บทที่ 2 : ศัตรูในที่มืด
บทที่ 2 : ศัตรูในที่มืด
เหยียนเฮ่าจ้องมองชูเกอด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา
เหตุการณ์พลิกผันรวดเร็วจนทุกคนต่างจ้องมองมาที่ภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
ชูเกอชนะแล้ว?
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สำนักเจินหวู่หรือศิษย์สำนักซวนหยุน, ต่างเบิกตากว้าง เเละอ้าปากค้าง
ก่อนหน้านี้ ชูเกอยังนอนราบกับพื้นเหมือนสุนัขตัวหนึ่งอยู่เลย
แต่พริบตาเดียว สถานการณ์กลับพลิกกลับ!
ท่ามกลางฝูงชน มีหญิงสาวชุดแดงผู้หนึ่งมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ดูเหมือนเธอจะมีทั้งความรู้สึกผิด, ความสำนึกผิด, และความแน่วแน่ปนความโหดเหี้ยมอยู่ในนั้น
เครั้ง!!!!
ดาบในมือของเหยียนเฮ่าหลุดออกจากมือร่วงลงกระทบพื้นดังกึกก้อง
ที่หน้าอกของเขาถูกแทงทะลุ ปรากฏรอยแผลเหวอะหวะที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุดเเละเผยให้เห็นเนื้อหนังที่ปั่นป่วนอยู่ภายใน
เหยียนเฮ่ายกมือขึ้นอย่างสั่นเทา, ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองชูเกอราวกับจะสลักภาพนี้ไว้ในใจ
อย่างไรก็ตามชูเกอกลับไม่ได้เเยเเส
เขาดึงดาบยาวออก, แล้วหันหลังเดินจากไป
ร่างกายของเขาแผ่รังสีสังหารออกมา ราวกับพยามัจจุราช…ทำให้ทุกคนต่างพากันถอยห่าง ไม่มีใครกล้าขวางทางเขา
สายตาที่พวกเขามองชูเกอนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
หรือว่าเมื่อครู่เขาแกล้งทำเป็นหมูเพื่อกินเสือ?
มิฉะนั้น ทำไมจู่ๆเขาถึงมีพลังรบที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้?
ชูเกอน่ากลัวเกินไปแล้ว
บรรดาศิษย์สำนักซวนหยุนที่เพิ่งเยาะเย้ยชูเกอต่างพากันปิดปากเงียบ, เเละหลบสายตาด้วยความหวาดหวั่น
“ชั่วช้า! ฆ่าศิษย์สำนักเจินหวู่ของข้า…แล้วคิดจะเดินจากไปง่ายๆอย่างนั้นรึ?”
ผู้อาวุโสที่คอยดูแลการประลองจากฝั่งสำนักเจินหวู่กระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ร่างกายของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับเหยี่ยวเเละใช้นิ้วมือทั้งห้าตะปบเข้าหาชูเกอ
ชูเกอไม่ได้หันกลับไป แต่กลับยกยิ้มเย็นที่มุมปาก
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเก้าจากฝั่งสำนักซวนหยุนก็ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าชูเกอเอาไว้
“บังอาจ!”
“ที่นี่คือสำนักซวนหยุน…เจ้าต้องการจะประกาศสงครามกับสำนักซวนหยุนของข้ารึไง!”
ผู้อาวุโสสำนักเจินหวู่หยุดชะงัก, เเละตะคอกกลับด้วยความโกรธ
"มันฆ่าศิษย์ของข้า!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ผู้อาวุโสเก้าก็สะบัดแขนเสื้อเเล้วกล่าวอย่างเย็นชา
“พวกเขาต่อสู้กันอย่างเปิดเผยและยุติธรรม, เป็นตายก็ขึ้นอยู่กับฝีมือโทษผู้อื่นไม่ได้!”
“เหยียนเฮ่าตายก็เพราะมันอ่อนแอ…ไม่ก็เป็นสำนักเจินหวู่ที่อ่อนแอเอง!”
"แก!!"
ผู้อาวุโสสำนักเจินหวู่โกรธจนพูดไม่ออก
“ดี…ดีมาก”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าสำนักเจินหวู่ของข้าโหดร้าย!
อีกหกเดือนข้างหน้าในการประลองระหว่างสำนัก….หวังว่าสำนักซวนหยุนคงไม่พลาดนะ!"
กล่าวจบ ผู้อาวุโสสำนักเจินหวู่ก็พาลูกศิษย์จากไป
เเต่ในบรรดาศิษย์สำนักเจินหวู่ต่างมองชูเกอด้วยแววตาหวาดกลัว
ดาบเล่มนั้นของชูเกอได้ฝังลึกลงในใจของพวกเขา
ทุกครั้งที่นึกถึง…ก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่าง
ดาบเล่มนั้น น่ากลัวเกินไป!
ต่อให้เป็นศิษย์ระดับสูง, ก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานได้
………
ผู้อาวุโสเก้ามองดูสำนักเจินหวู่ออกไปด้วยรอยยิ้มเย็น
สำนักซวนหยุนกับสำนักเจินหวู่เป็นศัตรูกันมานานแล้ว, การตายของศิษย์เพียงคนเดียวย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่
หลังจากนั้น, เขาก็หันกลับมามองชูเกอ…แต่กลับไม่ยิ้มแม้แต่น้อย
สีหน้าเคร่งขรึมเเละพูดว่า
"ตอนนี้ระดับพลังของเจ้าตกลงมาอยู่ที่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลางแล้วสินะ"
ชูเกอพยักหน้ารับเบาๆ
ผู้อาวุโสเก้าถอนหายใจ เเล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่, ว่าการที่เจ้าเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบเช่นนี้…มันส่งผลลัพธ์มันร้ายแรงเพียงใด?"
ชูเกอรีบค้นหาความทรงจำในหัวอย่างรวดเร็ว…จากนั้นก็เอ่ยตอบ
"พรสวรรค์จะถูกทำลาย ยากที่จะทะลุผ่านอาณาจักรน้ำพุเเห่งชีวิตได้อีก"
เพิ่งมารู้เอาตอนนี้เอง, ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเขามันจะส่งผลร้ายแรงถึงเพียงนี้
เท่าที่เขารู้ตอนนี้….วิถีแห่งการฝึกฝนแบ่งออกเป็นสี่อาณาจักรได้แก่, ทะเลแห่งความทุกข์ยาก, น้ำพุแห่งชีวิต, สะพานศักดิ์สิทธิ์, และอีกฝากฝั่ง
ในโลกแห่งการฝึกฝนมีคำกล่าวอยู่ว่า
"หากไม่ก้าวเข้าสู่อาณาจักรน้ำพุเเห่งชีวิต…ก็ยังถือว่าเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ"
อาณาจักรน้ำพุเเห่งชีวิต คือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการฝืนลิขิตฟ้าดิน
แต่ตอนนี้, ชูเกอมีโอกาสสูงมากที่จะไม่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรน้ำพุเเห่งชีวิตได้อีก
อย่างไรก็ตาม, ชูเกอไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย
สถานการณ์เมื่อครู่ เขาไม่มีทางเลือกอื่น…เขาทำได้เพียงเดิมพันชีวิตด้วยการเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบเท่านั้น!
ผู้อาวุโสเก้าพยักหน้าอีกครั้ง
“อีกสามเดือนข้างหน้าจะเป็นการคัดเลือกศิษย์หลัก, เดิมทีเจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะได้รับเลือก แต่ตอนนี้…”
“เฮ้อ…เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน”
กล่าวจบ ผู้อาวุโสเก้าก็จากไปพร้อมกับทิ้งเสียงถอนหายใจอันแสนหนักอึ้งเอาไว้
"สามเดือนงั้นเหรอ..."
ชูเกอพึมพำ, จากนั้นเขาก็เดินออกจากลานประลองเเละมุ่งหน้าไปยังเรือนพักของตน
หลังจากชูเกอจากไป บรรดาศิษย์สำนักซวนหยุนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
"ข้าว่าแล้ว ทำไมอยู่ๆชูเกอถึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้…ที่แท้ก็เอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบนี่เอง!"
"หึหึ ระดับพลังของชูเกอตกลงมาอยู่ที่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลางเท่ากับข้าแล้ว…ฮ่าๆๆ อีกสามเดือนข้างหน้าการคัดเลือกศิษย์, หลักเขาคงไม่ได้เข้าร่วมแน่ๆ"
"ไม่ต้องให้บอกก็รู้ ตอนนี้เขามีระดับพลังเท่ากับข้า แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะสู้ข้าไม่ได้แล้วล่ะมั้ง!”
“เมื่อครู่เขาก็แค่เสแสร้งทำเป็นเก่ง เท่านั้นแหละ!”
"ชูเกอหลุดออกจากสิบลำดับแรกของศิษย์สายในแล้ว, คนที่น่าจะดีใจที่สุดคงจะเป็นพวกที่อยู่ลำดับรองๆลงมา…ไม่แน่ว่าพวกนั้นอาจจะหาเรื่องซ้ำเติมเขาอีกก็ได้!"
ผู้คนรอบๆต่างสนทนากันอย่างสนุกสนาน
เเต่เเน่นอนว่าชูเกอย่อมไม่สนใจ
เขาเดินมาถึงเรือนพักของตนโดยอาศัยความทรงจำในหัว
ศิษย์สายในสิบลำดับแรก จะมีเรือนพักส่วนตัว…นี่คือสิทธิ์ของพวกเขา
ความจริงแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ชูเกอจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่พลังชีวิตที่แข็งแกร่งก็ได้รักษาบาดแผลของเขาจนเกือบหายสนิทแล้ว
ตอนนี้, อุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดของเขาคือระดับพลังที่ตกลงมาอยู่ที่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง
ศิษย์สายในสิบลำดับแรก ล้วนมีระดับพลังอยู่ที่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย…ด้วยระดับพลังในตอนนี้ของเขามันช่างไร้ค่า
อย่าว่าแต่สิบลำดับแรกเลย ต่อให้ห้าสิบลำดับแรกเขาก็คงไปไม่ถึง
ภายในเรือนพัก ดอกไม้ร่วงโรย ใบไม้ปลิวว่อน
ในฐานะคนที่เพิ่งข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด…ชูเกอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนี้เอาเสียเลย
แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทางแปลกๆออกไปได้
เขาหลับตาลงเเละรีบดูดซับความทรงจำของร่างเดิม
แม้ว่าร่างนี้จะมีจิตวิญญาณใหม่เข้ามาแทนที่…แต่เขาก็ยังคงสืบทอดพลังฝึกฝนของร่างเดิมมาได้
เพียงแต่ที่น่าเสียดายคือเขากลับไม่สามารถสืบทอดวิชายุทธของร่างเดิมมาได้
วิชายุทธที่อยู่ในหัวดันให้ความรู้สึกแปลกประหลาด…ทั้งๆที่ฝึกฝนสำเร็จแล้ว, แต่เขากลับไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของมันได้
ยามออกท่าทาง จึงมีเพียงรูปร่าง…แต่ไร้ซึ่งพลังทำลาย
"ดูเหมือนว่าข้าจะต้องฝึกฝนวิชายุทธใหม่ตั้งแต่ต้น" ชูเกอครุ่นคิด
"ว่าเเต่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความโกลาหลนั่นมันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“ที่นั่นคือที่ไหนกันแน่? แล้วพลังชีวิตหลังประตูนั่นมันคืออะไร?”
ชูเกอครุ่นคิดเท่าไหร่ก็หาคำตอบไม่ได้
สุดท้าย, เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องอยู่ให้ได้
เเต่ทันใดนั้น, ชูเกอนึกถึงน้องสาวที่ชื่อว่า "ชูเหยา" ที่อยู่ในโลกอีกใบ…และ "ข่งเหยียนฉี"
ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธอเป็นอย่างไรบ้าง …หวังว่าในชาตินี้ เขาจะได้พบกับพวกเธออีกครั้ง
ชูเกอกำหมัดแน่น
โลกใบนี้เป็นโลกแห่งฝึกฝน
ความแข็งแกร่งคือความยิ่งใหญ่
พลังอำนาจคือที่สุด
ที่นี่ไม่มีราชวงศ์ ไม่มีประเทศชาติ…มีแต่สำนักและดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกฝน
เเละในขณะที่ชูเกอกำลังจะกลับห้องเพื่อฝึกฝน
มันก็มีร่างบางระหงในชุดแดงปรากฏตัวขึ้นที่เรือนพักของเขา
หญิงสาวผู้นี้มีอายุราวๆยี่สิบเก้าปี…มีใบหน้าสวยหวาน รูปร่างสะโอดสะอง เเละมีกิริยาท่าทางงดงามชวนมอง
เมื่อเห็นหญิงสาวผู้นี้ ชูเกอก็รู้สึกประหลาดใจ…จึงรีบค้นหาความทรงจำในหัว
ครู่หนึ่ง เขาก็พบคำตอบ
ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมลงเเล้วเอ่ยถาม
"หลินเมี่ยวเข่อ เจ้ามาที่นี่ทำไม?"
หญิงสาวผู้นี้มีนามว่า "หลินเมี่ยวเข่อ" เป็นหญิงสาวที่ร่างเดิมของเขาหลงรัก
อย่างไรก็ตาม, หลังจากค้นดูความทรงจำแล้ว…ชูเกอกลับพบความผิดปกติบางอย่าง
ระยะหลังมานี้ พฤติกรรมของหลินเมี่ยวเข่อนั้นค่อนข้างลึกลับ
มีหลายครั้งที่ร่างเดิมของเขาไม่สามารถหาตัวเธอเจอ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังนึกขึ้นได้อีกว่า ก่อนที่เขาจะประลองกับเหยียนเฮ่า หลินเมี่ยวเข่อได้จุดธูปหอมให้เขา โดยบอกว่าธูปหอมชนิดนี้สามารถทำให้จิตใจสงบ สติปัญญาแจ่มใส เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังฝึกฝน
เนื่องจากร่างเดิมหลงรักหลินเมี่ยวเข่อมาก จึงไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร…แต่ชูเกอในตอนนี้ ไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสหลินเมี่ยวเข่อแม้แต่น้อย!
หลินเมี่ยวเข่อต้องมีพิรุธอะไรแน่ๆ!
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของชูเกอ…ใบหน้าของหลินเมี่ยวเข่อก็แข็งค้างไปชั่วขณะ
ตามปกติแล้ว ชูเกอไม่น่าจะเย็นชาใส่เธอแบบนี้
หรือว่า...ชูเกอรู้เรื่องที่เธอแอบวางยาพิษเขาแล้ว?
ไม่น่าใช่, ด้วยนิสัยของชูเกอ…ถ้าเขารู้เรื่องนี้เข้า เขาคงโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว
หลินเมี่ยวเข่อคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน แล้วฝืนยิ้มเอ่ยถาม
"พี่ใหญ่ชู บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อีกสามเดือนข้างหน้าจะเป็นการคัดเลือกศิษย์หลักของสำนัก…พี่ใหญ่ชูยังทันเข้าร่วมหรือไม่?”
ชูเกอแสยะยิ้มในใจ
ยัยผู้หญิงสารเลวนี่มาสืบข่าวเขาอย่างชัดเจน!
เป้าหมายของเธอก็คือต้องการจะรู้ว่าระดับพลังของเขาเป็นอย่างไร…ยังสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์หลักได้อีกหรือไม่
ดูเหมือนว่า เบื้องหลังหลินเมี่ยวเข่อน่าจะมีคนหนุนหลังอยู่
ว่าเเต่มันเป็นใครกัน?
ทันใดนั้น ชูเกอก็แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดเเล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ตอนนี้ระดับพลังของข้าเหลือแค่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง”
“ร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีกว่าๆถึงจะหายดี…การคัดเลือกศิษย์หลักในอีกสามเดือนข้างหน้า ข้าคงหมดสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว!”
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้าประมาทเอง… ข่าไม่น่าเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบเลย!”
เมื่อหลินเมี่ยวเข่อได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง!
แต่บนใบหน้าของเธอยังคงแสร้งทำเป็นรู้สึกสงสาร
"พี่ใหญ่ชูไม่เป็นไรหรอก ข้าเชื่อว่าท่านต้องฟื้นฟูพลังกลับมาได้แน่ ด้วยพรสวรรค์ของท่าน…การได้เป็นศิษย์หลักเป็นเรื่องของเวลาอยู่แล้ว"
พูดจบหลินเมี่ยวเข่อก็พูดต่อ
"เมี่ยวเข่อยังมีธุระต้องไปทำ, ไม่อยากรบกวนการพักฟื้นของพี่ใหญ่ชู…พี่ใหญ่ชูตั้งใจพักฟื้นเถอะ"
"อืม" ชูเกอพยักหน้า
หลินเมี่ยวเข่อเดินออกจากเรือนพักของชูเกอ
ร่างกายของเธอกระพริบหายไปอย่างรวดเร็ว…เลี้ยวไปตามทางวกวน
จนในที่สุดมาถึงเรือนพักแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเรือนพักของชูเกอ
เธอเคาะประตูอย่างระมัดระวัง เหลียวหลังมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเดินเข้าไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลินเมี่ยวเข่อเข้าไปแล้ว, บนต้นไม้ที่ไม่ไกลออกไปก็ปรากฏร่างของชูเกอขึ้น
เขามองตามร่างของหลินเมี่ยวเข่อที่ค่อยๆเลือนหายไป พลางแสยะยิ้ม
“ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง โอวหยางเซวียน ศิษย์สายในลำดับที่สิบ!”
“ยัยผู้หญิงสารเลวนี่ คงจะคบชู้สู่ชายกับโอวหยางเซวียนมานานแล้ว…ตอนนี้คงจะรีบไปรายงานผลงานสินะ!”
โอวหยางเซวียน…ศิษย์สายในลำดับที่สิบ
เขาอยู่ต่ำกว่าชูเกออยู่สองลำดับ
แม้ว่าชูเกอจะไม่เคยติดต่อกับโอวหยางเซวียน แต่เขาก็พอจะรู้จักชื่อเสียงของอีกฝ่ายอยู่บ้าง
ว่ากันว่าโอวหยางเซวียนเป็นคนไร้ซึ่งความสามารถและพรสวรรค์ แต่กลับเกิดในตระกูลที่มีอำนาจมาก…พลังฝึกฝนในตอนนี้ ล้วนได้มาจากการกินโอสถบำรุงทั้งสิ้น
การที่โอวหยางเซวียนอยากจะเป็นศิษย์หลัก, ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก
เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่หมายปองตำแหน่งลำดับที่สิบของเขา
การที่เขาเล็งเป้าหมายมาที่ชูเกอซึ่งอยู่ลำดับเหนือกว่า ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่ชูเกอเป็นคนที่ยึดมั่นในคติ "ถ้าใครไม่ทำร้ายข้า ข้าก็จะไม่ทำร้ายผู้นั้น…แต่ถ้าใครคิดร้ายต่อข้า ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า!"
โอวหยางเซวียนมองหลินเมี่ยวเข่อที่รูปร่างสะโอดสะอง งดงามราวกับดอกไม้ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"ว่าไง, ไอ้สารเลวชูเกอนั่นคงจะหลุดออกจากสิบลำดับแรกแล้วสินะ…คงไม่มาเป็นภัยคุกคามข้าแล้วล่ะสิ"
"ท่านผู้อาวุโสเก้าบอกว่าระดับพลังของเขาตกลงมาอยู่ที่อาณาจักรทะเลทุกข์ยากขั้นกลางแล้ว”
“หลังจากนั้นข้าก็แอบไปสืบดูด้วยตัวเอง ก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“ตอนนี้ชูเกอไม่เหลืออะไรให้โอวหยางเกอต้องกังวลอีกแล้ว”
พลันนึกถึงตอนที่ชูเกอเคยทำดีกับเธอสารพัด
ในตอนนั้นเพื่อโอวหยางเซวียน เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นมีความสุข
ตอนนี้ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระเสียที
เเต่พอนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้
แต่เมื่อสายตาของเธอมองไปที่โอวหยางเซวียนผู้สง่างาม, ความรู้สึกใจหายนั้นก็มลายหายไป
บุรุษที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก คือชายที่หัวใจของเธอโหยหา
โอวหยางเซวียนหัวเราะเสียงดัง
"เมี่ยวเข่อ, รอให้ข้าได้เป็นศิษย์หลักก่อนเถอะ…ข้าจะพาเจ้ากลับตระกูล"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, หลินเมี่ยวเข่อก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย
………………….