ตอนที่แล้วบทที่ 305: การรุกคืบและการล่าถอยในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก (2)  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 307:  การลอบสังหาร  

บทที่ 306: การรุกคืบและการล่าถอยในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก (3) (ตอนฟรี)


บทที่ 306: การรุกคืบและการล่าถอยในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก (3)

ในครั้งนี้ การส่งกองทัพจำนวนสองแสนนายไปโจมตีอู๋หลิงทำให้นิกายห้าพิษและชาวโจวตั้งตัวไม่ทัน

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าลู่หยวนจะส่งทหารออกมาได้มากถึงขนาดนี้ และเป้าหมายเป็นอู๋หลิงอีก

ในสถานการณ์ที่กะทันหันเช่นนี้ กลุ่มโจรทั้งสองกลุ่มนี้จึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะตอบโต้ได้อย่างแน่นอน

และนี่คือโอกาสของซางกวนหมิง

ตราบใดที่ชาวป่าล่าถอยกลับไป เขาก็จะนำกองทัพไปโจมตีและเล็งไปที่ชาวโจวที่หมดกำลังใจ และขับไล่พวกมันทั้งหมดกลับไปที่อีกฝั่งของแม่น้ำ

ฮึ่ม! กลุ่มชาวเหนือบนหลังม้ากล้าที่จะข้ามแม่น้ำมาหรอ?

ใครให้ความกล้าหาญแก่พวกเขามากัน?

บางคนดีใจ บางคนกังวล

ในขณะที่กองทัพของซางกวนหมิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเตรียมการโจมตีชาวโจว หลานจ้าวหยุนจากนิกายห้าพิษก็ได้มาถึงเขตอันเซียงแล้วเช่นกัน ซึ่งเป็นที่ประจำการของชาวโจว

“แม่ทัพหลี่ นิกายหลักของเรากำลังถูกชาวเยว่จำนวนมากโจมตี และอู๋หลิงก็กำลังตกอยู่ในอันตราย เราต้องถอนกำลังทหารออกไปเพื่อช่วยปกป้องนิกายหลักของเรา และไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป”

ในสำนักงาน หลานจ้าวหยุนเสนอที่จะจากไปเมื่อเขาได้พบกับหลี่หยานจิง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลี่หยานจิงก็ดูแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย “ผู้นำนิกายหลาน กองทัพขนาดใหญ่จำนวนสองแสนนายของชาวโจวนั้นเป็นเพียงข่าวลวงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คนงานพลเรือนที่รวมตัวกันมาก็เท่านั้น”

“ตอนนี้ พวกมันกำลังประกาศข่าวออกมาเพราะพวกมันต้องการบังคับให้ท่านถอนกำลังทหารของท่านกลับไป และหากท่านถอนกำลังจริงๆ ในเวลานี้ ท่านก็จะตกหลุมพรางของศัตรู ผู้นำนิกาย โปรดคิดอีกครั้งด้วย”

หลี่หยานจิง ผู้บัญชาการของชาวโจวที่ข้ามแม่น้ำมาทางใต้รู้สถานการณ์ของเขาเป็นอย่างดี และรู้ดีว่าซางกวนหมิงและทหารของเขากำลังคาดหวังอะไรอยู่

หากเขาสูญเสียชาวป่าเหล่านี้ไป กองทัพของเขาก็จะถูกตีแตกแน่

ทหารของเขาเองที่ไม่คุ้นเคยกับดินแดนและน้ำทางใต้จะไม่สามารถต่อกรกับกองทัพเยว่ขนาดใหญ่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม

ดังนั้น เมื่อชาวป่าจากไป หลี่หยานจิงเองจึงกลัวว่าเขาจะไม่สามารถต้านทานกองทัพเยว่ได้

และการเดินทางลงใต้ครั้งนี้ก็มีความสำคัญต่อการที่ประเทศโจวจะทำลายล้างต้าเยว่และรวมเจียงหนานเป็นหนึ่งได้ด้วย

ด้วยความรับผิดชอบอันหนักหน่วงเช่นนี้ แม้แต่ในฐานะปรมาจารย์ขอบเขตก่อกำเนิด เขาก็ยังรู้สึกยากที่จะแบกรับมันไว้

ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงไม่ต้องการให้หลานจ้าวหยุนพาผู้คนกลับไปในเวลานี้

แต่ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ขณะที่หลี่หยานจิงมีความคิดเป็นของตัวเอง หลานจ้าวหยุนเองก็มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน

ผู้นำนิกายห้าพิษพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าชาวเยว่จะมีแผนการสมคบคิดหรือไม่ ข้าก็รู้จักศัตรูข้าดีที่สุด ข้าต่อสู้กับลู่หยวนมาหลายปีแล้ว”

“ข้ารู้ธรรมชาติของเขาดี เขาระมัดระวังเสมอและจะลงมือหลังจากวางแผนอย่างรอบคอบแล้วเท่านั้น”

“ตอนนี้เมื่อเขาคิดเปิดฉากโจมตีข้า มันก็แสดงว่าเขาจะต้องมีความมั่นใจเต็มที่ และเชื่อว่าแม้ว่าข้าจะนำกองทัพลงไปช่วย แต่เขาก็จะยังเผชิญหน้ากับข้าโดยตรงได้อยู่ดี หรือแม้แต่เอาชนะข้าในสนามรบได้ด้วยซ้ำ”

“เมื่อเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ แม้ว่ากองทัพสองแสนนายของเขาจะเป็นข่าวลวง แต่อย่างน้อยเขาก็จะต้องมีกองทัพไม่ต่ำกว่าแสนนายแน่นอน”

“และตั้งแต่ที่เขายึดครองเขตลู่หยางได้ เขาก็คอยคัดเลือกทหารและม้าอยู่ตลอด ข้าได้ยินมาว่าตั้งแต่ต้นปี เขาได้คัดเลือกทหารมาหลายหมื่นคนแล้ว”

“แม้ว่าการฝึกทหารเหล่านั้นจะค่อนข้างสั้น แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่ข้าไม่สามารถประมาทละเลยได้”

ตามคำพูดที่ว่า ศัตรูของคุณรู้จักคุณดีที่สุด

ในรายชื่อศัตรูของนิกายห้าพิษ ลู่หยวนอาจไม่ใช่ศัตรูตัวฉกาจที่สุด แต่เขาคือคนที่พวกเขาต้องการฆ่ามากที่สุดอย่างแน่นอน

ดังนั้น แม้ว่านิกายห้าพิษจะไม่ได้ตั้งเป้าไปที่ลู่หยวนเป็นเป้าหมายหลัก แต่พวกเขาก็มักจะส่งคนไปสังเกตการเคลื่อนไหวของเขาอยู่เสมอ

สำหรับสิ่งที่ลู่หยวนทำในเขตลู่หยาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการพื้นที่ในท้องถิ่น การคัดเลือกทหารและม้า หรือการซื้ออาหารและอาหารสัตว์จากที่อื่นในระดับใหญ่ พวกเขาก็ล้วนมีความเข้าใจที่ดี

นี่ก็เพราะหลานจ้าวหยุนรู้ว่าหากศัตรูตัวฉกาจนี้ทุ่มสุดตัว อีกฝ่ายก็อาจโค่นรังเก่าของเขาได้

และเมื่อเขาคิดว่านิกายของเขาซึ่งสืบทอดมรดกกันมาเป็นเวลานับพันปีอาจถูกชาวเยว่ยึดครองได้ และดินแดนบรรพบุรุษของชาวป่าอาจตกอยู่ในมือของชาวเยว่ ผู้นำนิกายห้าพิษก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป

ดังนั้นในนามของผู้นำนิกาย เขาจึงมาอำลา และหลังจากคิดสักครู่ เขาก็พูดกับหลี่หยานจิง “ท่านแม่ทัพหลี่ ความแข็งแกร่งของลู่หยวนนั้นไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิดแน่นอน ถ้าเราประมาทเขา เราจะกลายเป็นฝ่ายที่ต้องสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอน”

“ท่านแม่ทัพ ดังนั้นท่านเองก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมแต่เนิ่นๆ”

“คราวนี้ ข้าจะนำทหารของข้ากลับ และข้าก็ไม่มีความมั่นใจในการขับไล่ลู่หยวน”

“ถ้าข้าล้มเหลวลงที่นี่ ปีกของท่านก็จะสูญเสียไปเช่นกัน ดังนั้น หากเป็นไปได้ ได้โปรดส่งข้อความไปทางเหนือของแม่น้ำ และขอให้พวกเขาส่งกำลังเสริมมาด้วย”

“หากท่านหรือข้าล้มลงสักคนหนึ่ง พวกเราก็คงจะต้องพ่ายแพ้ในไม่ช้าก็เร็ว”

หลังจากต่อสู้กับราชสำนักมาเป็นเวลานาน หลานจ้าวหยุนก็รู้สึกหวาดผวาเล็กน้อยกับกองกำลังชั้นยอดของราชสำนัก

เขารู้ว่าด้วยทหารชาวป่าที่เหมือนคนงานพลเรือนของเขา ช่องว่างระหว่างกำลังทหารของเขากับทหารของกองทัพประจำการนั้นก็กว้างมาก

ดังนั้น ในเวลานี้ เมื่อเขาคิดว่าอาจมีทหารชั้นยอดหลายหมื่นนายภายใต้การบังคับบัญชาของลู่หยวน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพจักรวรรดิโดยตรงที่เมืองบาหลิง พวกเขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

ทหารชาวป่าห้าหมื่นนายของเขาเข้าร่วมการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับทหารชั้นยอดของจักรวรรดิสองหมื่นนาย และแม้จะมีทหารมากกว่าสองเท่า แต่พวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ลงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

ความจริงข้อนี้ทำให้ความทะเยอทะยานเดิมของหลานจ้าวหยุนต้องถูกดับลง

ดังนั้นเมื่อเขากลับไปที่อู๋หลิงในครั้งนี้ เขาจึงมีความมั่นใจน้อยมากในการเอาชนะลู่หยวน สิ่งเดียวที่เขาคิดได้คือยึดเมืองไว้จนกว่าเสบียงอาหารของศัตรูจะหมดลงและพวกเขาก็ล่าถอยกันกลับไปเอง

ลู่หยวนไม่ได้อ้างว่ามีกองทัพสองแสนคนหรอ?

ด้วยผู้คนสองแสนคน พวกเขาจะต้องใช้เสบียงเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอนในทุกๆ วัน

พวกเขาจะไม่สามารถสนับสนุนกองทัพขนาดใหญ่เช่นนี้ได้เป็นเวลานานด้วยดินแดนเพียงเล็กน้อยที่พวกเขาควบคุม ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาสามารถยืนหยัดได้สักสามถึงห้าเดือน อีกฝ่ายก็จะไม่สามารถอยู่กดดันพวกเขาต่อได้อย่างแน่นอน

นี่คือสิ่งที่เขาหวังอยู่

หลี่หยานจิงเห็นว่าหลานจ้าวหยุนตั้งใจที่จะจากไป และเขาก็รู้ในใจว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้ ดังนั้นด้วยท่าทางที่ยากจะยอมรับบนใบหน้า เขาจึงพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ผู้นำนิกายหลาน ถ้าท่านอยากไปก็ไปเถอะ ข้าจะคอยต้านชาวเยว่ที่นี่เอาไว้เอง”

คำพูดของหลานจ้าวหยุนฟังดูสมเหตุสมผล เขาขอให้เจียงเป่ยส่งกำลังเสริมใสอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขานำทหารของเขาข้ามแม่น้ำมาแล้ว ชาวเยว่จึงตอบสนองอย่างรวดเร็วและส่งเรือรบหลายร้อยลำไปปิดทางน้ำระหว่างเจียงหนานและเจียงเป่ยโดยทันที

ทุกวันนี้ แม่น้ำเต็มไปด้วยเรือของชาวเยว่ แบบนี้แล้วทหารโจวจากเขตเทียนเหมินจะส่งคนมาได้ทางไหนอีก?

แต่หลานจ้าวหยุนก็พูดถูกอย่างหนึ่ง

หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกับฝ่ายของตนหรือของเขา มันก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน

หลี่หยานจิงซึ่งเส้นทางล่าถอยถูกตัดขาด ตอนนี้ต้องพึ่งพาเสบียงจากชาวป่าของอู๋หลิงสำหรับการขนส่งเสบียงของกองทัพทั้งหมดของเขา

ดังนั้นหากอู๋หลิงถูกลู่หยวนยึดครอง เสบียงอาหารของกองทัพของเขาก็จะถูกตัดขาด

ในกรณีนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของซางกวนหมิงได้ แต่หากไม่มีอาหารและอาหารสัตว์ พวกเขาก็จะต้องถูกทำลายล้างลงในที่สุดอยู่ดี

“ สถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบนี้ถูกทำลายโดยบุคคลปริศนานามลู่หยวน เขาทำให้ข้าติดกับ แม่ทัพผิงซีผู้นี้ไม่เคยเคลื่อนไหวอะไรมาก่อนเลย แต่เมื่อเขาทำ มันก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ร้ายแรง’

เมื่อคิดถึงสถานการณ์เลวร้ายในปัจจุบัน หลี่หยานจิงก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันด้วยความเกลียดชังที่มีต่อลู่หยวน ผู้ซึ่งก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้

หากเขามีโอกาสได้พบกับโจรชั่วคนนี้ในอนาคต เขาก็จะต้องฆ่ามันให้ได้..

*พี่ลู่แม่งของจริง เห็นอยู่เงียบๆ เหมือนกลัวเพราะกลัวจริง แต่เวลาเอาจริงแม่งตบหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด