ตอนที่แล้วบทที่ 9 : สัญญาการพนัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน

บทที่ 10 : ฟื้นฟูการเพาะปลูก


บทที่ 10 : ฟื้นฟูการเพาะปลูก

ราวกับว่าเวลาหยุดลงในชั่วขณะนี้

ทุกสายตาจับจ้องไปยังจุดเดียว ลมหายใจของผู้คนรอบข้างเบาลงโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้,​ ดวงตาของชูเกอเป็นประกาย

ส่วนชูเหยียนเอ๋อร์หลับตาลงแน่น เเละใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าเอาไว้…แต่นางก็ยังคงแอบมองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือ

เเละเมื่อนางเห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นในช่องที่เจ็ด ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความดีใจ…นางกระโดดโลดเต้นมากอดชูเกอแน่น พร้อมกับหัวเราะคิกคัก

“พี่ชาย ท่านทำได้แล้ว!”

ชูเกอยิ้มบางๆ ด้วยระดับพลังแค่อาณาจักร​ทะเล​ทุกข์ยาก​ขั้นกลาง การที่เขาสามารถตีแผ่นศิลาทดสอบพลังให้ถึงขั้นเจ็ดได้…มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขั้นหกนั่นคือขีดจำกัดของคนทั่วไป

แต่เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักร​ทะเล​ทุกข์ยาก​ขั้นกลางธรรมดาๆ!

ครั้งหนึ่ง…เขาเคยอยู่ในอาณาจักร​ทะเล​ทุกข์ยาก​ขั้นปลาย!

เขาฝึกฝนร่างกายภายใต้น้ำตก จิตใจ

ของเขาแข็งแกร่ง!

เขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ฝึกฝนดาบอัศนีจนชำนาญ!

ยิ่งไปกว่านั้น…เขายังมี ‘ร่างกายแมลงสาบ’ ที่แข็งแกร่ง ไม่ต้องกลัวการบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้น…เขาสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ออกมาได้อย่างเต็มที่

เเละมันก็เป็นเช่นนั้น, ตอนนี้พลังชีวิตลึกลับ​ก็กำลังไหลเวียนไปทั่วเส้นชีพจร รักษาร่างกายของเขาที่บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว​

จากนั้น, ชูเกอก็หันไปมองโอวหยางเซวียนที่ตอนนี้มีสีหน้าซีดเผือด

เขารู้ดีว่าหลังจากวันนี้ โอวหยางเซวียนคงจะระวังตัวเขามากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้กลัวโอวหยางเซวียนแม้แต่น้อย, ตราบใดที่เขาสามารถฟื้นฟูระดับพลังได้​….อย่างโอวหยางเซวียนจะไปมีปัญญาทำอะไรเขาได้?

"โอวหยางเซวียน ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นคนรักษาคำพูดนะ” ชูเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โอวหยางเซวียนละสายตาออกจากแผ่นศิลาทดสอบพลัง เเละมองชูเกอที่ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง

ภายในใจของเขารู้สึกร้อนรุ่ม เขากำหมัดแน่น เส้นเลือดที่คอปูดโปนออกมา

แต่ในพริบตา​ เขาก็คลายมือออกเเล้วยิ้มบางๆ

“แน่นอนว่าข้าเป็นคนรักษาคำพูด บัวเก้าปล้องสีเขียวหยก…ถือว่าข้ามอบให้เจ้าก็แล้วกัน”

โอวหยางเซวียนเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

“หึหึ…เเต่ในการคัดเลือกศิษย์หลักครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะฟื้นฟูระดับพลังได้…เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก!”

หืม?

ชูเกอขมวดคิ้วพรางครุ่นคิด​ ‘โอวหยางเซวียนมันมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า​…หรือว่ามันมีไพ่ตายอะไร?’

มีข่าวลือว่า ตระกูลของโอวหยางเซวียนเป็นตระกูลที่มีอำนาจมาก, หากได้รับการสนับสนุนจากตระกูล การที่โอวหยางเซวียนจะได้เป็นศิษย์หลัก…ก็คงจะเป็นเรื่องง่าย

"ข้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ” ชูเกอพูดจบก็พาชูเหยียนเอ๋อร์ไปซื้อบัวเก้าปล้องสีเขียวหยกด้วยราคาห้าหมื่นผลึกขาว จากนั้นก็เดินจากไปอย่างสง่างาม

หลินเมี่ยวเข่อมองชูเกอที่ดูสงบนิ่ง…ในใจของนางรู้สึกปั่นป่วนอย่างมาก

ชูเกอในตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน

ราวกับว่า…นางไม่เคยรู้จักเขา

‘หรือว่า…ที่ผ่านมา เขาแค่แสร้งทำ? หรือว่า…ข้าทำร้ายเขามากเกินไป?’ หลินเมี่ยวเข่อคิดอย่างสับสน

ส่วนโอวหยางเซวียน…เขามองแผ่นหลังของชูเกอที่กำลังเดินจากไป มุมปากของเขายกยิ้มอย่างเหี้ยมโหด

‘พลังของตระกูลข้า…ไม่ใช่สิ่งที่ยาจกอย่างเจ้าจะจินตนาการได้!’

ในขณะเดียวกัน, บริเวณบันไดที่เชื่อมไปยังชั้นสามของหอซวนหยุน

มีหญิงสาวผู้หนึ่งที่ดูสง่างามกำลังยืนอยู่ตรงนั้น, ใบหน้าของนางงดงามราวกับเทพธิดา ยากจะคาดเดาอายุที่แท้จริงของนางได้

“เด็กคนนี้น่าสนใจไม่เลว หากเขาฟื้นฟูระดับพลังได้…ก็น่าจะติดหนึ่งในสิบของศิษย์สายในได้”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้น นางก็ทำท่าทางเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกก่อนจะตบหน้าผากตัวเองเบาๆ

“เขาน่ะชื่อชูเกอ! โอ๊ยตายๆๆ…ข้าเป็นคนตั้งชื่อให้เขานี่นา!”

‘ชูเกอ’...นางเป็นคนเก็บเขามาเลี้ยง ตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นแค่เด็กทารกที่ถูกทิ้งอยู่กลางป่าเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน

ในตอนนั้น นางยังเป็นเพียงหญิงสาวในชุดขาวบริสุทธิ์ สวยงามราวกับนางฟ้า

เเต่หลังจากที่ออกเดินทางท่องยุทธภพ…ตอนนี้นางกลายเป็น ‘จอมมารสาว’ ที่โด่งดังไปทั่วแคว้นหยุนหวง

แม้แต่ประมุขของสำนักเทียนเจี้ยน ซึ่งเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเจ็ดสำนักใหญ่…เมื่อได้เห็นนางก็ยังต้องสบถออกมาเบาๆ

……..

อีก​ด้าน, ชูเกอกลับไปที่เรือนพักของเขาเพียงลำพัง

เพราะระหว่างทางชูเหยียนเอ๋อร์ได้ขอตัวกลับไปปรุง​โอสถ​…เเละนางบอกว่าพรุ่งนี้น่าจะได้โอสถแล้ว

แต่ในความเป็นจริงแล้ว…ตอนนี้นางไม่ได้กำลังปรุงโอสถ​ นางเเค่กำลังดึงเคราของชายชราผมขาวคนหนึ่ง พร้อมกับออดอ้อน

“ท่านอาจารย์ ท่านใจดีที่สุดมาตลอด…ท่านช่วยปรุง​โอสถ​ให้ข้าหน่อยนะเจ้าคะ”

ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าผู้เชี่ยวชาญการปรุง​โอสถ​มาก…ทักษะของเขาสูงส่งจนถึงขั้น ‘ปรมาจารย์’

ปรมาจารย์…นั่นคือระดับที่สามารถปรุง​โอสถ​วิญญาณได้

ดังนั้น…การปรุง​โอสถ​หลอมวิญญาณระดับ​สมบัติ​ จึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับผู้อาวุโสลำดับที่ห้า

ณ​ ขณะนี้…ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าลูบเคราตัวเองเเล้วมองชูเหยียนเอ๋อร์ด้วยสายตาตำหนิ

“เจ้าเองก็มีมือมีเท้า…เเล้วทำไมต้องให้ตาแก่คนนี้ลำบากด้วย?”

“ท่านอาจารย์…ตอนท่านอาจารย์ปรุง​โอสถ​ ท่านดูเท่มากเลยนะเจ้าคะ” ชูเหยียนเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“เอ่อ…มันก็จริงเเฮะ”

ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าลูบเคราตัวเองด้วยสีหน้าพึงพอใจ…ดูเหมือนว่าเขาจะชอบคำชมนี้เป็นพิเศษ

“ว่ามาสิ…จะให้ข้าปรุง​โอสถ​ให้ใคร?”

"ท่านยังกล้าถามอีกหรือ? ท่านรู้ไหมว่า…ท่านเกือบจะทำให้ศิษย์รักของท่านตาย”

“ตอนที่ข้าไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาด้านหลัง ดันถูกลิงตัวใหญ่ไล่ล่า…”

ชูเหยียนเอ๋อร์เท้าเอว เเล้วบ่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“หากไม่ใช่เพราะมีคนมาช่วยไว้…ศิษย์ที่น่ารัก น่าเอ็นดู เชื่อฟัง และแสนดีของท่านก็คงจะตายไปแล้ว!”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าถึงกับพูดไม่ออก แต่สักพักก็พึมพำออกมา

“เเล้วเจ้าไม่รู้หรือ? ว่าแหวนที่เจ้าใส่อยู่น่ะ…ข้าได้สลักอักขระป้องกันตัวเอาไว้ ถึงแม้มันจะไม่แข็งแกร่งมาก…แต่ก็มากพอที่จะตอบโต้ลิงตัวนั้นได้”

"อะไรนะ?!" ชูเหยียนเอ๋อร์เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

นางไม่เคยรู้เลย​ ว่าแหวนมิติที่ท่านอาจารย์มอบให้มีอักขระป้องกันตัวอยู่ด้วย

“เอาเถอะ, ในเมื่อคนผู้นั้นช่วยชีวิตศิษย์ของข้าเอาไว้ เช่นนั้น…ข้าก็จะช่วยเขาสักครั้งก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสลำดับที่ห้ายิ้มบางๆ

………

วันรุ่งขึ้น

ชูเกอก็ได้ไปที่หอคัมภีร์อีกครั้ง

"พี่หญิง ข้าอยากได้วิชานี้ 《วิชาบาทาวายุ​》” ชูเกอกล่าวกับเฟิงหลิน

เฟิงหลินมอง 《วิชาบาทาวายุ​》 พรางขมวดคิ้วเล็กน้อย

《วิชาบาทาวายุ​》 เป็นวิชาตัวเบาระดับมนุษย์​ขั้นสูงที่แฝงไปด้วยพลังโจมตี

ในบรรดาวิชาตัวเบาระดับมนุษย์​…มันเป็นวิชาที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนมากมายต่างก็อยากได้มันมาครอบครอง

แต่ทว่า…ความยากในการฝึกฝนของมันไม่ธรรมดา!

อัจฉริยะมากมายต่างก็ล้มเลิกการฝึกฝนวิชานี้ไป​ เ​พราะไม่สามารถ​เข้าใจ​มันได้อย่างถ่องแท้​

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวิชานี้ฝึกฝนได้ยากมากแค่ไหน?”

“เท่าที่ข้ารู้ในรุ่นเดียวกับเจ้า มีเพียงหลี่เต้าเฟิง ศิษย์สายในอันดับสองเท่านั้น…ที่สามารถฝึกฝนวิชานี้จนสำเร็จได้” เฟิงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย

"ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าควรจะตั้งใจฝึกฝน《ดาบอัศนี》ให้คล่อง​จะดีกว่า" เฟิงหลินแนะนำ

เเต่ชูเกอกลับส่ายหน้า

สำหรับ​วิชา《ดาบอัศนี》ของเขา…ในระยะเวลาสั้นๆ​ คงยากที่จะพัฒนาได้มากกว่านี้

เเละตอนนี้…สิ่งที่เขาขาดก็คือวิชาตัวเบา,​ การต่อสู้กับม่อเสี่ยวหลางทำให้เขารู้ซึ้งถึงความสำคัญของวิชาตัวเบา

การต่อสู้ไม่จำเป็นต้องปะทะกันตรงๆเสมอไป

ตราบใดที่ชนะ​ นั่นก็เพียงพอแล้ว

และ《วิชาบาทาวายุ​》…มันเหมาะกับเขามาก

วิชาตัวเบาที่แฝงไปด้วยพลังโจมตี​ นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ!

‘เจ้าหมอนี่ทะเยอทะยานมากเกินไป​!’ ณ​ ตอนนี้นี่คือสิ่งที่เฟิงหลินคิด

“ในการคัดเลือกศิษย์หลัก ด่านแรกนั้นข้าก็เป็นหนึ่งในผู้คุม, ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถูกคัดออกตั้งแต่ด่านแรกนะ” เฟิงหลินกล่าวอย่างจนใจ

การคัดเลือกศิษย์หลัก แบ่งออกเป็นสองด่าน

ด่านแรก คือการต่อสู้แบบสุ่ม…พวกเขาจะปล่อยศิษย์ทั้งหมดลงไปในสนามประลอง

ความจริงแล้วด่านนี้ถือว่าอันตรายมาก, เพราะศิษย์ที่รวมกลุ่มกันมักจะสามารถ​รังแกผู้อื่นได้

ผู้ที่รอดชีวิตหนึ่งร้อยคนสุดท้าย จะได้เข้าสู่ด่านที่สอง ส่วนคนที่ถูกคัดออกในด่านแรกก็จะหมดสิทธิ์เข้าร่วมการคัดเลือก

ชูเกอรับแผ่นหยกที่บันทึก《วิชาบาทาวายุ​》 เเล้วยกยิ้มบางๆ

“พี่หญิงรอดูก็แล้วกัน” หลังจากพูดจบชูโ​จว​ก็จากไป

“เจ้าหมอนีมั่นใจในตัวเองจริงๆ” เฟิงหลินพึมพำ

………..

หลังจาก​กลับมาที่พัก

ชูเกอก็เห็นร่างของเด็กสาวที่ดูสดใสร่าเริงอยู่ไกลๆ

เป็นชูเหยียนเอ๋อร์ที่วิ่งดุ๊กๆเข้ามาหาชูเกอ

เเละดูเหมือนว่านางจะมีของดีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ด้านหลัง

“เอามาให้ข้าสิ…โอสถหลอมวิญญาณ” ชูเกออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

"นี่เจ้าค่ะ!” ชูเหยียนเอ๋อร์ยื่นมือสีชมพูอ่อนๆออกมา ภายในมือของนางมีโอสถสีฟ้าอ่อนเม็ดหนึ่งวางอยู่พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆลอยออกมา

“ข้าเก่งใช่ไหมล่ะ!”

"อืม…เก่งมาก เก่งมาก"

ชูเกอเก็บโอสถหลอมวิญญาณเอาไว้ จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในห้อง

เขานั่งไขว่ห้างบนเตียง รับประทานโอสถหลอมวิญญาณเเล้วปิดเปลือกตาลงเพื่อ​เริ่มฝึกฝน

ส่วนชูเหยียนเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆชูเกอ…นางเท้าคางเเล้วมองดูเขาอย่างเงียบๆ

หนึ่งคนหลับตาฝึกฝน

หนึ่งคนเหม่อมอง

ภายในห้อง เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของธูป

ไม่นานนัก ชูเหยียนเอ๋อร์ก็รู้สึกเบื่อ นางจึงเดินออกจากห้องไป

ส่วนชูเกอก็เก็บตัวฝึกฝนอยู่สามวันสามคืน โดยไม่กินไม่ดื่มอะไรเลย

เเละในวันที่สี่นั้น

ตูม!!

มันราวกับว่ามีกำแพงบางอย่างถูกทำลาย, พลังปราณอันบริสุทธิ์ไหลบ่าออกมาราวกับมหาสมุทร

ชูเกอลืมตาขึ้น

ณ​ ขณะนี้​ดวงตาของเขาดูสดใสอย่างมาก

เเละนั่นเพราะ​วันนี้…เขาได้ก้าวเข้าสู่อาณาจักร​ทะเล​ทุกข์ยาก​ขั้นปลายอีกครั้งเเล้ว!

……………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด