ตอนที่แล้วบทที่ 5 : บดขยี้​ลิงยัก​ษ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 : การต่อสู้อันดุเดือด

บทที่ 6 : ท้าสู้ม่อเสี่ยวหลาง!


บทที่ 6 : ท้าสู้ม่อเสี่ยวหลาง!

ชูเกอกลับมาที่ห้อง ส่วนสาวน้อยช่างตื๊ออย่างชูเหยียนเอ๋อร์ก็เดินตามหลังเขามาติดๆ

ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆเหมือนกลัวจะคลาดสายตา…จนชูเกอได้แต่มองนางอย่างจนใจ

ชูเหยียนเอ๋อร์ยิ้มกว้างจนแก้มเป็นลักยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดเรียงราย

'ปล่อยให้นางเล่นไปคนเดียวก่อนเถอะ'

ชูเกอไม่สนใจชูเหยียนเอ๋อร์ที่ยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ,​ เขานั่งไขว่ห้างแล้วเริ่มฝึกฝนเพื่อเพิ่มพูนระดับพลัง

พลังปราณมีอยู่ทั่วทุกสารทิศในโลก เต็มไปหมดในทุกตารางนิ้วของความว่างเปล่า

การฝึกหายใจเข้าออกนั้นก็คือการดูดซับพลังปราณจากความว่างเปล่าเข้าสู่เส้นชีพจรในร่างกาย ปล่อยให้มันไหลเวียนเป็นวงกลม จากนั้นจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออก

ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ทุกครั้งที่พลังปราณไหลเวียนครบหนึ่งรอบ…ก็จะมีพลังปราณบางส่วนหลงเหลืออยู่ในร่างกาย

ยิ่งผู้ที่มีพรสวรรค์สูง…ก็ยิ่งจะทำให้พลังปราณที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนผู้ที่มีพรสวรรค์ต่ำนั้นก็จะเป็นในทางตรงกันข้าม

พลังปราณที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายนี้…พวกเราเรียกมันว่า 'ระดับพลัง'

เมื่อพลังปราณสะสมถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิดคอขวดเป็นกำแพงขวางกั้น

ในตอนนั้น ผู้ฝึกตนต้องทำลายกำแพงนั้นเพื่อขยายตันเถียน สร้างอาณาจักรขึ้นใหม่เพื่อรองรับพลังปราณ…นี่แหละที่เรียกว่า 'การพัฒนาขอบเขตพลัง'

ปัญหาของชูเกอก็อยู่ตรงนี้ การที่เขาเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังต่อสู้ ทำให้ดูเหมือนว่าตอนนี้ตันเถียนของเขาไม่สามารถกักเก็บพลังปราณได้อีกต่อไป

หากแต่ก่อนเขาสามารถดูดซับพลังปราณได้สิบส่วน แล้วกักเก็บไว้ได้สองส่วน ตอนนี้เขากลับไม่สามารถกักเก็บมันไว้ได้แม้แต่ส่วนเดียว

……….

อาการของเขานั้นคล้ายกับ 'ร่างปราณ​รั่วไหล'

'ร่างปราณ​รั่วไหล' หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า 'ร่างกายไร้ค่า' ถือเป็นร่างกายที่น่ารังเกียจที่สุดในโลกแห่งการฝึกฝน

ผู้ที่มีร่างกายแบบนี้จะไม่สามารถฝึกฝนได้ตั้งแต่กำเนิด…เพราะพวกเขาไม่สามารถกักเก็บพลังปราณไว้ในร่างกายได้เลย

“ร่างปราณ​รั่วไหลอย่างนั้นรึ นี่มันหมายความว่าข้าไม่มีทางพัฒนาขอบเขตพลังได้อีกแล้ว..ชั่วชีวิตนี้ก็คงต้องอยู่กับระดับพลังแค่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยาก​ขั้นกลางเท่านั้นสินะ” ชูเกอลูบคางอย่างครุ่นคิด

ด้วยระดับพลังแค่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยาก​ขั้นกลาง เขาไม่มีทางได้เป็นศิษย์หลักอย่างแน่นอน

หรือแม้ว่าเขาจะบังเอิญโชคดีได้เป็นศิษย์หลัก การพัฒนาขอบเขตพลังในอนาคตก็คงจะเป็นเรื่องยากอยู่​ดี

แล้วเขาจะแก้ไขผลข้างเคียงนี้ได้อย่างไร?

“พี่ชาย…ท่านกำลังเจอปัญหาอะไรงั้นหรือ?”

เสียงใสๆที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำเอาชูเกอสะดุ้ง…เขาเกือบลืมไปแล้วว่าในห้องนี้ยังมีเด็กสาวตัวน้อยอยู่อีกคน

ณ​ ขณะนี้​ชูเหยียนเอ๋อร์กระโดดขึ้นไปนั่งยองๆบนเตียงข้างๆเขาพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“พี่ชายมีปัญหาอะไรก็บอกข้ามาสิ ข้าช่วยแก้ไขให้ได้นะ!”

“เจ้า?”

ชูเกอหัวเราะเบาๆพร้อมคิดในใจ​ว่า​ ‘เจ้าตัวเล็กแค่นี้จะไปช่วยอะไรได้’

เเต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็พลันแข็งค้างไปชั่วขณะ เมื่อเขานึกขึ้นได้ถึงระดับพลังที่ลึกลับของชูเหยียนเอ๋อร์

‘หรือว่า…นางจะมีวิธีแก้ไขปัญหานี้จริงๆ?’

ชูเกอไอเบาๆเเล้วพูด​ว่า

“เจ้าพอจะมีวิธีรักษาโรคที่คล้ายๆกับร่างปราณ​รั่วไหลบ้างไหม?”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, ชูเหยียนเอ๋อร์ก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง​

“อะไรนะ!...ร่างปราณ​รั่วไหลอย่างนั้นรึ?”

“พี่ชาย…ร่างปราณ​รั่วไหลน่ะมันรักษาไม่ได้หรอก หรือถ้าได้ค่ารักษามันแพงมาก…ในแคว้นหยุนหวงแห่งนี้ไม่มีใครรักษาได้หรอก”

ร่างปราณ​รั่วไหลถือเป็นร่างกายที่ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง หากต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายเช่นนี้อย่างน้อยๆก็ต้องให้ผู้แข็งแกร่งในอาณาจักร​สวรรค์และมนุษย์มาลงมือเปลี่ยนแปลงโชคชะตาให้เท่านั้น

แต่ทว่าในหมู่เจ็ดสำนักใหญ่ของแคว้นหยุนหวงแห่งนี้ กลับไม่มีแม้แต่ปรมาจารย์​อาณาจักร​สวรรค์​เเละ​มนุษย์​สักคน, หรืออย่างน้อยๆก็ในสายตาของคนทั่วไป…พวกเขาไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย

สำนักซวนหยุนเองก็เป็นหนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่…พวกเขาก็ไม่เคยมีบันทึกว่าเคยมีปรมาจารย์​อาณาจักร​สวรรค์​เเละ​มนุษย์​ปรากฏตัวเช่นกัน

เมื่อเห็นชูเหยียนเอ๋อร์เริ่มกระโตกกระตาก…ชูเกอก็รับอธิบายทันที​

“ข้าไม่ได้มีร่างปราณ​รั่วไหล, เพียงแต่ตอนต่อสู้ ข้าเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังต่อสู้ จนทำให้ตันเถียนได้รับบาดเจ็บ และเกิดเป็นผลข้างเคียงที่คล้ายๆกับร่างปราณ​รั่วไหลเท่านั้น”

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, ชูเหยียนเอ๋อร์ก็เกาหัวราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของชูเหยียนเอ๋อร์ ชูเกอก็เดาได้ทันทีว่านางต้องรู้อะไรบางอย่าง…เขาจึงรีบถามต่อทันที​

“เจ้ามีวิธีรักษามันหรือไม่?”

“มีแต่โอสถวิญญาณขั้นสูงอย่าง ‘โอสถหลอมวิญญาณ’ เท่านั้นที่สามารถรักษาอาการนี้ได้” ชูเหยียนเอ๋อร์ถอนหายใจ

“แต่เท่าที่ข้ารู้ ศูนย์กลางการค้าของสำนักซวนหยุนไม่มีโอสถหลอมวิญญาณขาย”

สีหน้าของชูเกอที่กำลังดีใจพลันหม่นหมองลง ความหวังของเขาพังทลายลงในพริบตา

เเต่ทันใดนั้นชูเหยียนเอ๋อร์ก็วางมือลงบนไหล่ของชูเกอ พร้อมตบลงบนหน้าอกของตัวเองเบาๆอย่างภาคภูมิใจ

“แต่ว่า…ตรงหน้าพี่ชายมีปรมาจารย์การปรุงโอสถ​อยู่นะ”

“หากพี่ชายพูดจาไพเราะเพราะพริ้ง ปรมาจารย์อาจจะยอมปรุงโอสถ​ให้ก็ได้นะ”

ตอนนี้​ชูเกอถึงกับพูดไม่ออก…ปรมาจารย์การปรุงโอสถ​อย่างนั้นรึ?

มีปรมาจารย์การปรุงโอสถ​ที่อายุยังน้อยขนาดนี้ด้วยหรือ?

"ไม่เชื่อหรือ?”

“ท่านอาจารย์ของข้าเคยบอกว่า ข้าเป็นอัจฉริยะในการปรุงโอสถ​ที่หาได้ยากในรอบพันปี…ไม่สิ​ หมื่นปีต่างหาก!”

“โอสถระดับวิญญาณขั้นสูงแค่นี้ ข้าสามารถปรุง​ได้อย่างง่ายดาย”

เมื่อเห็นชูเกอทำท่าทางสงสัย, ชูเหยียนเอ๋อร์ก็โพล่งออกมาอย่างโมโห

"เชื่อสิ ข้าเชื่อ​อยู่แล้ว งั้น...สาวน้อยอัจฉริยะการปรุงโอสถ​ที่ทั้งสวยและน่ารัก….ท่านพอจะช่วยปรุงโอสถ​ให้ข้าสักเม็ดได้หรือไม่?"

เพื่อโอสถหลอมวิญญาณ เเละเพื่อฟื้นฟูระดับพลัง…ชูเกอถึงกับยอมพูดจาเลี่ยนๆแบบนี้

"ในที่สุดก็พูดความจริงสักที, ข้าชอบคำพูดแบบนี้ที่สุดเลย"

ชูเหยียนเอ๋อร์เอามือเท้าสะเอวเเละยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดเรียงราย

นางหัวเราะอย่างชอบใจอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเห็นชูเกอนั่งไขว่ห้างมองดูนางอยู่ นางจึงหยุดหัวเราะแล้วไอเบาๆ เหมือนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย

จากนั้นนางก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

"อย่างแรกเลย ท่านต้องไปเตรียมสมุนไพรสามอย่าง พวกมันได้แก่...อะไรบ้างนะ?”

“อ้อ! นึกออกแล้ว…พวกมันคือ, เห็ดหลิงจือหกสุริยัน, ต้นหญ้าชิงหลิง และบัวเก้าปล้องสีเขียวหยก”

“ในบรรดาสมุนไพรทั้งสามอย่าง เห็ดหลิงจือหกสุริยันกับต้นหญ้าชิงหลิงนั้นหาได้ทั่วไป…ส่วนบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกนั้นหายากกว่าเล็กน้อย แต่ข้าคิดว่าศูนย์กลางการค้าของสำนักซวนหยุนน่าจะมีขายนะ”

ชูเกอพยักหน้า เเละรู้​สึ​กใจชื้นขึ้นมาในทันที

อย่างน้อยก็ยังมีทางแก้ไข…ส่วนเรื่องผลลัพธ์ค่อยว่ากันทีหลัง

อีกอย่าง…เจ้าของร่างเดิมก็ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้เขาไม่น้อย, มูลค่ารวมแล้วมีประมาณสามหมื่นผลึกขาว

ในโลกใบนี้ สิ่งของที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนมีอยู่สามระดับ ได้แก่ ผลึกขาว ผลึกฟ้า และผลึกม่วง พวกมันสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ในอัตราส่วนร้อยต่อหนึ่ง

สามหมื่นผลึกขาว ถือว่าไม่ใช่น้อยๆเลย มันเพียงพอที่จะซื้อสมุนไพรทั้งสามอย่างได้อย่างแน่นอน

ทันใดนั้นชูเกอก็นึกอะไรบางอย่างออก…หากวันนี้เขาไม่ต้องการซื้อสมุนไพร เขาคงลืมชายคนนี้ไปแล้ว

'หลินเทียน!'

ระดับพลังของหลินเทียนนั้นธรรมดามาก, แต่เขากลับมีความสามารถในการทำธุรกิจเป็นเลิศ

เขาเปิดร้านอยู่ที่ศูนย์กลางการค้าของสำนักซวนหยุน ธุรกิจของเขารุ่งเรืองมาก…เเต่มันก็เป็นเหตุให้ถูกคนอื่นอิจฉา รังแก ข่มเหง หลินเทียนจึงต้องมาขอความคุ้มครองจากชูเกอ

สามหมื่นผลึกขาวนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็มาจาก 'ค่าคุ้มครอง' ที่หลินเทียนมอบให้เขานั่นเอง

“พรุ่งนี้ไปหาหลินเทียนหน่อยดีกว่า หากเขายังจำพี่ชายคนนี้ได้ก็ดีไป หากเขาไม่จำ…ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน”

ภายใต้ความมืดมิด ดวงตาของชูเกอเป็นประกายราวกับสายฟ้าที่พาดผ่าน

ศูนย์กลางการค้าของสำนักซวนหยุนตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา, บางทีอาจเป็นเพราะปฐมบรรพบุรุษของสำนักซวนหยุนรู้สึกว่าศูนย์กลางการค้านั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเงินทอง พวกเขาจึงสร้างมันไว้ที่เชิงเขา

แต่ด้วยเหตุนี้เอง ศูนย์กลางการค้าของสำนักซวนหยุนจึงเปิดกว้างต้อนรับผู้คนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระหรือผู้คนจากสำนักเล็กๆใกล้เคียง…พวกเขา​ต่างก็สามารถมาตั้งแผงขายของได้

ทางทิศตะวันออก ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว แสงสีขาวนวลเริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

เมฆาเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าพร้อมพลังปราณบริสุทธิ์ที่แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ

ศูนย์กลางการค้าเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าต่างๆตั้งเรียงรายเป็นแถว มีทั้งร้านขายของใช้ในชีวิตประจำวัน ร้านขายอาวุธวิญญาณ​ โอสถวิเศษ แม้กระทั่งร้านขายทาสเผ่าจิ้งจอกสาวก็ยังมี

ร้านค้าของหลินเทียนตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่าน แต่ทว่ามันกลับไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว

หลินเทียนนั่งอยู่หน้าประตูร้าน มือถือไม้ปัดขนไก่แกว่งไปมาอย่างเบื่อหน่าย…ตอนนี้เขากำลังนับจำนวนหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงที่เดินผ่านไปมา

ดวงตาข้างซ้ายของเขาเขียวช้ำ ส่วนมือข้างขวานั้นพันผ้าเอาไว้

หลินเทียนถอนหายใจอย่างจนใจ

"หลินเทียน…ยอมแพ้แล้วก็ไสหัวไปซะ ถ้ายอมมอบร้านนี้ให้เป็นของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ถ้ายังดื้อด้านอีก หึหึ…"

หลินเทียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาข้างซ้ายที่เขียวช้ำหรี่ลงเล็กน้อย

"ฮึ่ม…หวังอู่ ตอนที่พี่ใหญ่ชูยังอยู่ เจ้าเห็นข้าทีไรก็วิ่งหนีหางจุกตูด ตอนนี้พี่ใหญ่ชูเกิดเรื่องขึ้น พวกเจ้าก็รีบมาข่มเหงรังแกข้าในทันที!"

“เเก!” หวังอู่โกรธจนตัวสั่น

เขากระแทกหมัดเข้าที่หน้าอกของหลินเทียนอย่างแรง

โครม!

ร่างของหลินเทียนล้มไปกระแทกกับโต๊ะด้านหลังจนโต๊ะไม้แตกละเอียด

มุมปากของหลินเทียนมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา เขาเช็ดเลือดที่มุมปากอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเขารู้ดีว่า ตอนนี้คงไม่มีโอกาสแก้ตัวอะไรอีกแล้ว

หลังจากเกิดเรื่องขึ้นในการประลองระหว่างชูเกอกับเหยียนเฮ่า มันก็มีข่าวลือแพร่สะพัดออกไป

บ้างก็ว่าชูเกอกลายเป็นคนพิการไปแล้ว บ้างก็ว่าชูเกอกำลังฝึกฝนวิชายุทธ์ใหม่จนพลาดพลั้ง​

เเละหลังจากนั้นหวังอู่ก็มาหาเรื่องเขา โดยอ้างว่าต้องการจะยึดร้านแห่งนี้…เขาจึงต่อว่าหวังอู่ไปสองสามประโยค เเละสุดท้ายก็ถูกหวังอู่ซ้อมจนสะบักสะบอม

“น่าเสียดาย ตอนนี้ไม่มีพี่ใหญ่ชูคอยคุ้มครองข้าแล้ว”

หลินเทียนหลับตาลง ยันตัวลุกขึ้นเตรียมเก็บข้าวของออกจากร้าน

เมื่อ​เห็น​เช่นนี้​หวังอู่ก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

"ไสหัวไปให้พ้น…บอกให้ก็ได้ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าเจอชูเกอ เเละมันยังไม่กล้าผายลมใส่ข้าเลย”

“ตอนนี้ต่อให้มันยืนอยู่ตรงหน้าข้า ข้าก็จะซ้อมมัน!”

"หืมมมม”

“อย่างนั้นรึ?”

“เจ้าอยากจะซ้อมข้าอย่างนั้นหรือ?”

เเต่ทันใดนั้น มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆพวกเขา

หวังอู่หันขวับไปมองด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก็พบกับชายหนุ่มในชุดสีเขียวที่กำลังเดินตรงเข้ามาอย่างเชื่องช้า

ด้านหลังของชายผู้นั้นมีเด็กสาวที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูเดินตามมาติดๆ

“ชูเกอ!”

ดวงตาของหวังอู่ฉายแววตื่นตระหนก แต่ในพริบตาเดียวมันก็หายไป

“ชูเกอกลายเป็นคนพิการไปแล้ว ข้าจะไปกลัวมันทำไม?”

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ซ้อมมันตอนนี้เลยละกัน!”

หวังอู่พึมพำ​ใน​ใจ​จากนั้นก็ส่งสายตาไปยังลูกน้องของเขา, พร้อมกับเอ่ยเยาะเย้ย

“อัจฉริยะชูเกอ…เจ้าอยากจะยุ่งเรื่องของคนอื่นอีกแล้วรึไง?”

ชูเกอยิ้มมุมปาก เขาชักดาบยาวออกมาจากด้านหลัง…ดาบที่ถูกชักออกจากฝักส่งเสียงดังกังวาน

"เลิกพูดไร้สาระ พวกเจ้าเข้ามาพร้อมๆกันเลย!”

“ฮึ่มม…ตอนนี้ระดับพลังของมันลดลงเหลือแค่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยาก​ขั้นกลางเท่านั้น พวกเราไปรุมกระทืบมัน!”

เมื่อหวังอู่โบกมือ…ลูกน้องห้าหกคนก็

กรูกันเข้าไปหาชูเกอในทันที

ชูเกอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไสว ราวกับผีเสื้อที่กำลังเต้นระบำ

ดาบอัศนี!

หลังจากฝึกฝนอย่างหนักหน่วงมาหนึ่งเดือนเต็ม ดาบอัศนีก็บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว

พลังของมันสามารถ​สังหารศัตรูได้ด้วยดาบเดียว!

ชูเกอฟาดฟันดาบออกไปอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นเงาดาบมากมายที่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม

ฉัวะๆๆๆๆๆ

เพียงพริบตา, ลูกน้องห้าคนของหวังอู่ก็ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

เมื่อเห็นท่าไม่ดี หวังอู่ก็รีบหันหลังวิ่งหนีทัน​ที

ฉัวะ!

เเต่ทันใดนั้น ชูเกอก็ปล่อยดาบในมือออกไป

ดาบเล่มนั้นพุ่งปราดไปปักอยู่ที่ประตูไม้สีแดง ขวางทางหนีของหวังอู่อย่างรวดเร็ว

ณ​ ขณะนี้…ขาของหวังอู่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

"เมื่อกี้ เจ้าบอกว่าจะซ้อมข้าอย่างนั้นรึ?” ชูเกอมองหวังอู่ด้วยรอยยิ้ม

ถึงแม้ชูเกอจะไม่ได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากนัก แต่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับมีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงสามารถต่อสู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

หัวใจของหวังอู่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่เเล้วเอ่ยข่มขู่

“ชูเกอ! ปล่อยข้าไปซะ, ไม่งั้นม่อเสี่ยวหลางจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

“ตอนนี้เจ้ามีระดับพลังแค่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยาก​ขั้นกลาง เจ้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก!”

“ม่อเสี่ยวหลาง?​” ชูเกอหรี่ตาลง

ม่อเสี่ยวหลางมีระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นปลาย เมื่อก่อนเคยถูกชูเกอซ้อมจนหนีหางจุกตูดอยู่​บ่อยๆ

ชูเกอเดินไปหยิบดาบขึ้นมา เขาใช้ด้ามดาบตบลงบนใบหน้าของหวังอู่อย่างแรง จนกระทั่งใบหน้าของมันแดงก่ำ

จากนั้น​เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"งั้นรึ? เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า กลับไปตามม่อเสี่ยวหลางมา บอกมันว่าวันนี้ชูเกอจะรอมันอยู่ที่นี่…หากมีปัญหา​ก็มาสู้กับข้า!”

“ท้าสู้?”

“ชูเกอประกาศท้าสู้ม่อเสี่ยวหลาง?”

ทันใดนั้น, ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วศูนย์กลางการค้าอย่างรวดเร็ว

………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด