ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 7 บุกสำนักวิญญาณชาด
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 7 บุกสำนักวิญญาณชาด
ฉึก!
แสงเจิดจ้าพุ่งทะยาน หอกเงินแผ่รัศมีกดดันอันเกรียงไกร ทำให้ดวงตะวัน จันทราและดวงดาราสั่นไหว แสงสว่างแผ่กระจายไปทั่วท้องนภา
ราวกับทางช้างเผือกตกลงมาจากสรวงสวรรค์ ไร้ขอบเขต ไร้ที่สิ้นสุด พลิกฟ้าดิน สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกสารทิศ
ผู้อาวุโสใหญ่ฉือเหยียนสัมผัสได้ถึงรัศมีกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเป็นคนแรก เขาตกตะลึง จากนั้นจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาโดยไม่ลังเล
เห็นเพียงเขาหยิบโล่ขนาดใหญ่ออกมา เป็นอาวุธของเขา อาวุธกึ่งปราชญ์
เมื่อเขาผสานพลังเวท โล่ก็เปล่งประกายเจิดจ้า อักขระอักษรบนโล่ส่องแสงระยิบระยับ กางกั้นอยู่เบื้องหน้าเขา
ตึง!
ทั้งสองปะทะกันในชั่วพริบตา เสียงโลหะกระทบกันดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ราวกับเสียงคร่ำครวญของวิญญาณ
เคร้ง!
โล่ของผู้อาวุโสใหญ่ฉือเหยียนปรากฏรอยร้าว
ทว่าสุดท้ายก็สามารถต้านทานการโจมตีของอาวุธปราชญ์นี้ไว้ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า แม้จะมีอาวุธปราชญ์แล้วกระไร น่าเสียดาย หากไร้ตบะระดับปราชญ์ย่อมมิอาจแสดงพลังที่แท้จริงของอาวุธปราชญ์นี้ได้ ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่ฉือเหยียนดีใจอย่างที่สุด อาวุธปราชญ์นั้นเขาใฝ่ฝันอยากได้มันมาครอบครอง
หากเขาได้รับ กำลังรบของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี!
ทว่าในขณะที่เขากำลังจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงาม มือข้างหนึ่งก็จับหอกเงินเล่มนั้นไว้
ในชั่วพริบตา กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ราวกับดวงตะวันก็แผ่ออกมา ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าในทันที
สัมผัสได้ถึงรัศมีกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ฉือเหยียนก็เผยความหวาดกลัวออกมา “ปะ ปราชญ์!”
เขาหันหลังกลับและเตรียมที่จะหลบหนีโดยไม่ลังเล ปราชญ์หนึ่งคน บวกกับอาวุธปราชญ์อีกหนึ่งชิ้น เขาไม่อาจต่อกรได้
ฉึก!
ทว่าก่อนที่ผู้อาวุโสใหญ่ฉือเหยียนจะทันได้ขยับตัว หอกเงินเล่มนั้นก็พุ่งทะลุหว่างคิ้วของเขา
แม้แต่อาวุธกึ่งปราชญ์ของเขาก็ยังแทงทะลุ
เลือดสีแดงสดไหลทะลักย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน
“ผู้ใดล่วงเกินวังสวรรค์ต้องตาย!”
น้ำเสียงเย็นเยียบดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
เบื้องล่างท้องฟ้า กู้ชิงเฟิงมองดูภาพเบื้องหน้าด้วยความหวาดหวั่น กึ่งปราชญ์หนึ่งคนถูกตรึงไว้กลางเวหา ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
“ทหารสวรรค์ระดับปราชญ์ ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง!”
ขณะเดียวกัน ชายชราไป๋อวี่ก็ปัดเป่าความสงสัยสุดท้ายในใจ
ทหารสวรรค์แห่งวังสวรรค์ผู้นี้มีตบะระดับปราชญ์จริง ๆ!
บนท้องฟ้า จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดทหารสวรรค์ผู้นี้คำนับหุ่นเชิดเฟยเผิง “แม่ทัพ เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว”
“อืม ไปเถิด”
เฟยเผิงโบกมือ
หุ่นเชิดทหารสวรรค์ผู้นั้นจึงกลับไปยังยอดเขาดังเดิม นั่งขัดสมาธิหลับตาลง กลับสู่ท่าทางสงบนิ่งดังเดิม
กู้ชิงเฟิงมองไปรอบ ๆ เห็นเพียงร่างชุดเกราะสีเงินนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาทั้งสิบลูกโดยรอบ
หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง ที่นี่มีตัวตนระดับปราชญ์ถึงสิบคน!
กู้ชิงเฟิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เขาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ขุมอำนาจวังสวรรค์แห่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก
หากเขารู้ว่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ทั้งหมดนี้ ล้วนถูกควบคุมโดยจี๋อวิ๋นเพียงคนเดียว เขาคงต้องตกใจจนสลบไปในทันที
บนบันได เฟยเผิงกล่าวอย่างเย็นชา “สำนักวิญญาณชาดกระจอกงอกง่อย กล้าดีอย่างไรถึงมาแสดงอำนาจเช่นนี้”
จากนั้น เขาก็มองไปยังกู้ชิงเฟิง เอ่ยถามว่า “เจ้ารู้ที่ตั้งของสำนักวิญญาณชาดหรือไม่”
อีกฝ่ายพยักหน้าทันที “รู้ขอรับ สำนักวิญญาณชาดเป็นขุมอำนาจใหญ่ที่เพิ่งก่อตั้ง มีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นขุมอำนาจระดับสาม ว่ากันว่าประมุขคนปัจจุบันมีกายาวิญญาณอัคคีโชติแต่กำเนิด”
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวลือว่าศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักวิญญาณชาดมีอัจฉริยะผู้หนึ่งมีกายาเทพสุริยัน”
กายาวิญญาณอัคคีโชติแต่กำเนิดหรือ
จิตใจของจี๋อวิ๋นสั่นไหว พรสวรรค์ร่างกายประเภทนี้มีต้นกำเนิดมาจากกายาวิญญาณอัคคีเช่นเดียวกับหลินเฉียนเหอ
ส่วนกายาเทพสุริยัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมต้องเหนือกว่าพรสวรรค์ร่างกายสองประเภทนี้มาก
เหนือกว่ากายาวิญญาณคือกายาเทพ
ความสำเร็จของกายาเทพ ย่อมเหนือกว่ากายาวิญญาณมากโข
กายาเทพระดับสมบูรณ์แข็งแกร่งเทียบเท่ามหาปราชญ์!
มหาปราชญ์หนึ่งคนเพียงพอที่จะก่อตั้งขุมอำนาจระดับสามได้
สำนักวิญญาณชาดที่มีผู้ครอบครองกายาเทพสุริยัน ย่อมมีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นขุมอำนาจระดับสามในอนาคต
ทว่าสำหรับจี๋อวิ๋นแล้ว กายาเทพประเภทนี้เป็นเพียงวัสดุชั้นดีสำหรับสร้างหุ่นเชิด!
“สำนักวิญญาณชาด ในเมื่อมีแค้น ย่อมไม่อาจเก็บไว้ได้”
จี๋อวิ๋นไม่คิดจะเลี้ยงดูศัตรู
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวกายาเทพ แต่หากปล่อยให้มันเติบโตขึ้นในอนาคต คงจะสร้างความรำคาญให้กับเขาไม่น้อย
ดังนั้น สังหารให้สิ้นซากเสียตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ
จากนั้นจี๋อวิ๋นจึงควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง เอ่ยกับกู้ชิงเฟิง “เช่นนั้น เจ้าจงนำทางไปเถิด”
“ถึงยามลมเปลี่ยนทิศ สำนักวิญญาณชาดก็ถึงคราวล่มสลาย!”
กู้ชิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกตะลึง
ขุมอำนาจระดับห้ากลับถูกสั่งให้ล่มสลายด้วยประโยคเดียว
แต่เขาไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อย ตัวตนระดับปราชญ์สิบคนรวมกับราชันปราชญ์เบื้องหน้าผู้นี้
อย่าว่าแต่ทำลายสำนักวิญญาณชาดเพียงแห่งเดียว แม้แต่สิบแห่งก็ยังเหลือเฟือ!
“ทหารสวรรค์อยู่ที่ใด!”
ทันใดนั้น เฟยเผิงก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!!
ในชั่วพริบตานั้น ร่างชุดเกราะสีเงินที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาทั้งสิบลูกก็ลืมตาขึ้น
ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายเจิดจ้า พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงกระทบกับอากาศราวกับเสียงโลหะกระทบกัน
ในชั่วพริบตาถัดมา ทหารสวรรค์ชุดเกราะสีเงินทั้งสิบคนก็เหยียบย่างอากาศมาหยุดอยู่เบื้องหน้า
“ผู้ใต้บังคับบัญชา อยู่ที่นี่แล้วขอรับ!”
น้ำเสียงดังกึกก้องทรงพลัง บวกกับจิตวิญญาณแห่งนักรบ ในสายตาของกู้ชิงเฟิง พวกเขาหาใช่ทหารเพียงสิบนาย แต่เป็นกองทัพมหึมา!
“ตามข้ามาออกรบ!”
สิ้นคำกล่าว กู้ชิงเฟิงก็รู้สึกเพียงแสงวาบขึ้นต่อหน้าต่อตา
เมื่อเขารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่บนท้องฟ้าเสียแล้ว
ลมวายุพัดกระหน่ำ พวกเขาอยู่ห่างจากพื้นดินหลายหมื่นลี้
แต่กู้ชิงเฟิงไม่ได้ตื่นตระหนก กลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่า
เหาะเหินเดินอากาศ นี่เป็นความปรารถนาของเขามาโดยตลอด
แม้ว่าชายชราไป๋อวี่จะสามารถพาเขาเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ไม่อาจบินได้สูงขนาดนี้ และไม่อาจบินได้นานขนาดนี้
ทันใดนั้นกู้ชิงเฟิงก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาจึงเอ่ยถามเฟยเผิงที่อยู่ข้าง ๆ “ท่านผู้อาวุโส การที่พวกเราพาผู้แข็งแกร่งออกมาจากวังสวรรค์ทั้งหมดเช่นนี้ จะทำให้วังสวรรค์ว่างเปล่าหรือไม่”
เขามองไปรอบ ๆ ดูเหมือนว่าในวังสวรรค์แห่งนี้ นอกจากเฟยเผิงและทหารสวรรค์ทั้งสิบคนแล้ว ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งคนอื่นอีก
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง เหลือบมองอีกฝ่าย “วังสวรรค์ว่างเปล่าเช่นนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ ข้าไม่เพียงแต่เป็นแม่ทัพสวรรค์ แต่ยังเป็นเทพพิทักษ์ประตูสวรรค์แห่งทิศทักษิณ เจ้าคิดว่าการจากไปของข้า จะส่งผลกระทบอันใด?”
“บอกเช่นนี้เถิด ไม่ว่าจะเป็นราชันปราชญ์หรือมหาปราชญ์ แม้แต่กึ่งเทพหรือเทพแท้ หากกล้าบุกรุกวังสวรรค์ มีแต่ต้องพบจุดจบ!”
สิ้นคำพูด ไม่ใช่แค่กู้ชิงเฟิง แม้แต่ชายชราไป๋อวี่ยังตกตะลึง
ราชันปราชญ์และมหาปราชญ์ชายชราไป๋อวี่ยังพอรับได้ แต่กึ่งเทพและเทพแท้ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในห้ามหามณฑลเทพ เป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเส้นทางการบำเพ็ญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพแท้ สามารถพลิกฟ้าดิน ปิดบังท้องฟ้าด้วยมือข้างเดียว!
ผู้ที่มีตัวตนในระดับนี้ สามารถกล่าวได้ว่าไร้ผู้ต้านในยุคสมัยนี้ เป็นใหญ่ที่สุดในยุคนั้น!
ต่อสู้ไปทั่วทุกสารทิศ ไร้ผู้ต่อต้าน พลังอำนาจสะเทือนฟ้าดิน ส่องประกายเจิดจรัส!
แต่ผู้ที่มีตัวตนอันไร้เทียมทานเช่นนี้ หากกล้าบุกรุกวังสวรรค์ ก็มีแต่ต้องพบจุดจบ!
