บทที่ 9 : สัญญาการพนัน
บทที่ 9 : สัญญาการพนัน
“บัวเก้าปล้องสีเขียวหยกอย่างนั้นรึ...”
“มันเป็นของหายากอยู่นะ เท่าที่ข้ารู้…แถวนี้ไม่มีใครขายหรอก” หลินเทียนครุ่นคิด
เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของชูเกอ หลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างออก
‘หรือว่า…บัวเก้าปล้องสีเขียวหยกจะมีความสำคัญกับพี่ใหญ่ชู?’
หลินเทียนไอเบาๆเเล้วเผยยิ้มออกมา
“เเต่พี่ใหญ่ชูไม่ต้องกังวล ข้ารู้จักที่ๆหนึ่ง…ที่นั่นต้องมีบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกขายอย่างแน่นอน!”
“ที่ไหน?” ชูเกอถามอย่างร้อนรน
"หอซวนหยุน!"
เเต่ก่อนที่ชูเกอจะไปที่หอซวนหยุน หลินเทียนก็ดึงแขนเขาเอาไว้
"พี่ใหญ่ชู ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านกำลังขาดเงิน…นี่ห้าหมื่นผลึกขาวที่ข้าเก็บหอมรอมริบเอาไว้ อย่ารังเกียจนะขอรับ”
เเน่นอนว่าชูเกอไม่ได้ปฏิเสธ เขาเก็บผลึกขาวพวกนั้นเอาไว้ จากนั้นก็พาชูเหยียนเอ๋อร์มุ่งหน้าไปยังหอซวนหยุนอย่างรวดเร็ว
………
หอซวนหยุนคือร้านค้าที่สำนักซวนหยุนเปิดขึ้นในศูนย์กลางการค้า มันตั้งอยู่บริเวณใจกลางของศูนย์กลางการค้า…ผู้คนจึงพลุกพล่านเเละคึกคักกว่าร้านค้าของหลินเทียนมาก
เมื่อชูเกอและชูเหยียนเอ๋อร์เดินเข้าไปในหอซวนหยุน พวกเขาก็พบกับห้องโถงที่กว้างขวางเเละตกแต่งอย่างหรูหรา
ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ที่นี่รู้สึกแออัดเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น, ชูเกอก็เดินตรงไปหาหญิงสาวคนหนึ่ง
"ข้าต้องการบัวเก้าปล้องสีเขียวหยก"
หญิงสาวผู้นี้คือพนักงานของร้านค้า…เธอส่งยิ้มอย่างอ่อนหวานออกมา
"เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” เธอยื่นมือออกไป เป็นเชิงเชื้อเชิญ
ชูเกอเดินตามหญิงสาวผู้นั้นขึ้นไปบนชั้นสอง, บนชั้นสองมีผู้คนน้อยกว่าชั้นล่าง แต่สินค้าที่วางขายกลับมีระดับสูงกว่ามาก
“บัวเก้าปล้องสีเขียวหยกเป็นสมุนไพรระดับสูง, คงไม่ต้องให้ข้าอธิบายสรรพคุณให้ท่านฟังแล้วนะเจ้าคะ…ราคาของมันอยู่ที่สามหมื่นผลึกขาว นี่เป็นบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกอันสุดท้ายในร้านของเราแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นกล่าว
ชูเกอมองชูเหยียนเอ๋อร์ เเละนางพยักหน้าเบาๆ
‘สามหมื่นผลึกขาว ถือว่าถูกมากแล้ว’
ชูเกอหยิบการ์ดสีขาวใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ มันคือบัตรที่ศิษย์สำนักซวนหยุนใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขาย…ภายในบัตรนี้มีผลึกขาวอยู่สามหมื่นผลึก
แต่ในขณะที่ชูเกอกำลังจะจ่ายเงิน มันก็มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นเสียก่อน
“โอ้โห นึกว่าใครที่ใหน…ที่แท้ก็อัจฉริยะชูเกอ ศิษย์สายในลำดับแปดนี่เอง”
“ใกล้ถึงการคัดเลือกศิษย์หลักแล้ว แทนที่จะไปเตรียมตัว…เจ้ากลับมาที่นี่ทำไม?”
ชายคนนั้นทำท่าทางเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
“อ้อ…ข้าลืมไป! ตอนนี้ชูเกอก็เป็นแค่คนพิการไปแล้วสินะ ที่เจ้ามาที่นี่…คงจะมาซื้อของเพื่อรักษาตัวล่ะสิ!”
ดวงตาของชูเกอเย็นเยียบลง เขามองชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินตรงเข้ามาอย่างเชื่องช้า ชายคนนั้นดูสง่างาม ส่วนหญิงสาวนั้นงดงามราวกับดอกไม้
โอวหยางเซวียนและหลินเมี่ยวเข่อ!
หลินเมี่ยวเข่อเดินตามโอวหยางเซวียนมาติดๆ, เเละเมื่อนางเห็นชูเกอนางก็รู้สึกสะใจเล็กน้อย
“เมื่อก่อนหมอนี่เอาอกเอาใจข้าสารพัด ตอนนี้ข้าอยู่กับโอวหยางเซวียนแล้ว…มันต้องเสียใจจนอกแตกตายแน่ๆ!” หลินเมี่ยวเข่อคิดในใจ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น…กลับทำให้นางรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ ชูเกอกลับไม่ได้มองนางแม้แต่ครั้งเดียว!
ยิ่งไปกว่านั้นข้างๆชูเกอยังมีเด็กสาวตัวน้อย ที่กำลังทำท่าทางล้อเลียนใส่นาง
‘มันต้องจงใจแน่ๆ เมื่อก่อนเขารักข้ามาก คงไม่มีทางที่เขาจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย…ข้าต้องยั่วโมโหมัน!’
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเมี่ยวเข่อจึงดึงแขนเสื้อโอวหยางเซวียนพร้อมกับออดอ้อน
“พี่เซวียน ข้าอยากได้บัวเก้าปล้องสีเขียวหยก”
‘ยัยผู้หญิงสารเลวนี่!’ ชูเกอหรี่ตาลง
เขามองหลินเมี่ยวเข่อด้วยแววตาเย็นชา ภายในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นราวกับจะเผาผลาญร่างของนางให้มอดไหม้เป็นจุล
เมื่อได้ยินเช่นนี้โอวหยางเซวียนถึงกับพูดไม่ออก…แต่ในพริบตาเดียวเขาก็หัวเราะออกมา
“ได้สิ ข้าจะซื้อให้…สี่หมื่นผลึกขาว!”
หญิงสาวที่เป็นพนักงานมีสีหน้าลำบากใจ
ชูเกอมาถึงก่อน แต่โอวหยางเซวียนกลับเสนอราคาที่สูงกว่า
ไม่ว่านางจะเลือกฝ่ายไหน…มันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี
"บัวเก้าปล้องสีเขียวหยกยังไม่ได้ทำการซื้อขาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าสามารถเสนอราคาที่สูงกว่าได้" โอวหยางเซวียนกล่าวกับพนักงาน
พนักงานสาวพยักหน้ารับอย่างลนลาน จากนั้นก็มองชูเกอด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ห้าหมื่นผลึกขาว” ชูเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ชูเกอเพิ่มราคาอีกหนึ่งหมื่นผลึกขาว!
เขาต้องได้บัวเก้าปล้องสีเขียวหยกมาครอบครองให้ได้ มันคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เขาสามารถฟื้นฟูระดับพลัง!
หญิงสาวที่เป็นพนักงานถอนหายใจอย่างโล่งอก ความจริงแล้วในใจของนางอยากจะขายให้กับชูเกออยู่แล้ว
ในเมื่อตอนนี้ชูเกอเสนอราคาที่สูงกว่าโอวหยางเซวียน นางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
"ช้าก่อน! ข้าเพิ่มให้อีกหนึ่งหมื่นผลึกขาวเป็นหกหมื่นผลึกขาว ข้าอยากจะรู้จริงๆว่า…ไอ้ยาจกอย่างเจ้าน่ะ มีเงินมากแค่ไหนกันเชียว!” โอวหยางเซวียนร่ำรวยมหาศาล หกหมื่นผลึกขาวนั้นมากพอที่จะซื้อบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกได้ถึงสองอัน
ชูเกอหรี่ตาลง, ห้าหมื่นผลึกขาว…นั่นคือเงินทั้งหมดที่เขามี
หากห้าหมื่นผลึกขาวยังไม่พอซื้อบัวเก้าปล้องสีเขียวหยก…
“กล้าพนันกับข้าไหม?” ชูเกอเอ่ยอย่างกะทันหัน
“กล้า! ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ข้ารับคำท้าทั้งหมด!” โอวหยางเซวียนหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
"ข้าจะตีแผ่นศิลาทดสอบพลังจนถึงขั้นเจ็ด, หากข้าทำได้ เจ้าต้องออกไปจากที่นี่เเละห้ามแย่งชิงบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกกับข้า”
“แต่หากข้าทำไม่ได้…ต่อไปนี้ ข้าจะหลบหน้าเจ้าทุกครั้งที่เจอเจ้า เป็นอย่างไร เจ้ากล้าพนันหรือไม่?” ชูเกอกล่าว
เขาพอจะมองออกว่าโอวหยางเซวียนต้องการที่จะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา ดังนั้นเขาจะมอบโอกาสให้โอวหยางเซวียนได้ ‘ทำลาย’ เขาอย่างเปิดเผย!
“ขั้นเจ็ดอย่างนั้นรึ? นั่นมันระดับของผู้ฝึกตนอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย….ตอนนี้เจ้ามีระดับพลังแค่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง แค่ตีแผ่นศิลาทดสอบพลังให้ถึงขั้นหกก็แทบจะหมดแรงแล้ว เจ้ายังกล้าพูดว่าจะตีให้ถึงขั้นเจ็ด?” โอวหยางเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง
"ตกลงหรือไม่ตกลง…ตอบมาคำเดียวอย่าเวิ่นเว้อ!” ชูเกอทำท่าทางเหมือนไม่สบอารมณ์
เเละเมื่อได้ยินเช่นนี้, โอวหยางเซวียนก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“ตกลงสิ, ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะตีแผ่นศิลาทดสอบพลังจนถึงขั้นเจ็ดได้!”
โอวหยางเซวียนมั่นใจในตัวเองมาก
เเละนี่ไม่ใช่เพราะเขาดูถูกชูเกอ แต่เป็นเพราะในสำนักซวนหยุน…มันเป็นเวลานานหลายสิบปีมาแล้วที่ไม่มีผู้ฝึกตนอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลางคนไหนสามารถตีแผ่นศิลาทดสอบพลังให้ถึงขั้นเจ็ดได้
‘ชูเกอจะทำได้หรือ?’
เท่าที่เขารู้…เมื่อก่อน ตอนที่ชูเกอยังอยู่ในอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง เขาสามารถตีแผ่นศิลาทดสอบพลังได้แค่ขั้นหกเท่านั้น
‘ชูเกอคงจะสิ้นหวังจนทำอะไรไม่ถูกแล้วสินะ? หลังจากวันนี้ ชูเกอคงจะต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน! การคัดเลือกศิษย์หลักในครั้งนี้ เขาคงไม่สามารถเป็นภัยคุกคามข้าได้อีกต่อไป’ โอวหยางเซวียนครุ่นคิดอย่างยินดี
ส่วนหลินเมี่ยวเข่อที่ยืนอยู่ข้างๆก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง
‘ดูสิว่าเจ้าจะเสแสร้งได้อีกนานแค่ไหน อีกไม่นาน…เจ้าก็ต้องเปิดเผยธาตุแท้ออกมา’ หลินเมี่ยวเข่อเองก็คิดในใจอย่างอารมณ์ดี
หลังจากนั้น…พวกเขาทั้งหมดก็เดินไปยังแผ่นศิลาทดสอบพลัง
ตอนนี้ มีผู้คนมากมายกำลังใช้งานแผ่นศิลาทดสอบพลัง…เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ
"หวังลี่ทำได้ถึงขั้นเจ็ด, เก่งมาก!”
“ด้วยพลังขนาดนี้…น่าจะติดหนึ่งในห้าสิบของศิษย์สายในได้อย่างแน่นอน”
"น้อยไปแล้วมั้ง? ข้าว่า…หวังลี่มีโอกาสติดหนึ่งในยี่สิบนะ!”
เเต่ทันใดนั้น, เมื่อชูเกอและพรรคพวกปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็ได้รับความสนใจในทันที
"นั่นใครน่ะ?”
"เหมือนจะเป็นชูเกอนะ ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้?”
"ศิษย์สายในลำดับแปดที่ได้รับบาดเจ็บจนระดับพลังลดลงงั้นรึ?”
หวังลี่สวมชุดดำทั้งตัวเเละดูสง่างาม
ระดับพลังของเขาพัฒนาจนถึงอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย และในที่สุดเขาก็สามารถตีแผ่นศิลาทดสอบพลังได้ถึงขั้นเจ็ด
เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของชูเกอมาก่อน, แต่ตอนนี้ระดับพลังของชูเกอลดลงเหลือแค่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง…งั้นชูเกอคงจะด้อยกว่าเขาแล้ว
หวังลี่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เดินจากไป….ส่วนโอวหยางเซวียนที่รู้จักกับหวังลี่เป็นอย่างดีก็รีบเอ่ยขึ้นทันที
"หวังลี่หลบไปก่อน อัจฉริยะชูของพวกเราบอกว่า…เขาจะตีแผ่นศิลาทดสอบพลังให้ถึงขั้นเจ็ด”
"โอ้?” หวังลี่มองชูเกอเเล้วยิ้มมุมปาก
“เช่นนั้น ข้าจะรอดู…ว่าเขาจะทำได้ใหม” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก
"พี่ชาย ไม่เอาแล้วได้ไหม? เรากลับกันเถอะ” ชูเหยียนเอ๋อร์ดึงชายเสื้อชูเกอเบาๆเเล้วกระซิบ
ชูเกอลูบหัวชูเหยียนเอ๋อร์เเล้วยิ้มบางๆ
“ไม่เป็นไร เชื่อใจข้าเถอะ”
ชูเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ
เเละในตอนนี้ จู่ๆนางรู้สึกมั่นใจในตัวชูเกออย่างประหลาด
‘บางที…เขาอาจจะทำได้จริงๆก็ได้นะ?’
จากนั้นชูเกอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เเล้วเดินตรงไปยังแผ่นศิลาทดสอบพลัง
แผ่นศิลาทดสอบพลังมีสีเทา มันทำมาจากวัสดุพิเศษที่ใช้สำหรับทดสอบพลังของผู้ฝึกตนในอาณาจักรทะเลทุกข์ยาก
จุดสูงสุดคือสิบขั้น, เเละนั่นแสดงถึงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้ฝึกตนอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย
ดังนั้น, คำพูดที่บอกว่าชูเกอจะตีแผ่นศิลาทดสอบพลังให้ถึงขั้นเจ็ด…มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ฟุบ!
เมื่อมาถึงหน้าจุดทดสอบ, ชูเกอก็ชักดาบออกมาจากฝัก!
ชิ้งงงง!!!!
แสงเย็นเยียบสาดส่องออกมา!
พลังปราณอันบริสุทธิ์ไหลเวียนในร่างกายของเขาราวกับคลื่นยักษ์!
ชูเกอถือดาบยกดาบขึ้นเล็กน้อย แสงเย็นยะเยียบสะท้อนออกมาจากใบดาบของเขา
รังสีสังหารแผ่ซ่านออกมา!
ชูเกอในตอนนี้…เปรียบเสมือนเสือที่กำลังรอคอยจังหวะงับเหยื่อ!
“หึ…เสแสร้ง!” หลินเมี่ยวเข่อแสยะยิ้มอย่างเย็นชา
นางไม่เชื่อว่าชูเกอจะทำได้
เเละในขณะที่สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปยังชูเกอ
ในที่สุด…เขาก็ฟาดฟันดาบออกไป!
ดาบอัศนี!
ตูมมมม!
ชูเกอตวัดดาบออกไปอย่างรวดเร็ว
พลังปราณอันบริสุทธิ์ไหลบ่าออกมา ราวกับสายฟ้าที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า
เคร้งงงงง!!!
คมดาบฟาดลงบนแผ่นศิลาทดสอบพลังอย่างจัง จากนั้นดาบในมือของชูเกอแตกละเอียดเป็นเก้าส่วน
“ดาบหักแล้ว! ยังจะตีให้ถึงขั้นเจ็ดได้อย่างไร…”
ในขณะที่โอวหยางเซวียนกำลังจะพูดจบ…แผ่นศิลาทดสอบพลังก็เปล่งประกาย
สามขั้น!
ข้ามไปสามขั้นในทันที!
สี่ขั้น!
ห้าขั้น!
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังแผ่นศิลาทดสอบพลัง…และแน่นอนว่า…ขั้นหกก็สว่างขึ้น!
“ขั้นหกแล้ว!”
“ดูเหมือนว่า…ขั้นหกจะเป็นขั้นสูงสุดที่ผู้ฝึกตนอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลางจะทำได้”
“คงจะหยุดแค่นี้แล้วล่ะ ขั้นเจ็ดมันยากเกินไป…เฮ้ย! ขั้นเจ็ดสว่างแล้ว!”
ขั้นเจ็ด!
โอวหยางเซวียนมีสีหน้าตื่นตระหนก เขามองแผ่นศิลาทดสอบพลังอย่างไม่ละสายตา
ส่วนหวังลี่…เขายืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกฟ้าผ่า
ส่วนด้านชูเกอ, มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย
…………………..