ตอนที่แล้วบทที่​ 1 : มรดกพลังเเห่งชีวิต​
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3​ : วิชา​ดาบ​อัศนี

บทที่​ 2​ : ศัตรู​ในที่มืด


บทที่​ 2​ : ศัตรู​ในที่มืด

เหยียนเฮ่าจ้องมองชูเกอด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตา

เหตุการณ์พลิกผันรวดเร็วจนทุกคนต่างจ้องมองมาที่ภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

ชูเกอชนะแล้ว?

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สำนักเจินหวู่หรือศิษย์สำนักซวนหยุน, ต่างเบิกตากว้าง เเละอ้าปากค้าง

ก่อนหน้านี้ ชูเกอยังนอนราบกับพื้นเหมือนสุนัขตัวหนึ่งอยู่เลย

แต่พริบตาเดียว สถานการณ์กลับพลิกกลับ!

ท่ามกลางฝูงชน มีหญิงสาวชุดแดงผู้หนึ่งมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

ดูเหมือนเธอจะมีทั้งความรู้สึกผิด, ความสำนึกผิด, และความแน่วแน่ปนความโหดเหี้ยมอยู่ในนั้น

เครั้ง!!!!

ดาบในมือของเหยียนเฮ่าหลุดออกจากมือร่วงลงกระทบพื้นดังกึกก้อง

ที่หน้าอกของเขาถูกแทงทะลุ ปรากฏรอยแผลเหวอะหวะที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุดเเละเผยให้เห็นเนื้อหนังที่ปั่นป่วนอยู่ภายใน

เหยียนเฮ่ายกมือขึ้นอย่างสั่นเทา, ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองชูเกอราวกับจะสลักภาพนี้ไว้ในใจ

อย่างไร​ก็ตาม​ชูเกอกลับไม่ได้​เเยเเส

เขาดึงดาบยาวออก, แล้วหันหลังเดินจากไป

ร่างกายของเขาแผ่รังสีสังหารออกมา ราวกับพยามัจจุราช…ทำให้ทุกคนต่างพากันถอยห่าง ไม่มีใครกล้าขวางทางเขา

สายตาที่พวกเขามองชูเกอนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!

หรือว่าเมื่อครู่เขาแกล้งทำเป็นหมูเพื่อกินเสือ?

มิฉะนั้น ทำไมจู่ๆเขาถึงมีพลังรบที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้?

ชูเกอน่ากลัวเกินไปแล้ว

บรรดาศิษย์สำนักซวนหยุนที่เพิ่งเยาะเย้ยชูเกอต่างพากันปิดปากเงียบ, เเละหลบสายตาด้วยความหวาดหวั่น

“ชั่วช้า! ฆ่าศิษย์สำนักเจินหวู่ของข้า…แล้วคิดจะเดินจากไปง่ายๆอย่างนั้นรึ?”

ผู้อาวุโสที่คอยดูแลการประลองจากฝั่งสำนักเจินหวู่กระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ร่างกายของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับเหยี่ยวเเละใช้นิ้วมือทั้งห้าตะปบเข้าหาชูเกอ

ชูเกอไม่ได้หันกลับไป แต่กลับยกยิ้มเย็นที่มุมปาก

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเก้าจากฝั่งสำนักซวนหยุนก็ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าชูเกอเอาไว้

“บังอาจ!”

“ที่นี่คือสำนักซวนหยุน…เจ้าต้องการจะประกาศสงครามกับสำนักซวนหยุนของข้ารึไง!”

ผู้อาวุโสสำนักเจินหวู่หยุดชะงัก, เเละตะคอกกลับด้วยความโกรธ

"มันฆ่าศิษย์ของข้า!"

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนี้, ผู้อาวุโสเก้าก็สะบัดแขนเสื้อเเล้วกล่าวอย่างเย็นชา

“พวกเขาต่อสู้กันอย่างเปิดเผยและยุติธรรม, เป็นตายก็ขึ้นอยู่กับฝีมือโทษผู้อื่นไม่ได้!”

“เหยียนเฮ่าตายก็เพราะมันอ่อนแอ…ไม่ก็เป็นสำนักเจินหวู่ที่อ่อนแอเอง!”

"แก!!"

ผู้อาวุโสสำนักเจินหวู่โกรธจนพูดไม่ออก

“ดี…ดีมาก”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าสำนักเจินหวู่ของข้าโหดร้าย​!

อีกหกเดือนข้างหน้าในการประลองระหว่าง​สำนัก….หวังว่าสำนักซวนหยุนคงไม่พลาดนะ!"

กล่าวจบ ผู้อาวุโสสำนักเจินหวู่ก็พาลูกศิษย์จากไป

เเต่ในบรรดาศิษย์สำนักเจินหวู่ต่างมองชูเกอด้วยแววตาหวาดกลัว

ดาบเล่มนั้นของชูเกอได้ฝังลึกลงในใจของพวกเขา

ทุกครั้งที่นึกถึง…ก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่าง

ดาบเล่มนั้น น่ากลัวเกินไป!

ต่อให้เป็นศิษย์ระดับสูง, ก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานได้

………

ผู้อาวุโสเก้ามองดูสำนักเจินหวู่ออกไปด้วยรอยยิ้มเย็น

สำนักซวนหยุนกับสำนักเจินหวู่เป็นศัตรูกันมานานแล้ว, การตายของศิษย์เพียงคนเดียวย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่

หลังจากนั้น, ​เขาก็หันกลับมามองชูเกอ…แต่กลับไม่ยิ้มแม้แต่น้อย

สีหน้าเคร่งขรึมเเละพูดว่า​

"ตอนนี้ระดับพลังของเจ้าตกลงมาอยู่ที่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยากขั้นกลางแล้วสินะ"

ชูเกอพยักหน้ารับเบาๆ

ผู้อาวุโสเก้าถอนหายใจ เเล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

"เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่, ว่าการที่เจ้าเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบเช่นนี้…มันส่งผลลัพธ์มันร้ายแรงเพียงใด?"

ชูเกอรีบค้นหาความทรงจำในหัวอย่างรวดเร็ว…จากนั้น​ก็เอ่ยตอบ

"พรสวรรค์จะถูกทำลาย ยากที่จะทะลุผ่านอาณาจักร​น้ำพุ​เเห่ง​ชีวิต​ได้อีก"

เพิ่งมารู้เอาตอนนี้เอง, ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเขามันจะส่งผลร้ายแรงถึงเพียงนี้

เท่าที่เขารู้ตอนนี้….วิถีแห่งการฝึกฝนแบ่งออกเป็นสี่อาณาจักร​ได้แก่, ทะเลแห่งความทุกข์​ยาก,​ น้ำพุแห่งชีวิต, สะพานศักดิ์สิทธิ์, และอีกฝากฝั่ง

ในโลกแห่งการฝึกฝนมีคำกล่าวอยู่ว่า

"หากไม่ก้าวเข้าสู่อาณาจักร​น้ำพุ​เเห่ง​ชีวิต…ก็ยังถือว่าเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ"

อาณาจักร​น้ำพุ​เเห่ง​ชีวิต​ คือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการฝืนลิขิตฟ้าดิน

แต่ตอนนี้, ชูเกอมีโอกาสสูงมากที่จะไม่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักร​น้ำพุ​เเห่ง​ชีวิต​ได้อีก

อย่างไรก็ตาม, ชูเกอไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย

สถานการณ์เมื่อครู่ เขาไม่มีทางเลือกอื่น…เขาทำได้เพียงเดิมพันชีวิตด้วยการเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบเท่านั้น!

ผู้อาวุโสเก้าพยักหน้าอีกครั้ง

“อีกสามเดือนข้างหน้าจะเป็นการคัดเลือกศิษย์หลัก, เดิมทีเจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะได้รับเลือก แต่ตอนนี้…”

“เฮ้อ…เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน”

กล่าวจบ ผู้อาวุโสเก้าก็จากไปพร้อมกับทิ้งเสียงถอนหายใจอันแสนหนักอึ้งเอาไว้

"สามเดือนงั้นเหรอ..."

ชูเกอพึมพำ, จากนั้นเขาก็เดินออกจากลานประลองเเละมุ่งหน้าไปยังเรือนพักของตน

หลังจากชูเกอจากไป บรรดาศิษย์สำนักซวนหยุนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์

"ข้าว่าแล้ว ทำไมอยู่ๆชูเกอถึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้…ที่แท้ก็เอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบนี่เอง!"

"หึหึ ระดับพลังของชูเกอตกลงมาอยู่ที่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยากขั้นกลางเท่ากับข้าแล้ว…ฮ่าๆๆ อีกสามเดือนข้างหน้าการคัดเลือกศิษย์,​ หลักเขาคงไม่ได้เข้าร่วมแน่ๆ"

"ไม่ต้องให้บอกก็รู้ ตอนนี้เขามีระดับพลังเท่ากับข้า แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะสู้ข้าไม่ได้แล้วล่ะมั้ง!”

“เมื่อครู่เขาก็แค่เสแสร้งทำเป็นเก่ง เท่านั้นแหละ!”

"ชูเกอหลุดออกจากสิบลำดับ​แรกของศิษย์สายในแล้ว, คนที่น่าจะดีใจที่สุดคงจะเป็นพวกที่อยู่ลำดับ​รองๆลงมา…ไม่แน่ว่าพวกนั้นอาจจะหาเรื่องซ้ำเติมเขาอีกก็ได้!"

ผู้​คนรอบๆต่างสนทนา​กัน​อย่างสนุกสนาน​

เเต่เเน่นอนว่าชูเกอย่อมไม่สนใจ​

เขาเดินมาถึงเรือนพักของตนโดยอาศัยความทรงจำในหัว

ศิษย์สายในสิบลำดับ​แรก จะมีเรือนพักส่วนตัว…นี่คือสิทธิ์ของพวกเขา

ความจริงแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้​ชูเกอจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่พลังชีวิตที่แข็งแกร่งก็ได้รักษาบาดแผลของเขาจนเกือบหายสนิทแล้ว

ตอนนี้, อุปสรรคใหญ่หลวงที่สุดของเขาคือระดับพลังที่ตกลงมาอยู่ที่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง

ศิษย์สายในสิบลำดับ​แรก ล้วนมีระดับพลังอยู่ที่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยากขั้นปลาย…ด้วยระดับพลังในตอนนี้ของเขามันช่างไร้ค่า

อย่าว่าแต่สิบลำดับ​แรกเลย ต่อให้ห้าสิบลำดับ​แรกเขาก็คงไปไม่ถึง

ภายในเรือนพัก ดอกไม้ร่วงโรย ใบไม้ปลิวว่อน

ในฐานะคนที่เพิ่งข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด…ชูเกอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบนี้เอาเสียเลย

แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทางแปลกๆออกไปได้

เขาหลับตาลงเเละรีบดูดซับความทรงจำของร่างเดิม

แม้ว่า​ร่างนี้จะมีจิตวิญญาณใหม่เข้ามาแทนที่…แต่เขาก็ยังคงสืบทอดพลังฝึกฝนของร่างเดิมมาได้

เพียงแต่ที่น่าเสียดายคือเขากลับไม่สามารถสืบทอดวิชายุทธของร่างเดิมมาได้

วิชายุทธที่อยู่ในหัวดันให้ความรู้สึกแปลกประหลาด…ทั้งๆที่ฝึกฝนสำเร็จแล้ว, แต่เขากลับไม่สามารถเข้าใจแก่นแท้ของมันได้

ยามออกท่าทาง จึงมีเพียงรูปร่าง…แต่ไร้ซึ่งพลังทำลาย

"ดูเหมือนว่าข้าจะต้องฝึกฝนวิชายุทธใหม่ตั้งแต่ต้น"  ชูเกอครุ่นคิด

"ว่าเเต่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความโกลาหลนั่นมันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ?”

“ที่นั่นคือที่ไหนกันแน่? แล้วพลังชีวิตหลังประตูนั่นมันคืออะไร?”

ชูเกอครุ่นคิดเท่าไหร่ก็หาคำตอบไม่ได้

สุดท้าย, เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องอยู่ให้ได้

เเต่ทันใดนั้น, ชูเกอนึกถึงน้องสาวที่ชื่อว่า "ชูเหยา" ที่อยู่ในโลกอีกใบ…และ "ข่งเหยียนฉี"

ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธอเป็นอย่างไรบ้าง …หวังว่าในชาตินี้ เขาจะได้พบกับพวกเธออีกครั้ง

ชูเกอกำหมัดแน่น

โลกใบนี้เป็นโลกแห่งฝึกฝน​

ความแข็งแกร่งคือความยิ่งใหญ่

พลังอำนาจคือที่สุด

ที่นี่ไม่มีราชวงศ์ ไม่มีประเทศชาติ…มีแต่สำนักและดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกฝน

เเละในขณะที่ชูเกอกำลังจะกลับห้องเพื่อฝึกฝน

มันก็มีร่างบางระหงในชุดแดงปรากฏตัวขึ้นที่เรือนพักของเขา

หญิงสาวผู้นี้มีอายุราวๆยี่สิบเก้าปี…มีใบหน้าสวยหวาน รูปร่างสะโอดสะอง เเละมีกิริยาท่าทางงดงามชวนมอง

เมื่อเห็นหญิงสาวผู้นี้ ชูเกอก็รู้สึกประหลาดใจ…จึงรีบค้นหาความทรงจำในหัว

ครู่หนึ่ง เขาก็พบคำตอบ

ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึมลงเเล้วเอ่ยถาม

"หลินเมี่ยวเข่อ เจ้ามาที่นี่ทำไม?"

หญิงสาวผู้นี้มีนามว่า "หลินเมี่ยวเข่อ" เป็นหญิงสาวที่ร่างเดิมของเขาหลงรัก

อย่างไรก็ตาม, หลังจากค้นดูความทรงจำแล้ว…ชูเกอกลับพบความผิดปกติบางอย่าง

ระยะหลังมานี้ พฤติกรรมของหลินเมี่ยวเข่อนั้นค่อนข้างลึกลับ

มีหลายครั้งที่ร่างเดิมของเขาไม่สามารถหาตัวเธอเจอ

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังนึกขึ้นได้อีกว่า ก่อนที่เขาจะประลองกับเหยียนเฮ่า หลินเมี่ยวเข่อได้จุดธูปหอมให้เขา โดยบอกว่าธูปหอมชนิดนี้สามารถทำให้จิตใจสงบ สติปัญญาแจ่มใส เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพลังฝึกฝน

เนื่องจากร่างเดิมหลงรักหลินเมี่ยวเข่อมาก จึงไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร…แต่ชูเกอในตอนนี้ ไม่ได้มีความรู้สึกพิศวาสหลินเมี่ยวเข่อแม้แต่น้อย!

หลินเมี่ยวเข่อต้องมีพิรุธอะไรแน่ๆ!

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของชูเกอ…ใบหน้าของหลินเมี่ยวเข่อก็แข็งค้างไปชั่วขณะ

ตามปกติแล้ว ชูเกอไม่น่าจะเย็นชาใส่เธอแบบนี้

หรือว่า...ชูเกอรู้เรื่องที่เธอแอบวางยาพิษเขาแล้ว?

ไม่น่าใช่,​ ด้วยนิสัยของชูเกอ…ถ้าเขารู้เรื่องนี้เข้า​ เขาคงโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว

หลินเมี่ยวเข่อคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน แล้วฝืนยิ้มเอ่ยถาม

"พี่ใหญ่ชู บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อีกสามเดือนข้างหน้าจะเป็นการคัดเลือกศิษย์หลักของสำนัก…พี่ใหญ่ชูยังทันเข้าร่วมหรือไม่?”

ชูเกอแสยะยิ้มในใจ

ยัยผู้หญิงสารเลวนี่มาสืบข่าวเขาอย่างชัดเจน!

เป้าหมายของเธอก็คือต้องการจะรู้ว่าระดับพลังของเขาเป็นอย่างไร…ยังสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์หลักได้อีกหรือไม่

ดูเหมือนว่า เบื้องหลังหลินเมี่ยวเข่อน่าจะมีคนหนุนหลังอยู่

ว่าเเต่มันเป็นใครกัน?

ทันใดนั้น ชูเกอก็แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดเเล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“ตอนนี้ระดับพลังของข้าเหลือแค่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยากขั้นกลาง”

“ร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีกว่าๆถึงจะหายดี…การคัดเลือกศิษย์หลักในอีกสามเดือนข้างหน้า ข้าคงหมดสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว!”

“ทั้งหมดเป็นเพราะข้าประมาทเอง… ข่าไม่น่าเอาพลังฝึกฝนไปแลกกับพลังรบเลย!”

เมื่อหลินเมี่ยวเข่อได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง!

แต่บนใบหน้าของเธอยังคงแสร้งทำเป็นรู้สึกสงสาร

"พี่ใหญ่ชูไม่เป็นไรหรอก ข้าเชื่อว่าท่านต้องฟื้นฟูพลังกลับมาได้แน่ ด้วยพรสวรรค์ของท่าน…การได้เป็นศิษย์หลักเป็นเรื่องของเวลาอยู่แล้ว"

พูดจบหลินเมี่ยวเข่อก็พูดต่อ

"เมี่ยวเข่อยังมีธุระต้องไปทำ, ไม่อยากรบกวนการพักฟื้นของพี่ใหญ่ชู…พี่ใหญ่ชูตั้งใจพักฟื้นเถอะ"

"อืม" ชูเกอพยักหน้า

หลินเมี่ยวเข่อเดินออกจากเรือนพักของชูเกอ

ร่างกายของเธอกระพริบหายไปอย่างรวดเร็ว…เลี้ยวไปตามทางวกวน

จนในที่สุด​มาถึงเรือนพักแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเรือนพักของชูเกอ

เธอเคาะประตูอย่างระมัดระวัง เหลียวหลังมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเดินเข้าไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลินเมี่ยวเข่อเข้าไปแล้ว, บนต้นไม้ที่ไม่ไกลออกไปก็ปรากฏร่างของชูเกอขึ้น

เขามองตามร่างของหลินเมี่ยวเข่อที่ค่อยๆเลือนหายไป พลางแสยะยิ้ม

“ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง โอวหยางเซวียน ศิษย์สายในลำดับ​ที่สิบ!”

“ยัยผู้หญิงสารเลวนี่ คงจะคบชู้สู่ชายกับโอวหยางเซวียนมานานแล้ว…ตอนนี้คงจะรีบไปรายงานผลงานสินะ!”

โอวหยางเซวียน…ศิษย์สายในลำดับ​ที่สิบ

เขาอยู่​ต่ำกว่าชูเกออยู่สองลำดับ​

แม้ว่าชูเกอจะไม่เคยติดต่อกับโอวหยางเซวียน แต่เขาก็พอจะรู้จักชื่อเสียงของอีกฝ่ายอยู่บ้าง

ว่ากันว่าโอวหยางเซวียนเป็นคนไร้ซึ่งความสามารถและพรสวรรค์ แต่กลับเกิดในตระกูลที่มีอำนาจมาก…พลังฝึกฝนในตอนนี้ ล้วนได้มาจากการกินโอสถ​บำรุงทั้งสิ้น

การที่โอวหยางเซวียนอยากจะเป็นศิษย์หลัก, ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก

เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่หมายปองตำแหน่งลำดับ​ที่สิบของเขา

การที่เขาเล็งเป้าหมายมาที่ชูเกอซึ่งอยู่ลำดับ​เหนือกว่า ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

แต่ชูเกอเป็นคนที่ยึดมั่นในคติ "ถ้าใครไม่ทำร้ายข้า ข้าก็จะไม่ทำร้ายผู้นั้น…แต่ถ้าใครคิดร้ายต่อข้า ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า!"

โอวหยางเซวียนมองหลินเมี่ยวเข่อที่รูปร่างสะโอดสะอง งดงามราวกับดอกไม้ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

"ว่าไง, ไอ้สารเลวชูเกอนั่นคงจะหลุดออกจากสิบลำดับ​แรกแล้วสินะ…คงไม่มาเป็นภัยคุกคามข้าแล้วล่ะสิ"

"ท่านผู้อาวุโสเก้าบอกว่าระดับพลังของเขาตกลงมาอยู่ที่อาณาจักร​ทะเลทุกข์ยากขั้นกลางแล้ว”

“หลังจากนั้นข้าก็แอบไปสืบดูด้วยตัวเอง ก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

“ตอนนี้ชูเกอไม่เหลืออะไรให้โอวหยางเกอต้องกังวลอีกแล้ว”

พลันนึกถึงตอนที่ชูเกอเคยทำดีกับเธอสารพัด

ในตอนนั้นเพื่อโอวหยางเซวียน เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นมีความสุข

ตอนนี้ในที่สุดเธอก็เป็นอิสระเสียที

เเต่พอนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้

แต่เมื่อสายตาของเธอมองไปที่โอวหยางเซวียนผู้สง่างาม, ความรู้สึกใจหายนั้นก็มลายหายไป

บุรุษที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก คือชายที่หัวใจของเธอโหยหา

โอวหยางเซวียนหัวเราะเสียงดัง

"เมี่ยวเข่อ, ​รอให้ข้าได้เป็นศิษย์หลักก่อนเถอะ…ข้าจะพาเจ้ากลับตระกูล"

เมื่อได้ยิน​เช่นนี้, หลินเมี่ยวเข่อก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย

………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด