ตอนที่ 32: พลังของอาวุธวิญญาณ
ตอนที่ 32: พลังของอาวุธวิญญาณ
“อย่างนี้นี่เอง”
หวังฝูมองเฉาเยี่ยนจากระยะไกลพลางกัดฟันและหวังจะวิ่งออกไปแทงนางด้วยดาบ เขายังจำได้ดีถึงตอนที่ถูกข่มขู่โดยงูเพลิงของหญิงสาวผู้เย้ายวนจากสำนักเพลิงคลั่ง งูเพลิงถึงขั้นเข้าสู่ร่างกาย หากอวิ๋นหนิงซวงไม่ช่วยเอาไว้ เกรงว่าเขาคงเกือบตายไปแล้ว
“เฉาเยี่ยนคนนี้น่ารักน่าชัง เหตุใดถึงมีจิตใจชั่วร้ายขนาดนี้”
ขณะหวังฝูพึมพำอยู่นั้น อวิ๋นหนิงซวงได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเฉาเยี่ยนสามจั้ง แต่เฉาเยี่ยนกลับมองตรงโดยไม่มีท่าทีกลัวเกรง ดวงตาลูกท้อหนึ่งคู่เปี่ยมด้วยความมั่นใจราวกับเป็นฝ่ายที่โดนใส่ร้าย
“ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นเอ่ยคำโดยไม่มีหลักฐานเช่นนี้… หากเป็นเพียงการคาดเดา เช่นนั้นเจ้าสำนักกับศิษย์พี่ทั้งหลายคงไม่เห็นด้วยเป็นแน่”
เฉาเยี่ยนเข้าใจว่าทำได้เพียงฉวยโอกาสจากสถานการณ์ในตอนนี้เท่านั้น นางเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าอวิ๋นหนิงซวงไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอ เพราะนอกจากนางกับเจ้าตระกูลเฉาแล้ว คนอื่นที่ทราบเรื่องนี้ต่างเสียชีวิตแล้ว ย่อมไม่มีคนส่งต่อข้อมูลที่ยังมีชีวิตอยู่
อวิ๋นหนิงซวงย่อมไม่สามารถแสดงหลักฐานใดได้
“หลักฐานหรือ? เหอะเหอะ... ข้าต้องหาหลักฐานมาฆ่าเจ้าด้วยหรือ?” อวิ๋นหนิงซวงคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล นางยื่นมือออกไปพร้อมกับแสงสีขาวหยกทะยานออกจากถุงเก็บของมาอยู่ในฝ่ามือ เมื่อมองอย่างละเอียดจึงพบว่ามันคือกระบี่ยาวสีหยก กระบี่ดังกล่าวแผ่พลังที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดออกมา ซึ่งปราณกระบี่คมปลาบอันแข็งแกร่งทำให้ศิษย์รอบข้างถอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“อาวุธวิญญาณ นี่มันอาวุธวิญญาณ”
บางคนอุทานว่าอาวุธวิญญาณทรงพลังกว่าอาวุธวิเศษ หากเทียบกับอาวุธวิเศษ พวกมันไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังมีพลังวิญญาณอีกด้วย มีเพียงผู้อยู่ขอบเขตสร้างรากฐานที่สามารถควบคุมและใช้งานมันได้ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตปราณทองที่ยังไม่ได้หลอมอาวุธวิเศษเป็นของตัวเองก็ยังใช้อาวุธวิญญาณเช่นกัน
เฉาเยี่ยนมองกระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณในมือของอวิ๋นหนิงซวงก่อนจะหัวเราะเยาะตัวเอง “อาวุธวิญญาณ… เหอะเหอะ… ท่านอาจารย์ช่างลำเอียงเหลือเกิน ไม่เพียงแต่ตัดสินใจยกสิทธิ์เส้นปราณปฐพีให้ศิษย์พี่หญิงที่ไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบเท่านั้น มาตอนนี้ศิษย์พี่หญิงที่เพิ่งสร้างรากฐานสำเร็จยังได้อาวุธวิญญาณอีก แล้วข้าเล่า? ข้าเข้าสำนักมาก่อนเจ้าและไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบสามก่อนเจ้า แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสสร้างรากฐานวิถีปฐพี ทำได้เพียงมองดูอย่างสิ้นหวังพร้อมกับยกยาเม็ดสร้างรากฐานให้อย่างจำยอมเท่านั้น… แม้ข้าจะสร้างรากฐานสำเร็จเมื่อครึ่งปีก่อนพร้อมกับส่งข้อความไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไม่ตอบอะไรข้าสักคำ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉาเยี่ยนเริ่มตีโพยตีพายเล็กน้อย
“ทำไมกัน? ทำไมเจ้าถึงเป็นคนที่ได้ผลประโยชน์ทุกอย่าง? ข้าเป็นศิษย์พี่หญิง ข้าคือศิษย์อาวุโสของท่านอาจารย์”
“ตอนนี้ข้าสร้างรากฐานสำเร็จแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าเพียงเพราะอยากทำได้อย่างไร”
เฉาเยี่ยนตะโกนสุดเสียง แล้วดวงจันทร์เต็มดวงทั้งสองจึงลอยขึ้นจากด้านหลังก่อนจะกลายเป็นใบมีดกลมเหมือนกันสองเล่ม ใบมีดกลมทั้งสองสามารถแยกหรือรวมเข้าด้วยกันได้ พวกมันคือชุดอาวุธวิเศษแม่ลูก ตัดสินจากกลิ่นอายแล้ว พวกมันคือสมบัติหายากแม้แต่ในหมู่อาวุธวิเศษขั้นสูงสุด
“เหอะ!”
อวิ๋นหนิงซวงพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็อัญเชิญกระบี่บินเพื่อทำการโจมตีเฉาเยี่ยน
เฉาเยี่ยนไม่ยอมตกเป็นรอง นางกัดฟันขณะใช้จิตเทวะเพื่อควบคุมอาวุธวิเศษใบมีดกลมเพื่อรับการโจมตี
เพียงพริบตา คลื่นความผันผวนอันน่าสะพรึงจึงปลดปล่อยออกมาระหว่างทั้งสอง แล้วจิตเทวะกับพลังวิญญาณอันทรงพลังซึ่งเหนือกว่าขอบเขตกลั่นลมปราณก็อุบัติขึ้น อาวุธวิญญาณกระบี่บินซัดคลื่นปราณกระบี่ออกไปเพื่อกดดันให้ใบมีดกลมทั้งสองถอยทีละขั้น ใบหน้าของเฉาเยี่ยนจนเกือบจะสูญเสียการควบคุม แต่คาดไม่ถึงว่าจะยังมีอาวุธวิเศษอีกสองชิ้นซึ่งเป็นดาบยาวหนึ่งกับหอกยาวหนึ่งถูกใช้งาน แม้จะไม่ได้ดีเท่ากับอาวุธวิเศษใบมีดกลม แต่พวกมันยังนับว่าเป็นอาวุธวิเศษขั้นสูงสุด
มีเพียงการโจมตีด้วยอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดสามชิ้นเท่านั้นจึงจะหาทางต้านทานอาวุธวิญญาณกระบี่บินได้
เหล่าศิษย์ที่กำลังรับชมการต่อสู้ รวมถึงผู้ที่อยู่ขอบเขตสร้างรากฐานต่างประหลาดใจ
“สมแล้วที่เป็นขอบเขตสร้างรากฐาน ช่างทรงพลังเหลือเกิน แม้จะเป็นพลังของอาวุธวิญญาณ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดสามชิ้น โดยเฉพาะใบมีดกลมแม่ลูกซึ่งเทียบเท่ากับอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดสี่ชิ้น ทำให้ยังพอชิงความได้เปรียบเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่ามีพลังไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน”
“หากถามข้า ศิษย์ของผู้อาวุโสขอบเขตปราณทองเหล่านี้ช่างมั่งคั่งเหลือเกิน การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งต่างใช้อาวุธวิเศษขั้นสูงสุดไม่ก็อาวุธวิญญาณ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างพวกเราจะสามารถเทียบเคียงได้…”
“แต่ว่า ถ้าเป็นแบบนี้ มันอาจจะไม่เพียงพอที่ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจะฆ่าเฉาเยี่ยนได้”
“ไม่ต้องห่วง เหตุผลที่อาวุธวิญญาณถูกเรียกด้วยชื่อนั้นก็เพราะมีวิญญาณ… ลองตั้งใจให้ดูแล้วกัน”
ดังที่คาดไว้ อวิ๋นหนิงซวงขยับมือร่ายผนึก แล้วพลังวิญญาณจึงถูกถ่ายทอดเข้าสู่กระบี่วิญญาณอย่างคลุ้มคลั่ง วินาทีต่อมา กระบี่วิญญาณกลายเป็นงูหยกสีขาวยาวสามจั้งขณะลอยล่องอยู่ในอากาศธาตุ มันแผดเสียงคำรามขณะพ่นปราณกระบี่สีทองเจิดจ้า แล้วปราณกระบี่จึงเข้ามาในพริบตาก่อนจะกระแทกเข้าใส่ดาบยาว สิ้นเสียงคลิก ดาบยาวจึงเต็มไปด้วยรอยร้าวทันทีก่อนรูจะปรากฏขึ้นบนตัวดาบก่อนจะตกลงพื้นในสภาพหมองหม่น
จิตเทวะของเฉาเยี่ยนได้รับความเสียหายจนกระอักโลหิตออกมาทันที
แต่ว่า เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้
งูวิญญาณหยกขาวที่เกิดจากการเปลี่ยนสภาพของกระบี่บินเข้าโจมตีอีกครั้ง แล้วอาวุธวิเศษหอกยาวจึงสูญเสียสีสันก่อนจะมีชะตากรรมไม่ต่างกัน
ส่วนอาวุธวิเศษใบมีดกลมแม่ลูกที่เหลือ พวกมันถูกกระแทกจนเกิดรูและสูญเสียพลังภายในสองอึดใจหลังจากโดนการโจมตีสุดกำลังของอาวุธวิญญาณเข้าไป
แม้เฉาเยี่ยนจะหน้าซีด แต่นางไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นางขว้างยันต์เข้าใส่อวิ๋นหนิงซวงอีกหลายใบเพื่อทำการร่นถอยพร้อมกับอัญเชิญอาวุธวิเศษบินได้ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องนภาพร้อมกับเสียงหวีดหวิว
การเคลื่อนไหวลื่นไหลประหนึ่งหมู่เมฆวารี หวังฝูผู้อยู่บนเขาห่างไกลได้แต่ตกตะลึง เพียงแต่เขารู้สึกว่าการใช้ยันต์แบบนี้ออกจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ถึงอย่างไรยันต์ที่ไร้ผู้ควบคุมก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือ
ทว่า อวิ๋นหนิงซวงเพียงยื่นมือออกไปผลัก แล้วฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณจึงขับไล่ยันต์ที่เพิ่งจะระเบิดขึ้นมา นางมองเฉาเยี่ยนผู้กำลังหลบหนีด้วยเรือเวหาก่อนจะยิ้มหยันในใจ
ขณะใช้จิตเทวะจับจ้องไปทิศทางดังกล่าว งูวิญญาณหยกขาวพลันพุ่งออกไปเพื่อไล่ตามเรือเวหาในพริบตา
ทันทีที่งูวิญญาณสะบัดหาง ปราณกระบี่จึงพุ่งออกมาจากทุกทิศทางจนเรือเวหาถูกทำลาย ทำให้เฉาเยี่ยนตกกระแทกพื้นพร้อมกับกระอักโลหิต ชุดสีเหลืองของนางขาดรุ่งริ่งจนเผยให้เห็นผิวพรรณอันเรียบเนียน
น่าเสียดายที่เหล่าศิษย์ไม่มีเวลาได้ชื่นชม พวกเขายังคงตกตะลึงกับอาวุธวิญญาณที่กลายเป็นกระบี่บิน พวกเขาเพียงเห็นอาวุธวิญญาณกระบี่บินลอยอยู่ห่างจากคอของเฉาเยี่ยนสิบฉื่อขณะทอประกายเย็นเยือก
“เห็นแก่ว่าอยู่สำนักเดียวกัน มีอะไรจะสั่งเสียหรือไม่?”
อวิ๋นหนิงซวงเดินเข้ามาขณะมองเฉาเยี่ยนอย่างเย็นชา
“ข้าอยากพบท่านอาจารย์”
“ท่านอาจารย์ไม่อยากพบเจ้า”
“ข้าอยากพบผู้อาวุโสใหญ่”
“ผู้อาวุโสใหญ่ไปเก็บตัว”
“เจ้า...” เฉาเยี่ยนหายใจไม่ทั่วท้องจนกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยคำอีกครั้ง “ข้าคือศิษย์เอกของผู้อาวุโสเฮ่อหงชิวแห่งสำนักขนนกร่วงโรยและเป็นลูกสาวผู้มีสายเลือดตระกูลเฉา ไม่มีใครสามารถฆ่าข้าได้ แม้แต่เจ้าก็เช่นกัน อวิ๋นหนิงซวง”
“ฆ่าเจ้าไม่ได้หรือ? งั้นวันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าดูเอง”
อวิ๋นหนิงซวงยื่นมือขวาออกไปแล้วชี้ไปที่กระบี่ แล้วอาวุธวิญญาณกระบี่บินจึงกวัดแกว่งไปมาพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร
“ช้าก่อน…”
เสียงหนึ่งดังมาจากระยะไกล แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่ก็ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน จากนั้นกระบี่บินเล่มหนึ่งจึงเคลื่อนลงมา แล้วชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีม่วงจึงปรากฏตัวพร้อมกับกระบี่บินดังกล่าว
“คารวะอาจารย์จู้”
“คารวะศิษย์พี่จู้…”
ทุกคนต่างพากันโค้งคำนับเมื่อเห็นผู้มาใหม่
“นี่มัน… อาจารย์จู้จากโถงพิทักษ์กฎ…”
“ว่ากันว่าเขาไปถึงขอบเขตสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์แบบ เหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุขอบเขตปราณทอง”
“พี่ใหญ่แห่งโถงพิทักษ์กฎมาเองแบบนี้ เกรงว่าอาจารย์อาหญิงอวิ๋นคงไม่สามารถฆ่าเฉาเยี่ยนได้แล้ว”
“อาจจะไม่เป็นแบบนั้น อย่าลืมสิว่าอาจารย์อาหญิงอวิ๋นคือศิษย์เอกของผู้อาวุโสเฮ่อ…”