บทที่ 4 : ชูเหยียนเอ๋อร์
บทที่ 4 : ชูเหยียนเอ๋อร์
รัตติกาลมาเยือนอย่างรวดเร็ว ดวงดาวระยิบระยับประดับบนท้องฟ้า แสงจันทร์อันเย็นยะเยียบสาดส่องลงมาปกคลุมผืนดิน, มันช่างเป็นภาพความงามที่ยากจะบรรยาย
ชูเกอเงยหน้ามองดวงจันทร์อันเย็นชาที่ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า แววตาฉายแววความหม่นหมอง แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้า และความรู้สึกจนใจ
“ขอเพียงอายุยืนยาว แม้ห่างไกลกัน ก็ยังได้ชื่นชมจันทร์ดวงเดียวกัน”
มุมปากของชูเกอเผยรอยยิ้มเยาะตัวเองอย่างจนใจ
“ตอนนี้เราอยู่กันคนละภพ เเล้วจะชื่นชมจันทร์เจ้าดวงเดียวกันได้อย่างไร?”
“จันทร์ดวงนี้ กับจันทร์ดวงนั้น จะเป็นดวงเดียวกันได้อย่างไร?”
อย่างไรก็ตาม, ในเมื่อโลกใบนี้ช่างลี้ลับ…มีแม้กระทั่งวิถีแห่งเซียน
บางที…เขาอาจจะมีโอกาสได้กลับโลกเดิมได้อีกครั้ง!
ตราบใดที่เขากลายเป็นเซียน เป็นอมตะ เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือใคร…เขาก็น่าจะสามารถย่างก้าวสู่ดวงดาวอันไกลโพ้น และหาทางกลับโลกเดิมได้อย่างแน่นอน!
แต่ทันใดนั้น, สีหน้าของชูเกอก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง
“เรื่องนั้น คงอีกนานแสนนาน...”
เขาตัดสินใจไม่คิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้
อายุขัยของผู้ฝึกตนนั้นยืนยาวกว่าคนทั่วไป….ยิ่งอยู่ในระดับสูง การปิดประตูฝึกตนครั้งหนึ่ง อาจเทียบเท่ากับอายุขัยของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
หากวันใดที่เขากลายเป็นเซียนจริง …ผู้คนบนโลกเดิม คงกลายเป็นธุลีไปหมดแล้วกระมัง?
หลังจากนิ่งเงียบเพื่อปรับอารมณ์อยู่สักพัก
ชูเกอก็สะพายดาบคู่กาย เเล้วมุ่งหน้าไปยังภูเขาด้านหลังของสำนักซวนหยุนที่เงียบสงัด
………
สำนักซวนหยุนตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชัน สามารถมองเห็นความเป็นไปของใต้หล้าได้อย่างชัดเจน
นี่คือความชาญฉลาดของปฐมบรรพชนแห่งสำนักซวนหยุน บนที่สูง ย่อมหนาวเหน็บ แต่เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาซวนหยุนแห่งนี้ กลับมองเห็นทิวทัศน์ของขุนเขาและสายน้ำอันยิ่งใหญ่ ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ราวกับจิตวิญญาณล่องลอยไปถึงสวรรค์!
ส่วนที่เรียกว่าภูเขาด้านหลังนั้น มันก็คือด้านหลังของยอดเขาที่แสงแดดส่องไปไม่ถึง
ที่แห่งนี้มีสัตว์ร้ายและสัตว์อสูรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่หากไม่เข้าไปลึกก็จะไม่พบกับอันตราย…เพราะสัตว์อสูรบริเวณรอบนอกล้วนมีพลังยุทธ์ไม่สูงนัก
สำหรับศิษย์สายในอย่างชูเกอแล้ว…ที่นี่ถือว่าเหมาะสมกับการฝึกปรือฝีมือเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากหาสถานที่ที่กว้างขวางและเงียบสงบได้แล้ว, ชูเกอก็นำแผ่นหยกที่บันทึกวิชา《ดาบอัศนี》ออกมาศึกษาอย่างละเอียด
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ข้อมูลทั้งหมดในแผ่นหยกก็ถูกชูเกอดูดซับจนหมดสิ้นเเละเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ต้องยอมรับว่า หลังจากที่เขาข้ามมิติมา จิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก…ดังนั้นการศึกษา《ดาบอัศนี》จึงไม่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น บางทีอาจเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขาได้รับการชำระล้างจากประตูแห่งชีวิตและความตาย…พรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นมากกว่าเดิมมาก
หลังจากที่เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว แววตาของชูเกอก็เปล่งประกาย ราวกับค้นพบความจริงบางอย่าง
“หัวใจของดาบอัศนี…สิ่งที่สายฟ้าฟาดมีไม่ใช่ความเร็ว แต่เป็น ‘พลัง’!”
แววตาของชูเกอดูสงบนิ่ง ราวกับผืนน้ำในทะเลสาบ…มันเงียบสงบและไร้คลื่นลม
“พลังคืออะไร?”
“พลังของภูเขาอยู่ที่ความหนักแน่น”
“พลังของสายน้ำอยู่ที่ความอ่อนโยน”
“ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายหรือหญิงงาม พลังของพวกมัน ล้วนเกิดจากคุณลักษณะเฉพาะตัว และเปล่งประกายออกมาเป็นออร่าที่แตกต่างกัน”
“เช่นนั้น พลังของสายฟ้าฟาดคือความดุดัน, คือความกล้าหาญ, คือเส้นทางการบุกเก้ารับหนึ่ง!”
ชูเกอลุกขึ้นยืนเเละเหยียดหลังตรงราวกับหอกยาว
เคร้ง!
เขาชักดาบออกมาจนเกิดเสียงชักดาบดังก้อง!
ในโลกใบนี้อาวุธแบ่งออกเป็นสี่ระดับ ได้แก่, อาวุธล้ำค่า, อาวุธวิญญาณ, อาวุธเซียน, และอาวุธจักรพรรดิ
ดาบในมือของชูเกอ จัดอยู่ในระดับอาวุธล้ำค่าขั้นต้น…หรือก็คือเป็นอาวุธระดับต่ำสุด
เจ้าของร่างเดิมเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักซวนหยุนเก็บมาเลี้ยงดูเเละเติบโตขึ้นในสำนักซวนหยุน
เรียกได้ว่า ชูเกอไม่มีอำนาจ ไม่มีอิทธิพล ไม่มีภูมิหลัง
ที่เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะพรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขาโดดเด่นเป็นเลิศ
เเละแม้ดาบเล่มนี้จะด้อยกว่าเล่มอื่น แต่ก็เพียงพอสำหรับชูเกอแล้ว
ใบดาบที่บางราวกับปีกจักจั่น มันสะท้อนแสงจันทร์อันเย็นยะเยียบจนขับให้มันดูน่าเกรงขาม
ส่วนชูเกอสวมชุดคลุมสีเขียวแขนกุด ทั้งร่างดูแข็งแกร่ง เเละตอนนี้พลังภายในของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น
ฮูวววว!
ชูเกอหายใจเบาๆ ปลดปล่อยพลังปราณออกไปกว้าง…แต่จิตใจกลับจดจ่ออยู่ที่จุดเดียว
จุดที่รอคอยเวลาที่จะระเบิดออกมา
ใบไม้ร่วงหล่น เสียง สวบสาบ ดังต่อเนื่อง
ในพุ่มไม้ มีหมูป่าสีดำตัวหนึ่งกำลังนอนคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่
ฉัวะ!!
ชูเกอหมุนตัว ใช้แขนเป็นฐาน ฝ่ามือเป็นที่รองรับ ดาบเป็นดั่งพู่กัน วาดเป็นวิถีโค้งครึ่งวงกลม!
กลางรัตติกาล เกิดเเสงดาบสีขาววาบผ่าน
ในชั่วพริบตา กระแสดาบแผ่พุ่งออกไปไกลถึงสามเมตร พุ่งตรงไปยังหมูป่าในพุ่มไม้นั้น
แต่ทว่า กระแสดาบนั้นกลับสลายหายไปเมื่อไปถึงพุ่มไม้ในระยะสองเมตร…หลงเหลือทิ้งไว้เพียงสายลมเย็นที่พัดกิ่งไม้จนสั่นไหว
หมูป่าตกใจตื่น ส่งเสียงร้องคร่ำครวญเเล้ววิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไป
ชูเกอขมวดคิ้วพรางครุ่นคิด
“กระแสดาบแผ่ไปได้ไกลแค่สามเมตรเท่านั้น ไกลกว่านั้นก็เหลือเพียงรูปลักษณ์แต่ไร้ซึ่งพลังทำลาย…นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน?”
“หรือพลังของข้ายังไม่เพียงพอ?”
วิถีดาบที่เจ้าของร่างเดิมฝึกฝน เน้นความรวดเร็ว คล่องแคล่ว ใช้พลังน้อย…แต่มีเทคนิคที่หลากหลาย
ดังนั้น, การฝึกฝน 《ดาบอัศนี》 ของชูเกอจึงประสบปัญหาอย่างใหญ่หลวง
ทันใดนั้น ร่างของชูเกอก็พุ่งทะยานไปยังส่วนลึกของภูเขาหลัง
หากเขาจำไม่ผิด ที่นั่นมีน้ำตกสูงเก้าร้อยเมตร
และหลังจากนั้นไม่นาน, เขาก็พบกับน้ำตกในความทรงจำ
น้ำตกสูงตระหง่าน ราวกับทางช้างเผือกที่ตกลงมาจากสรวงสวรรค์….ราวกับผ้าไหมที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า
เสียงน้ำตกดังกึกก้อง ราวกับเสียงฟ้าคำราม…เมื่อยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ นอกจากเสียงน้ำตกกระทบโขดหินแล้ว ชูเกอก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีก
เขารีบถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่า…เเล้วค่อยๆเดินไปหาน้ำตก
“ซีด!”
ยังไม่ทันถึงกลางน้ำตก ละอองน้ำที่สาดกระเซ็น และกระแสน้ำที่ไหลบ่าลงมาจากที่สูงก็ถาโถมเข้าใส่ร่างกายของเขาอย่างไม่ปราณี
ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง ชูเกอรู้สึกราวกับร่างกายจะแหลกสลาย เเละผิวหนังปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกคมมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ชูเกอกัดฟันแน่น ก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า…มุ่งหน้าไปยังใจกลางน้ำตกต่อไป
ไม่นาน ผิวหนังของเขาก็เริ่มแดงก่ำ เเละมีเลือดไหลซึมออกมาตามรูขุมขน
“ฝึกดาบใต้เสียงน้ำ”
“หวังว่าละครที่เคยดูในศตวรรษที่ 21 คงจะไม่หลอกลวงข้านะ”
ริมฝีปากของชูเกอกัดแน่นจนเลือดไหลซึม!
เขาหยุดยืนอยู่กับที่เพื่อปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง
สักพัก ชูเกอก็ขยับตัวอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็มาถึงใจกลางน้ำตก ยืนหยัดอยู่ใต้น้ำที่ไหลบ่าลงมาราวกับมังกรพลิกผืนฟ้า
ตอนนี้ชูเกอแทบจะหมดสติ ผิวหนังชาไม่รู้สึกเจ็บปวด…แต่เขาก็ยังมองเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากแผล!
ในขณะนี้…ชูเกอพยายามอย่างยิ่งที่จะชักดาบออกมาฝึกฝนใต้กระแสน้ำ
แต่ทว่าทันใดนั้นสีหน้าของเขากลับแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน!
เเละสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือพลังชีวิตอันลึกลับ ที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
พลังชีวิตนี้ราวกับดวงอาทิตย์ที่สาดส่อง…มันขับไล่ความหนาวเหน็บ เเถมยังรักษาบาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของเขาในชั่วพริบตา
เเม้เเต่บาดแผลสาหัสที่ได้รับจากการต่อสู้กับเหยียนเฮ่าก็หายเป็นปกติ
ความเจ็บปวดจากแรงกระแทกของน้ำตกก็บรรเทาลงอย่างมาก
ชูเกอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ผิวหนังของเขากลับเรียบเนียนไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลใดๆไว้เลย
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ชูเกอก็อดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้
“ตอนนี้ข้า…คงเป็นแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตายแล้วสินะ!” (กำเนิดเทพเจ้าเเมลงสาบ)
ตราบใดที่มีพลังชีวิตลึกลับนี้คอยปกป้อง… เขาก็ไม่ต้องกลัวการบาดเจ็บอีกต่อไป!
ชูเกอกัดฟันแน่นเเล้วฝึกฝน 《ดาบอัศนี》 อย่างมุ่งมั่นภายใต้กระแสน้ำตก!
รุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือน
ณ ขณะนี้ ชูเกอไม่เพียงไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเท่านั้น…แต่กลับรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเพราะพลังชีวิตอันลึกลับ
แววตาของเขา เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
เพราะหลังจากฝึกฝนมาตลอดทั้งคืน เขาก็เริ่มเข้าใจ 《ดาบอัศนี》 มากขึ้นเเล้ว…อีกไม่นานก็คงจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของวิชานี้
………..
สามวันต่อมา
ชูเกอยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
เเต่ ณ ภูเขาด้านหลังของสำนักซวนหยุนในขณะนี้
มันมีลิงยักษ์อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลายกำลังส่งเสียงคำราม เเละไล่ตามร่างบางที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่
“เจ้าลิงบ้า ถ้ายังตามมาอีก…ข้าจะสู้ตายกับเจ้าแล้วนะ!”
ร่างบางหันกลับมาชูกำปั้นน้อยๆขึ้น…พร้อมตะโกนด้วยใบหน้างอง้ำ
นางมีอายุประมาณสิบหกปี ผมสีดำขลับถูกถักเป็นเปีย สวมชุดกระโปรงสีชมพูที่ขับให้รูปร่างที่กำลังเติบโต ดูน่ารักน่าเอ็นดู
มีใบหน้าขาวเนียนราวกับตุ๊กตา คิ้วโก่งสวย ดวงตากลมโตเป็นประกาย จมูกโด่งรั้นชวนให้หยิกแก้มเล่น ผิวพรรณผุดผ่องราวกับกลีบดอกไม้
นางชื่อชูเหยียนเอ๋อร์
ที่จริงแล้ว นางเข้ามาที่ภูเขาด้านหลัง เพื่อตามหาสมุนไพร ‘หญ้าหลอมใจ’....แต่ใครจะรู้ว่ากลับได้ไปเจอกับลิงยักษ์ตัวนี้เข้า
หญ้าหลอมใจเป็นสมุนไพรระดับล้ำค่าขั้นกลาง
สมุนไพรก็เหมือนกับอาวุธ, พวกมันถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับล้ำค่า, ระดับวิญญาณ, ระดับเซียน และระดับจักรพรรดิ
หญ้าหลอมใจเป็นส่วนผสมหลักของโอสถหลอมใจซึ่งเป็นโอสถระดับล้ำค่าขั้นสูง
ท่านอาจารย์สั่งให้นางมาเก็บหญ้าหลอมใจที่ภูเขาด้านหลัง โดยอาศัยความสามารถของตนเอง
ชูเหยียนเอ๋อร์ก็มาโดยไม่เกรงกลัว
นางไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น
ท่านอาจารย์ห้ามไม่ให้นางพึ่งพาอิทธิพลของสำนัก, นางก็จะไม่พึ่งพา เเละนางเป็นคนมุ่งมั่น!
เดิมที…ด้วยระดับพลังขั้นต้นของอาณาจักรน้ำพุเเห่งชีวิต ชูเหยียนเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกลัวลิงยักษ์อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลายตัวนี้เลย
แต่ทว่าในชีวิตนี้...นางไม่เคยฆ่าแม้แต่ไก่!
เเล้วชูเหยียนเอ๋อร์ที่เติบโตมาอย่างคุณหนู…จะไปกล้าฆ่าสัตว์มีชีวิตได้อย่างไร
ปกตินางแค่ชี้นิ้วสั่ง ก็มีคนรับใช้มากมายพร้อมรับคำสั่งแล้ว
ดังนั้นนางจึงได้แต่หาทางสลัดตัวจากลิงยักษ์ตัวนี้
แต่ในป่าลึกเช่นนี้ ถือเป็นถิ่นของเจ้าลิงยักษ์…แม้ชูเหยียนเอ๋อร์จะใช้วิชาตัวเบามาตลอดก็ยังถูกมันตามติดไม่ลดละ
ตอนนี้ชูเหยียนเอ๋อร์กัดฟันกรอดเพราะโมโหท่านอาจารย์จนฟันแทบหัก
“ตาแก่นั่น, ศิษย์รักกำลังจะตายอยู่แล้ว…ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก!”
เเต่ทันใดนั้นหูของชูเหยียนเอ๋อร์ก็ขยับไหว…ราวกับได้ยินเสียงบางอย่าง
ร่างของนางพุ่งทะยานเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งโดยที่ลิงยักษ์ก็ยังคงไล่ตามมาติดๆ
…………………….