรรม สมาชิกคณะกรรมการศิลปะ ประธานฝ่ายวรรณกรรมและศิลปะพร้อมทั้งผู้ช่วย รวมทั้งหมดมากกว่าสามสิบคน แบ่งออกเป็นสองโต๊ะ

หลังจากที่สวี่ชิวเหวินและเฉิงลู่มาถึง ตงจุนก็ดึงสวี่ชิวเหวินไปยังที่นั่งหลัก

สวี่ชิวเหวินเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีเฉิงลู่และหนิงหรงนั่งอยู่ทั้งสองด้าน

ทันทีที่เขานั่งลง ตงจุนก็ถามเฉิงลู่ “เฉิงลู่ ทำไมเธอถึงมาพร้อมชิวเหวินล่ะ? บ่ายนี้พวกเธอสองคนคงไม่ได้อยู่ด้วยกันใช่ไหม?”

ขณะที่พูด เขาก็มองสวี่ชิวเหวินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

คนอื่นๆต่างก็หัวเราะเช่นกัน

สวี่ชิวเหวินเหลือบมองเฉิงลู่โดยสัญชาตญาณ อยากรู้ว่าเธอจะตอบอย่างไร

เฉิงลู่พูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เราบังเอิญพบกันระหว่างทาง”

/////