ตอนที่แล้วมีด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผู้คน

ความว่างเปล่า


ตั้งแต่ได้รับคำเชื้อเชิญให้เข้ามาในพื้นที่นี้ บททดสอบของพระเจ้าคืออะไรเธอก็ยังไม่เข้าใจเลยสักนิด อีกทั้งเบาะแสที่มีก็น้อยมากซะจนสืบหาข้อเท็จจริงอะไรไม่ได้

หลังจากแยกทีมกันออกไปสำรวจพื้นที่แต่ละจุดแล้ว พวกเขาก็มองเห็นไพ่เก้าใบที่ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับคนเก้าคนที่เข้ามาในพื้นที่นี้หรือไม่ แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกระจ่างขึ้น อย่างน้อยมีดเล่มหนึ่งก็ทำให้ซ่งชิงเสี่ยวรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

“ตอนที่ถูกพาเข้ามาที่นี่ มันเป็นช่วงที่ฉันเพิ่งจะเลิกงานพอดี แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย...”

ซ่งชิงเสี่ยวไม่ได้พูดถึงเรื่องฆาตกรที่เจอระหว่างทาง ส่วนชายวัยกลางคนเองก็ไม่ได้สงสัยว่าเธอจะโกหก เพราะจากสถานการณ์ของเขากับหญิงสาวในตอนนี้ สิ่งของที่อยู่ในมือของทั้งคู่ตอนที่เข้ามายังบททดสอบของพระเจ้าก็มีความเกี่ยวข้องกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวหรือเมาส์ที่เขาโยนทิ้งไป ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรในสถานที่แบบนี้เลย ชายร่างท้วมก็เลยคิดโดยอัตโนมัติว่า การที่ซ่งชิงเสี่ยวไม่ได้หยิบอะไรเข้ามาในพื้นที่นี้ก็เป็นเรื่องปกติแล้ว แม้ว่าเธอจะเก็บงำไว้ แต่สิ่งของที่ได้มาก็คงไม่น่าจะไม่มีประโยชน์อะไร

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ชายคนนั้นก็ยังคงมองเธอ เธอในตอนนี้ที่ดูกระเซอะกระเซิงไปหมด

หลังจากเข้ามาในพื้นที่ แม้ว่าแผลที่คอของซ่งชิงเสี่ยวจะหายไป แต่ผมและเสื้อผ้าก็ยังคงเปียกฝน ผมที่ยาวเปียกเปื้อนโคลนไปหมด แถมยังเลอะเทอะติดอยู่ที่ใบหน้าจนมอมแมม ผมหน้าม้าหนาที่เปียกน้ำก็ปิดครึ่งหนึ่งของใบหน้าเธอเอาไว้ สีผมที่ดำสนิทตัดกับผิวขาวซีด ยิ่งทำให้ผิวดูซีดเซียวจนมองไม่เห็นแม้แต่เส้นเลือด

เธอคงจะตกใจกับพื้นที่แปลกๆ น่ากลัวแห่งนี้ ในใจก็คงยังสั่นไม่ยอมหยุด ชายวัยกลางคนมองเธอแล้วก็เบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ

ขี้เหร่ชะมัด...

ในทางกลับกัน แม้ว่าหญิงสาวอีกคนจะดูขี้ขลาดและขี้กลัวไปหน่อย แต่ก็ดูดีกว่ายัยนี่มาก

“พวกคุณได้รับคำแนะนำอะไรบ้างไหม”

หมอกหนาจางลงไปมากอย่างน้อยสายตาก็สามารถมองเห็นได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่ไม่พบอันตรายใดๆ ชายวัยกลางคนก็สงบลง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคุณหมอตอนก่อนหน้านี้ แสดงท่าทีเป็นหัวหน้ากลุ่ม แล้วก็ถามหญิงสาวทั้งสอง

ซ่งชิงเสี่ยวไม่ได้พูดอะไร ส่วนหญิงสาวอีกคนก็ดูใสซื่อมาก ชายวัยกลางคนถาม เธอก็ตอบตามจริงตลอด

“มี..มีค่ะ พอพวกเราเข้ามา ฉันก็เห็นภาพๆ หนึ่ง” เธอและซ่งชิงเสี่ยวเห็นไพ่ปรากฏขึ้นในหัวเหมือนกัน

ไพ่ลึกลับ 9 ใบที่มีลวดลายน่าพิศวง แม้ตอนนี้จะยังไม่ทราบว่าไพ่เหล่านี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง แต่ลวดลายประหลาดที่ด้านหลังไพ่ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

"แล้วพวกคุณล่ะ"

เมื่อมาถึงจุดนี้ ซ่งชิงเสี่ยวคาดเดาว่าคำใบ้ทั้งหมดที่เสียงลึกลับมีให้ น่าจะส่งถึงทั้งเก้าคนที่เข้ามาที่นี่หมดแล้ว แล้วก็ อาจเป็นไปได้ด้วย ว่าเงื่อนงำในการออกจากพื้นที่นี้จะอยู่ในคำใบ้เหล่านั้น

เมื่อทุกคนได้รับข้อความเหมือนกัน เธอก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป ดังนั้นเมื่อหญิงสาวถาม เธอก็พยักหน้าเพื่อบอกว่าตัวเองก็ได้รับคำใบ้แบบเดียวกัน ชายวัยกลางคนเปลี่ยนสีหน้าไปพักหนึ่ง เหมือนกับว่าเขาคิดไม่ออกว่าไพ่เหล่านี้มีประโยชน์อย่างไร จึงยอมรับว่าก็ได้รับมันเช่นเดียวกัน

ขณะนี้ หมอกหนาโดยรอบก็จางลงไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่จางหายไปทั้งหมด แสงสว่างและวิสัยทัศน์ก็ดีกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย

"ตอนนี้เราน่าจะควรกลับไปที่เดิม รอเจอกับทุกคนก่อนค่อยว่ากันอีกที"

เมื่อเขาพูดเช่นนั้น หญิงสาวก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ซ่งชิงเสี่ยวเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดเตือนเบาๆ ว่า

"ไม่มีที่ให้เรากลับไปแล้ว"

หลังจากที่เธอพูดเช่นนั้น ชายวัยกลางคนและหญิงสาวก็ดูเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ จึงเงยหน้ามองไปรอบๆ

สถานที่ที่พวกเขายืนอยู่คือที่โล่งแห่งหนึ่ง ในระยะไกลนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ มองเห็นเงาดำอยู่รางๆ เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่กำลังจะเลือกเหยื่อ

พื้นที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วจริงๆ แม้แต่เส้นทางที่พวกเขาจากมาและบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน ชายวัยกลางคนสิ้นหวังขึ้นมาทันที

"เชี่ย ! " เขาพูดคำหยาบออกมา "นี่มันที่บ้าบออะไรกันอีกวะเนี่ย"

หญิงสาวตัวสั่น ขณะที่ซ่งชิงเสี่ยวเองก็หวาดกลัวเช่นกัน เธอล้วงไปที่แขนเสื้ออีกครั้งเพื่อจับมีดสั้น มีดสั้นที่มีใบมีดคมกริบทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อยในบรรยากาศเช่นนี้

เธอข่มความกลัวแล้วมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง พยายามหาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อทำเครื่องหมายไว้ เพื่อไม่ให้หลงทางในสถานที่แห่งนี้ แบบที่นักเดินป่าเขาชอบทำกัน

ในกลุ่มเก้าคนที่เข้ามาในพื้นที่ กลุ่มของซ่งชิงเสี่ยวนับเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด เด็กสาวขี้ขลาดคนนี้อายุยังน้อยเกินไป ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องให้เธอช่วยเหลือคนอื่นหรอก แค่การไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็ถือว่าดีมากแล้ว

ขณะที่ชายวัยกลางคนซึ่งดูมีอายุมากกว่า ตามหลักแล้วประสบการณ์น่าจะมากมาย แต่คนคนนี้ท่าทางก็กลับไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ดูจากพฤติกรรมเมื่อสักครู่ก็รู้ แค่ไม่พอใจเด็กสาวนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เกือบจะถึงขั้นทำร้ายเธอ ทั้งที่เหตุผลเพียงเพราะแค่เด็กสาวกรีดร้องเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้ก็ไม่น่าไว้ใจเช่นกัน

ซ่งชิงเซี่ยวแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนไม่ค่อยกล้าหาญเท่าไหร่นัก แต่เมื่ออยู่สถานที่แบบนี้ซึ่งไม่สามารถไว้ใจคนอื่นได้ เธอจึงต้องพึ่งพาแต่ตัวเองเท่านั้น

"เราหาที่พักก่อนดีไหม แล้วค่อยคุยกันอีกทีว่าจะไปทางไหน" ในขณะที่เด็กสาวและชายวัยกลางคนต่างก็ไร้จุดหมาย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า "ถ้าจะออกจากที่นี่อย่างน้อยก็ต้องรวมตัวกับคนอื่นๆ ก่อน แล้วช่วยกันหาทางออก"

เมื่อถึงตอนนี้ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว ชายวัยกลางคนและเด็กสาวต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของซ่งชิงเสี่ยว

หลังจากตัดสินใจแล้ว ชายวัยกลางคนก็พยายามสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้าในทีมของหญิงสาวทั้งสองอย่างรวดเร็ว เขาโบกมือเรียกพวกเธอ

"สถานที่แห่งนี้เราไม่รู้ว่ามีอันตรายหรือเปล่า ไม่ควรแยกจากกัน เดี๋ยวฉันจะจับมือเธอไว้เอง..." เขาแอ่นอกทำท่าสั่งการ แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ภายนอกที่สกปรกและกระเซอะกระเซิงของซ่งชิงเสี่ยว แววตาของเขาก็แสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน สั่งเด็กสาวว่า

“เธอจับมือยัยนั่นไว้หน่อย”

เขาคงจำชื่อซ่งชิงเสี่ยวไม่ได้แล้ว เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะตัวเองก็ชินกับความรู้สึกที่ถูกมองข้ามมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังแอบรู้สึกลึก ๆ ว่า ในพื้นที่ลึกลับแบบนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าอย่างพวกเขา การเปิดเผยตัวตนมากไปก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย

เด็กสาวถูกชายวัยกลางคนจูงไปอย่างว่าง่าย ขณะที่มืออีกข้างก็จับซ่งชิงเสี่ยวไว้ เธอคงกลัวมาก เมื่อได้จูงมือชายวัยกลางคนและซ่งชิงเสี่ยวแล้ว ถึงแม้ว่ามือของซ่งชิงเสี่ยวจะไม่สะอาด แต่เธอก็ยังคงจับไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

สัมผัสได้ว่าเด็กสาวคนนี้น่าจะมีฐานะดีพอสมควร พ่อแม่ของเธอคงดูแลเธอเป็นอย่างดีมากแน่ ๆ  ฝ่ามือของเธอช่างนุ่มนวลและอ่อนโยน สัมผัสเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน จึงทำให้ฝ่ามือของเธอมีสัมผัสอ่อนนุ่มแบบนี้ได้

"เมาส์ของคุณล่ะ ไม่เอาแล้วเหรอ"

เมื่อทุกคนกำลังจะออกไป ซ่งชิงเสี่ยวก็เหลือบไปเห็นเมาส์ที่ถูกโยนทิ้งอยู่บนพื้น เธอจึงเอ่ยปากถามเบาๆ

ตอนนี้เธอมีของที่ใช้งานได้น้อยมาก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต การมีของติดตัวไว้สักชิ้น แม้จะรู้ดีว่าประโยชน์คงไม่มากนัก แต่ก็ยังทำให้เธอมั่นใจขึ้นได้บ้าง

ถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนจะรังเกียจว่าเมาส์ไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อได้ยินซ่งชิงเสี่ยวพูดคำว่าไม่เอา ในใจก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองไม่มีของติดตัวสักอย่าง จึงตอบไปว่า

"เอาสิ"

ในขณะที่พูด เขาก็โน้มตัวลงไปเก็บเมาส์ทันที

ทั้งสามคนจับมือกันแล้วเลือกทิศทางหนึ่งเพื่อเริ่มเคลื่อนที่ เดินไปได้ประมาณสิบนาทีก็ยังไม่พบผู้คนใด พื้นดินเต็มไปด้วยวัชพืชจำนวนมาก ยิ่งเดินไปในทิศทางใด วัชพืชก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น จนสูงพ้นตาตุ่มของทุกคน

"มีใครอยู่ไหม.......คุณหมอ....จ้าวจิง"

ไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหน เมื่อต้องทนอยู่ในสถานที่ซึ่งทั้งโทรศัพท์และนาฬิกาก็ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น ชายวัยกลางคนก็เริ่มใจร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนยิ่งเข้าใกล้เงาดำขนาดใหญ่ที่ค้นพบก่อนหน้านี้มากเท่าไหร่ ฝ่ามือและหลังของทุกคนก็ยิ่งมีเหงื่อออกมากเท่านั้น

ชายวัยกลางคนเริ่มใจร้อนจนทนไม่ถังวแล้ว เขาหยุดเดินแล้วตะโกนเสียงดัง เสียงของเขาฟังดูค่อนข้างตื่นตระหนก หญิงสาวทั้งสองไม่กล้าส่งเสียง เขาตะโกนเสร็จแล้วก็หยุดไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นนานมากจึงมีเสียงสะท้อนกลับมาเบา ๆ

"มีคนอยู่ไหม มีคนอยู่ไหม ...... จ้าวจิง จ้าวจิง"

"จิง" ตัวสุดท้ายดังติดต่อกันหลายครั้ง เสียงสะท้อนที่น่ากลัวนี้ทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย โดยเฉพาะชายวัยกลางคนยิ่งตัวอ่อนลงจนเกือบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น

ซ่งชิงเสี่ยวเลียริมฝีปากที่แห้งกร้าน งอแขนแล้วรู้สึกได้ถึงมีดที่พกติดตัว หัวใจที่หยุดเต้นไปสองสามจังหวะจึงเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง

หลังจากเสียงสะท้อนนี้ ชายวัยกลางคนก็ไม่กล้าตะโกนเสียงดังอีกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาตะโกนเสียงดังมาก เขาแน่ใจว่าถ้าจ้าวจิง คุณหมอ หรือกลุ่มใดก็ตามในพื้นที่ก่อนหน้านี้ยังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาจะต้องได้ยินเสียงเรียกนี้อย่างแน่นอน แต่เมื่อไม่มีการตอบกลับ แสดงว่าทุกคนอาจจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันแล้ว หรืออาจเป็นไปได้ว่าไม่มีใครสักทีมเลยที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ เคียง อาจจะอยู่ไกลออกไปจากบริเวณนี้มากพอสมควร

แบบนี้ก็ยุ่งยากแล้ว ทุกคนอยู่ห่างกันมาก แสดงว่าถ้าเกิดอันตรายขึ้นมา ก็อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือกันได้

แต่ซ่งชิงเสี่ยวสังเกตอย่างเฉียบแหลมว่าชายวัยกลางคนยิ่งหงุดหงิดและกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศที่เธอเติบโตมา รวมถึงสถานการณ์ที่ที่เธอเกือบจะเสียชีวิตในมือของคนแปลกหน้าในคืนนี้ ทำให้เธอไวต่อวิกฤตต่าง ๆ มาก เธอควรระวังชายคนนี้ไว้สักหน่อย

ตอนนี้ไพ่เก้าใบในหัวของเธอยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เธอไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่

ไม่รู้ว่าเดินไปอีกนานแค่ไหน ในที่สุดชายวัยกลางคนก็อดทนไม่ถังวอีกต่อไป เขาเหยียดขายาวไปเตะพุ่มไม้ข้างหน้าอย่างแรง กำลังจะด่าทอ แต่เมื่อเท้าก้าวลงไปกลับเหยียบเข้าในพื้นที่ว่างพื้นที่หนึ่ง ชายวัยกลางคนตั้งหลักไม่ทัน สุดท้ายไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่ล้มลงไปนอนกับพื้น แต่ยังลากหญิงสาวที่เขาจับมือไว้ และฉุดซ่งชิงเสี่ยวที่จับมือกับเด็กสาวให้กลิ้งลงไปด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด