บทที่ 7 : การต่อสู้อันดุเดือด
บทที่ 7 : การต่อสู้อันดุเดือด
"ชูเกอ…แกรอก่อนเถอะ!" หวังอู่ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบวิ่งหนีไปทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะรีบไปตามม่อเสี่ยวหลางมาช่วย
หลินเทียนเดินมาข้างๆชูเกออย่างเงียบเชียบ เขากุมหน้าอกด้วยสีหน้ากังวล
“พี่ใหญ่ชู ท่านไม่น่ามาเลย ตอนนี้ท่านไม่ใช่คู่มือของม่อเสี่ยวหลางแล้วนะ!”
“มันก็แค่ร้านค้าเล็กๆ, ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย!” หลินเทียนทุบประตูร้านอย่างหัวเสีย
“พี่ใหญ่ชู ท่านรีบหนีไปเถอะ…ก่อนที่ม่อเสี่ยวหลางจะมา!”
“ถ้าข้าไปแล้วเจ้าจะทำอย่างไร?” ชูเกอส่ายหน้า
เขาวางมือลงบนไหล่ของหลินเทียน ตบเบาๆสองสามทีเป็นเชิงปลอบใจ, เขาเคยต่อสู้กับม่อเสี่ยวหลางมาก่อน รู้ดีว่าอีกฝ่ายมีฝีมือระดับไหน ถึงแม้ตอนนี้ระดับพลังของเขาจะลดลงแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสู้เลย
'เรื่องแพ้ชนะ ค่อยว่ากันอีกที'
หลินเทียนมองชูเกอด้วยแววตาซาบซึ้งใจ ที่ผ่านมาถึงแม้ชูเกอจะคอยคุ้มครองเขา แต่พวกเขาก็มีข้อตกลงร่วมกัน
หลินเทียนจ่ายค่าคุ้มครอง ส่วนชูเกอก็คอยปกป้องเขา…แต่วันนี้ ชูเกอกลับยอมเสี่ยงเพื่อเขา สิ่งนี้ทำให้เขาอดรู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่ได้
“วันนี้พี่ใหญ่ชูทำเพื่อข้าถึงเพียงนี้ ต่อไปนี้ ข้าจะปฏิบัติต่อท่านเหมือนพี่น้อง!” หลินเทียนกำหมัดแน่น สาบานกับตัวเองในใจ
"พี่ชาย ข้าเจอเห็ดหลิงจือหกสุริยันกับต้นหญ้าชิงหลิงแล้ว แต่ที่นี่ไม่มีบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกขาย” ทันใดนั้น ชูเหยียนเอ๋อร์ก็วิ่งดุ๊กๆเข้ามาหาพวกเขา
ชูเกอพยักหน้า เขาพอจะเดาออกอยู่แล้วว่าคงหาบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกได้ยาก
หลินเทียนไอเบาๆ มองชูเกออย่างมีเลศนัย พร้อมกับชี้ไปทางชูเหยียนเอ๋อร์ด้วยปลายคาง
"พี่ใหญ่ชู...นี่พี่สะใภ้หรือขอรับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ชูเกอถึงกับพูดไม่ออก
ทักอะไรเกินไปแล้ว, ชูเหยียนเอ๋อร์ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นในใจของข้ามีแต่หญิงสาวที่อยู่ในโลกอันไกลโพ้นเท่านั้น
ส่วนชูเหยียนเอ๋อร์กลับหัวเราะคิกคัก
นางเขย่งปลายเท้าจนตัวลอย แต่ก็ยังสูงไม่ถึงไหล่ของหลินเทียนเเละเริ่มเลียนแบบชูเกอ
นางวางมือลงบนหัวของหลินเทียนเบาๆ “เจ้าเด็กนี่ ตาถึงไม่เลว”
ชูเกอได้แต่ยิ้มเจื่อนๆกับการละเล่นของทั้งสอง
เเละตอนนี้เขาพยายามควบคุมพลังปราณที่กำลังปั่นป่วนในร่างกาย ปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับการต่อสู้
…….
ข่าวที่ชูเกอประกาศท้าสู้ม่อเสี่ยวหลางแพร่กระจายไปทั่วศูนย์กลางการค้าอย่างรวดเร็ว
เดิมทีศูนย์กลางการค้าก็เป็นสถานที่ๆมีผู้คนเข้ามามากมายหลากหลาย
เเน่นอนว่าพวกเขาชอบดูเรื่องสนุกๆอยู่แล้ว ยิ่งการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างศิษย์ของสำนักใหญ่แห่งแคว้นหยุนหวงด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น
“ต่อไปนี้ ข้าจะได้คุยโวกับคนอื่นๆได้แล้วว่า…ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเห็นการต่อสู้ของอัจฉริยะจากสำนักซวนหยุนด้วยตาของข้าเอง การต่อสู้ในครั้งนั้น…มันช่างเขย่าฟ้าดิน ปั่นป่วนพิภพ”
ณ ขณะนี้ชูเกอปักดาบลงบนพื้นที่ว่างหน้าร้าน
เขายืนตัวตรงราวกับหอก ปิดเปลือกตาลงอย่างเงียบสงบ
“ดูสิ…แค่ท่าทางก็ดูสง่างาม ไม่เหมือนศิษย์จากสำนักเล็กๆเลยแม้แต่น้อย”
ไม่นานนัก บริเวณรอบๆร้านค้าของหลินเทียนก็เต็มไปด้วยผู้คน
"ได้ยินมาว่า ชูเกอเคยเป็นถึงศิษย์สายในระดับท็อปสิบของสำนักซวนหยุน…แต่หลังจากนั้นระดับพลังของเขากลับลดลงอย่างมาก จากอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลายตกลงมาเหลือแค่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง”
“ถ้าอย่างนั้น การต่อสู้ครั้งนี้ชูเกอคงต้องแพ้อย่างแน่นอน”
“พวกท่านคิดว่าอย่างไร?”
“เเต่ข้าว่า…มันต้องมีอะไรพลิกผันแน่ๆ!”
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ฝูงชนก็ค่อยๆเปิดทางเดินให้กับชายหนุ่มร่างผอมบางคนหนึ่ง
ณ ขณะนี้…ม่อเสี่ยวหลางมาถึงแล้ว
ม่อเสี่ยวหลางเป็นชายร่างกายผอมบาง, มีผมสั้นเเละผิวคล้ำ
เมื่อเขายืนอยู่ตรงนั้น มันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก
ม่อเสี่ยวหลางมองชูเกออย่างเหยียดหยาม ชูเกอที่เคยเป็นเหมือนภูเขาสูงใหญ่ในใจของเขา…เเต่ตอนนี้กลับไม่ต่างอะไรกับมดปลวกตัวหนึ่ง
“ชูเกอ แกคงรู้จักสำนวน ‘ตีสุนัขต้องดูเจ้าของ’ สินะ”
“หวังอู่เป็นน้องชายของข้า ม่อเสี่ยวหลางคนนี้…การที่แกซ้อมมัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าข้า!”
ผู้คนรอบข้างต่างพากันเบิกตากว้าง
ม่อเสี่ยวหลางนี่ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก…แล้วชูเกอจะรับมือได้อย่างไร?
ชูเกอค่อยๆดึงดาบขึ้นมาจากพื้นพร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“สุนัขรับใช้ของเจ้ามาหาเรื่องข้าก่อน …การที่ข้าจะสั่งสอนมันก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน ส่วนเรื่องที่ว่าข้าตบหน้าเจ้า”
“แล้วมันจะทำไมหรือ?”
พรึ่บ!!
เมื่อชูเกอพูดจบ ผู้คนรอบข้างต่างก็มองเขาด้วยความตกตะลึง
“หรือว่าชูเกอจะกลับมามีพลังแข็งแกร่งเเล้ว…เขาจึงไม่เกรงกลัวม่อเสี่ยวหลาง?”
“หรือว่า…เขากำลังเสแสร้ง? กำลังทำเป็นแข็งแกร่ง?”
“ดีมาก!” ม่อเสี่ยวหลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขายื่นมือไปชี้ที่หว่างขาของตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
"เอาล่ะ…ตราบใดที่ตอนนี้เจ้าคลานลอดหว่างขาข้าไป ข้าจะยกโทษให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”
“แต่ถ้าไม่…หึ! ด้วยระดับพลังแค่นี้ เจ้าคงรับมือข้าได้ไม่ถึงสิบกระบวนท่าหรอก!”
คิ้วของหลินเทียนขมวดเข้าหากันอย่างหัวเสีย
“ม่อเสี่ยวหลาง เจ้ามันเกินไปแล้ว!”
เขามองแผ่นหลังของชูเกอด้วยความเป็นห่วง
‘พี่ใหญ่ชูจะเอาชนะม่อเสี่ยวหลางได้หรือเปล่านะ?’
แม้แต่ชูเหยียนเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยังรู้สึกกดดัน นางจ้องมองม่อเสี่ยวหลางด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
“คนเลว! คนสารเลว!”
ฉัวะะ!!
อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่ตอบคำถามของม่อเสี่ยวหลางคือเงาดาบที่พุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
เเละสิ่งนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง
ชูเกอลงมือก่อน!
ดาบเล่มนี้พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาดเเละเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
ดาบเล่มนี้ฟาดผ่านความว่างเปล่า ราวกับจะผ่าแยกอากาศเบื้องหน้า
พลังปราณอันบริสุทธิ์ ไหลบ่าออกมา ราวกับสายน้ำที่ไหลทะลักออกมาจากเขื่อนที่ไม่สามารถต้านทานได้!
ดวงตาของชูเกอเป็นประกาย เขาได้รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ ใส่ลงไปในดาบเล่มนี้
ในระดับพลังอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต้านทานดาบเล่มนี้ได้
แต่ม่อเสี่ยวหลางมีระดับพลังอยู่ที่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย!
ถึงแม้ดาบเล่มนี้ของชูเกอจะรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด แต่เขาก็ยังสามารถตั้งรับได้อย่างทันท่วงที
“ว่ากันว่าหมอนี่เหลือระดับพลังแค่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง… เเล้วทำไมมันถึงมีพลังโจมตีรุนแรงเช่นนี้ได้?” ม่อเสี่ยวหลางครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่เพียงแต่ม่อเสี่ยวหลางเท่านั้นที่ตกใจกับพลังโจมตีของชูเกอ
เขายังตกใจกับสไตล์การต่อสู้ของชูเกอที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า!
แต่ก่อนชูเกอต่อสู้ราวกับสายน้ำ…
ตอนนี้เขากลับต่อสู้ราวกับสายฟ้า!
ฟุ่บ!
เเต่ทันใดนั้น, ม่อเสี่ยวหลางก็ชักมีดสั้นออกมาจากเอว
แสงเย็นยะเยียบสะท้อนออกมาจากใบมีด เขารวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่มีอยู่ใส่ลงไปในมีดเล่มนั้นในทันที
ฟ้าว!
เขาฟันมีดสั้นออกไป!
ในชั่วพริบตานั้น สีหน้าของผู้คนรอบข้างต่างก็แปรเปลี่ยน
คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไปราวกับจะปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้
ตูมมมม!
ดาบและมีดปะทะกันจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว, คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไปโดยรอบ ทำให้ฝุ่นผงฟุ้งกระจาย
การปะทะกันในครั้งนี้…พวกเขาเสมอกัน!
ผู้คนรอบข้างต่างมองดูฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
สีหน้าของม่อเสี่ยวหลางดูน่าเกลียดเล็กน้อย
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้เขากลับเริ่มรู้สึกหวาดกลัวชูเกอ…ทั้งๆที่ระดับพลังของอีกฝ่ายก็ลดลงไปมากแล้ว
ความรู้สึกหวาดหวั่นนี้ค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจของเขาราวกับต้นไม้ที่กำลังเติบโต
ชูเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมดุจใบมีดจ้องมองม่อเสี่ยวหลาง
รังสีสังหารแผ่ซ่านออกมามากมายจนทำให้ม่อเสี่ยวหลางไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ
ฟุ่บบ!
ชูเกอตวัดดาบออกไปอีกครั้ง, เขาฟาดฟันดาบอย่างต่อเนื่อง ปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่ผู้ฝึกตนอาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลางพึงมี
เคร้งๆๆๆๆ!
“ตั้งใจรับให้ดีล่ะ!”
ม่อเสี่ยวหลางยกมีดสั้นขึ้นมาป้องกัน เกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันดังกังวาน
เขารีบรวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่มีอยู่ปลดปล่อยออกมาอย่างไร้ซึ่งการเก็บงำ
พลังปราณอันบริสุทธิ์ไหลเวียนในร่างกายของเขาราวกับสายน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว
ทันใดนั้น เขาก็คำรามลั่น
“คมมีดพายุคลั่ง!” เขาฟันมีดสั้นออกไป
แสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมาจากใบมีด ความเร็วของมีดเล่มนั้นรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน
“วิชายุทธ์ระดับมนุษย์ขั้นสูง?” ชูเกอหรี่ตาลงเล็กน้อย
พลังของวิชายุทธ์ระดับมนุษย์ขั้นสูงนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะบรรยาย คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไป ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างพากันตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
‘อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย บวกกับวิชายุทธ์ระดับมนุษย์ขั้นสูง…นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!’
ผู้คนรอบข้างต่างมองชูเกอด้วยสายตาสงสาร
“ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ชูเกอคงต้องพ่ายแพ้…”
…………………..