ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 8 เบื้องหลังวังสวรรค์
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 8 เบื้องหลังวังสวรรค์
จี๋อวิ๋นมองดูสีหน้าของกู้ชิงเฟิงและชายชราไป๋อวี่ที่ตกตะลึงจนพูดไม่ออกอีกครั้ง ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
เช่นนี้แหละ ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาก็จะยิ่งคาดเดาความแข็งแกร่งของวังสวรรค์สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ นานวันเข้าก็จะยำเกรงอย่างถึงที่สุด
“เรื่องราวของวังสวรรค์ รอเจ้าเป็นถึงทหารสวรรค์เมื่อใด ค่อยให้เจ้ารับรู้”
“เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะพบว่า แท้จริงแล้วระดับเทพแท้หาได้ยิ่งใหญ่ไม่ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในวังสวรรค์ เวลาที่พวกเขาปิดด่านบำเพ็ญล้วนใช้หน่วยเป็นหมื่นปี”
จี๋อวิ๋นควบคุมเฟยเผิง เอ่ยถ้อยคำอันน่าตกตะลึงออกมาอีกครั้ง
ทำให้กู้ชิงเฟิงและชายชราไป๋อวี่ที่เพิ่งจะรู้สึกหายตกตะลึง กลับจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความตกตะลึงอย่างที่สุดอีกครั้ง
ดังที่ทุกคนทราบ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพแท้ก็มีอายุขัยเพียงหนึ่งหมื่นปีเท่านั้น
ต่อให้มีชีวิตที่สอง ก็แค่สองหมื่นปีเท่านั้น
แต่เมื่อฟังจากคำพูดของเฟยเผิงแล้ว แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในวังสวรรค์ยังปิดด่านบำเพ็ญเป็นหน่วยหมื่นปี
เช่นนี้แล้ว อายุขัยของอีกฝ่ายมิเท่ากับไม่มีที่สิ้นสุดหรือ
ริมฝีปากของกู้ชิงเฟิงสั่นเทา เขาไม่อาจเชื่อได้ “ผู้แข็งแกร่งที่ปิดด่านบำเพ็ญเป็นหน่วยหมื่นปีมีอยู่จริง ๆ หรือ”
“ตามทฤษฎีแล้วมีอยู่จริง เมื่อครั้งกระโน้นเทพแท้กลไกสวรรค์เคยใช้อายุขัยห้าพันปีของตนเป็นเดิมพัน ทำนายทายทักจึงทราบว่าเมื่อหลายล้านปีก่อนเคยมียุคสมัยที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เรียกว่ายุคอมตะ”
“สิ่งมีชีวิตในยุคนั้นมีอายุขัยมากกว่าห้าพันปี ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดล้วนมีชีวิตเป็นอมตะ!”
ชายชราไป๋อวี่ส่งกระแสจิตไปหากู้ชิงเฟิง
“ศิษย์รัก วังสวรรค์แห่งนี้อาจจะเป็นหนึ่งในขุมอำนาจที่สืบทอดมาจากยุคอมตะ!”
ทั้งทัศนคติและมุมมองโลกของกู้ชิงเฟิงล้วนแตกสลายเพราะความตกตะลึง!
ในยุคโบราณแท้จริงแล้วยังมียุคอมตะอยู่
ส่วนวังสวรรค์แห่งนี้กลับมาจากยุคอมตะเช่นนั้นหรือ!?
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงทำให้ห้ามหามณฑลเทพต้องสั่นสะเทือนเป็นแน่!
อย่างไรเสีย ความเป็นอมตะย่อมเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญใฝ่ฝันมาโดยตลอด
หลายล้านปีที่ผ่านมา ยอดอัจฉริยะมากมายต่างดิ้นรนต่อสู้บนเส้นทางนี้
แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
แต่ในตอนนี้ ภายในวังสวรรค์กลับมีหนทางสู่ความเป็นอมตะ!
“โอกาส นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่!”
ชายชราไป๋อวี่ตื่นเต้นอย่างที่สุด “ศิษย์รัก เจ้าช่างโชคดียิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะได้เข้าร่วมกับขุมอำนาจโบราณจากยุคอมตะ!”
“ตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมวังสวรรค์ได้ ต่อให้เป็นเพียงทหารสวรรค์ก็ได้รับประโยชน์มหาศาลแล้ว!”
ไม่แปลกที่ชายชราไป๋อวี่จะเชื่อเช่นนี้ เพราะหลังจากการปูทางมาก่อนหน้านี้ เขาก็เชื่ออย่างสนิทใจแล้ว
ให้พวกเขาเชื่อก่อนว่าวังสวรรค์เป็นขุมอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว จากนั้นจึงค่อย ๆ เปิดเผยเบื้องหลัง ทำให้เกิดความตกตะลึงอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น จุดที่ฉลาดที่สุดของจี๋อวิ๋นคือไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน แต่เป็นการเปิดเผยออกมาทีละเล็กทีละน้อย ส่วนที่เหลือให้ชายชราไป๋อวี่และกู้ชิงเฟิงไปคิดเอาเอง
อย่างไรเสีย มนุษย์ล้วนเชื่อใน ‘ความจริง’ ที่ตนเองจินตนาการขึ้นมา
ส่วนสาเหตุที่จี๋อวิ๋นกล้าทำเช่นนี้โดยไม่กลัวว่าจะถูกเปิดโปง ก็เพราะเขารู้ดีว่าประวัติศาสตร์ของโลกเบื้องล่างนั้นไม่สมบูรณ์
ตอนที่เขายังเป็นบุตรของราชาอสูร เขาเคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์
ในอดีตโลกเบื้องล่างและโลกเบื้องบนนั้นเชื่อมต่อกัน แต่หลังจากนั้นขุมอำนาจต่าง ๆ ในโลกเบื้องบน ทั้งโลกอสูร โลกเซียน โลกมาร ต่างก็ทำสงครามแย่งชิงกัน
ทำให้เส้นทางเชื่อมต่อถูกทำลาย
เมื่อปราศจากอายุขัยจากโลกเบื้องบน อายุขัยของสิ่งมีชีวิตในโลกเบื้องล่างจึงลดลงเรื่อย ๆ
จนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีอายุขัยเพียงหมื่นปีเท่านั้น ประวัติศาสตร์ในอดีตจึงเลือนหายไป
จี๋อวิ๋นรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาจึงกล้าพูดเช่นนี้
“เอาล่ะ เรื่องนี้ยังอีกไกลเกินไปสำหรับเจ้า ตอนนี้ทำเรื่องสำคัญก่อน นำทางไป”
จากนั้นจี๋อวิ๋นก็ควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงกล่าว
กู้ชิงเฟิงรีบระงับความตกตะลึงและตื่นเต้นในใจ ก่อนจะเริ่มนำทางอย่างจริงจัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
เพราะเขาตัดสินใจในใจแล้วว่าจะต้องเกาะต้นขาแห่งวังสวรรค์แห่งนี้ให้มั่น
เรื่องแก้แค้นช่างมันเถิด ข้าจะต้องเป็นอมตะ!
……………
อีกด้านหนึ่ง
ภายในสำนักวิญญาณชาดเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าหวาดกลัว
เพราะผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักวิญญาณชาด ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งปราชญ์ที่เป็นรองเพียงประมุขสำนักฉือซงจื่อกลับสิ้นชีพ!
ในตอนนี้ ภายในโถงใหญ่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน
ฉือซงจื่อพยายามระงับความโกรธ ก่อนจะมองไปยังผู้อาวุโสผมสีขาวที่อยู่เบื้องล่าง เอ่ยถามว่า “สืบหาที่มาของวังสวรรค์แห่งนี้ได้หรือยัง”
ตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่ฉือเหยียนสิ้นใจ เขาได้ส่งข้อความกลับมาสองคำผ่านศิลาประทับวิญญาณ
สองคำนั้นก็คือ วังสวรรค์
แน่นอนว่าสำนักวิญญาณชาดรู้ดีว่าการตายของผู้อาวุโสใหญ่ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับวังสวรรค์แห่งนี้
ผู้อาวุโสผมขาวส่ายหน้า “ข้าตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดแล้ว ไม่พบขุมอำนาจที่ชื่อว่าวังสวรรค์ ราวกับเพิ่งปรากฏขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น”
“ไม่ว่าจะเพิ่งปรากฏขึ้นหรือไม่ พวกมันกล้าท้าทายสำนักวิญญาณชาดของเรา สังหารผู้อาวุโสใหญ่ พวกเราจะไม่ปล่อยวังสวรรค์แห่งนี้ไปอย่างแน่นอน!”
ผู้อาวุโสที่สนับสนุนการทำสงครามเอ่ยขึ้น
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างเห็นด้วย
สำนักวิญญาณชาดของพวกเขาครอบครองดินแดนแถบนี้มานาน ใครบ้างที่กล้าท้าทาย!
วังสวรรค์นี้ พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แสดงว่าไม่ใช่ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอันใด
คงจะฉวยโอกาสตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่เผลอจึงสามารถสังหารได้!
ฉือซงจื่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กำลังจะเอ่ยปาก
ทันใดนั้น รัศมีกดดันอันน่าสะพรึงกลัวราวกับขุมนรกก็พลันปรากฏขึ้น ปกคลุมทั่วทั้งสำนักวิญญาณชาด!
ภายใต้รัศมีกดดันนี้ เหล่าศิษย์และคนรับใช้ของสำนักวิญญาณชาดต่างสั่นสะท้าน ไม่อาจต้านทาน ต่างต้องคุกเข่าลง
“รัศมี… รัศมีปราชญ์!”
ผู้คนของสำนักวิญญาณชาดมีสีหน้าซีดเผือด เอ่ยด้วยความหวาดกลัว
ตู้ม!
ในตอนนั้น รัศมีปราชญ์อีกสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากโถงใหญ่ของสำนักวิญญาณชาด ปะทะเข้ากับรัศมีปราชญ์สายแรก
ชั่วขณะถัดมา แสงสว่างวาบ ร่างเงากว่าสิบร่างก็พุ่งออกมาจากโถงใหญ่ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ผู้นำก็คือ ฉือซงจื่อ
ในเวลานี้ เขามองดูร่างชุดเกราะสีเงินที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าใต้เท้ามาที่นี่มีธุระอันใดหรือ”
“สำนักวิญญาณชาดกล้าท้าทายอำนาจของวังสวรรค์ถึงสองครั้งสองครา ข้าจึงมาเพื่อกำจัดสำนักวิญญาณชาดเป็นการสั่งสอน!”
ร่างชุดเกราะสีเงินกล่าวอย่างเย็นชา
“วังสวรรค์? เจ้าเป็นคนฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ของข้า!”
ดวงตาของฉือซงจื่อพลันเย็นยะเยือก “เพียงแค่เจ้าคนเดียว ก็อยากจะทำลายสำนักวิญญาณชาดของข้าหรือ เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ระดับปราชญ์ คิดจะปีนเกลียวหรือกระไร”
“ในเมื่อเจ้ามาถึงสำนักวิญญาณชาดแล้วก็อย่าได้จากไป ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน จากนั้นจึงค่อยทำลายวังสวรรค์ของเจ้า!”
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นถิ่นของสำนักวิญญาณชาด ฉือซงจื่อจึงมั่นใจเช่นนี้
ทว่าในชั่วพริบตาถัดมา ความมั่นใจบนใบหน้าของเขาก็พลันหายวับไป
เห็นเพียงเบื้องหลังร่างชุดเกราะสีเงินปรากฏร่างเงาเดินตามออกมาอีกเก้าร่าง
ทุกร่างต่างสวมชุดเกราะสีเงิน ถือหอกเงิน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาล้วนแผ่รัศมีปราชญ์อันยิ่งใหญ่ สั่นสะเทือนฟ้าดิน!
สิบคน มีระดับปราชญ์ถึงสิบคน!