ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 5 ไยต้องหลบซ่อน
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 5 ไยต้องหลบซ่อน
ปราณม่วงแผ่ซ่านตะวันทอแสงอรุณ
เบื้องล่างภูเขา เด็กหนุ่มผู้หนึ่งค่อย ๆ เดินมาจากที่ไกล
เขาสวมชุดคลุมสีเขียว ดูสง่างามยิ่งนัก ก้าวหนึ่งเหยียดร้อยจั้ง เห็นได้ชัดว่ามิใช่ปุถุชน
ในเวลานี้ เด็กหนุ่มรูปงามผู้นี้แม้จะมาเพียงลำพัง แต่กลับดูราวกับกำลังสนทนากับใครบางคน
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอาจารย์ ข้าจำเป็นต้องเข้าสำนักเร้นสวรรค์แห่งนี้จริง ๆ หรือ”
“ตามที่ทราบ สำนักเร้นสวรรค์แห่งนี้ล่มสลายไปนานแล้ว หลังจากที่ประมุขนิกายรุ่นก่อนสิ้นใจ ตอนนี้ก็เหลือศิษย์เพียงสองคน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าสำนักวิญญาณชาดจะจับจ้องสำนักเร้นสวรรค์จนตาเป็นมัน คาดว่าอีกไม่นานสำนักเร้นสวรรค์ก็คงจะล่มสลาย”
ทันทีที่เขาเอ่ยคำพูดจบก็มีเสียงแหบแห้งดังขึ้นข้างหูของเด็กหนุ่มรูปงาม
“เช่นนี้ยิ่งดี”
“สำนักที่กำลังล่มสลายยิ่งเหมาะสมกับเจ้าในตอนนี้ การเข้าไปอยู่ที่นั่นย่อมสามารถขจัดความกังวลและความสนใจจากลุงใหญ่ของเจ้าได้”
“เจ้ามีดวงวิญญาณระดับปราชญ์เช่นข้าคงไม่ต้องการมรดกตกทอดจากสำนักใด”
“สิ่งที่เจ้าขาดแคลนในตอนนี้ก็คือสภาพแวดล้อมในการเติบโต สำนักเร้นสวรรค์แห่งนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว”
เมื่อเด็กหนุ่มรูปงามได้ยินดังนั้น เขาก็พยักหน้าเบา ๆ “ท่านอาจารย์คิดรอบคอบกว่าข้ายิ่งนัก”
หลังจากนั้นเขาก็กำหมัดแน่น ใบหน้าเผยความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน “กู้อี้! กู้หาน!”
เด็กหนุ่มรูปงามผู้นี้มีนามว่า กู้ชิงเฟิง
สองคนที่เขาเอ่ยถึง คนหนึ่งคือลูกพี่ลูกน้องของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งคือลุงใหญ่ของเขา
แต่กลับเป็นคนที่เขาเกลียดชังมากที่สุด
พวกมันออกอุบายทำให้บิดาของเขาประสบอุบัติเหตุจนสิ้นใจ จากนั้นจึงฉวยโอกาสขึ้นเป็นผู้นำตระกูล
ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันยังชิงเลือดมรรคาแต่กำเนิดของเขาไป ทำลายรากฐานพรสวรรค์ของเขาทั้งหมด
แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่กู้ชิงเฟิงในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ค่า
อดีตอัจฉริยะ ไม่เพียงแต่ครอบครัวจะล่มสลาย แต่ยังกลายเป็นคนไร้ค่า
ความตกต่ำเช่นนี้คงพอจะนึกภาพออก
แต่กู้ชิงเฟิงก็ผ่านพ้นมาได้ แถมยังได้พบกับโชคชะตา นั่นก็คือ ดวงวิญญาณระดับปราชญ์ที่สิงสถิตอยู่ในจี้หยกที่เอวของเขา
นั่นก็คือท่านอาจารย์ของเขาในตอนนี้ ไป๋อวี่
เมื่อไป๋อวี่ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของกู้ชิงเฟิงก็กล่าวว่า “แม้ว่ารากฐานของเจ้าจะถูกทำลาย แต่เจ้าก็ยังไม่ตาย นี่คือการเอาความตายมาเป็นแรงผลักดัน”
“ยิ่งไปกว่านั้น เลือดมรรคาในร่างกายของเจ้าก็ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม บวกกับการช่วยเหลือจากข้า ในอนาคตเจ้าจะต้องบรรลุเป็นปราชญ์อย่างแน่นอน”
“เมื่อถึงเวลานั้น การล้างแค้นก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”
เมื่อกู้ชิงเฟิงได้ยินดังนั้นเขาก็คลายหมัดออก “สิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวล้วนถูกต้อง ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้ความเกลียดชังมาบดบังจิตใจ”
“อืม รู้เช่นนี้ก็ดีแล้ว”
หลังจากนั้นกู้ชิงเฟิงและไป๋อวี่ก็สนทนากันไปพลาง เดินทางมาถึงหน้าประตูภูเขา
เขามองเห็นศิลาจารึกที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น
“วังสวรรค์? แปลกยิ่งนัก ที่นี่ไม่ใช่สำนักเร้นสวรรค์หรือ”
กู้ชิงเฟิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากจึงก้าวเท้าเข้าไปในประตูภูเขาทันที
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างพุ่งออกมาจากจี้หยกที่เอวของเขา
แสงสว่างนั้นเลือนรางมองดูเป็นชายชราชุดขาว
จ้องมองไปยังสำนักบนภูเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับค้นพบอะไรบางอย่าง
“ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นหรือ” กู้ชิงเฟิงอดถามขึ้นไม่ได้
“ศิษย์รัก ที่นี่… ไม่ได้ทรุดโทรมอย่างที่ล่ำลือกันภายนอก แต่… ไม่อาจหยั่งถึง!”
ชายชราไป๋อวี่ชุดขาวกล่าวอย่างหนักแน่น
อะไรนะ?
สีหน้าของกู้ชิงเฟิงพลันเปลี่ยนไป “เช่นนั้นพวกเรารีบหนีกันเถิด”
“สายเกินไปแล้ว คาดว่าผู้ที่อยู่ภายในคงจะรู้ตัวแล้ว การจากไปตอนนี้ถือว่าเป็นการเสียมารยาท”
“เอาเถิด ในเมื่อที่นี่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ล่ำลือกัน กู้ชิงเฟิง เจ้าก็เข้าไปเถิด บางทีอาจจะเป็นโอกาสของเจ้าก็เป็นได้”
หลังจากกล่าวจบ ร่างเงาของชายชราชุดขาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เก็บซ่อนตัวอย่างสมบูรณ์
เมื่อเห็นดังนั้น กู้ชิงเฟิงก็มองไปยังอาคารที่เลือนรางบนภูเขา
สุดท้ายเขาก็กัดฟันก้าวเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ชีวิตย่อมต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อไขว่คว้าโอกาส ณ เวลานี้ เพื่อเพิ่มพลังอำนาจ เขาย่อมไม่กลัวสิ่งใดอีกแล้ว
……………
“น่าสนใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่เหมือนตัวเอกในนิยายมาที่นี่”
ภายในโถงใหญ่ จี๋อวิ๋นสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่เชิงเขาได้อย่างชัดเจนผ่านหุ่นเชิดทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์
รวมไปถึงร่างวิญญาณเลือนรางตนนั้นด้วย
คนที่น่าสงสารเช่นนี้ แล้วยังมีอาจารย์ปู่เฒ่าคอยช่วยเหลืออีก จี๋อวิ๋นเคยเห็นมาแล้วนับไม่ถ้วนในนิยายที่เขาอ่านในชาติก่อน
เมื่อได้เห็นกับตาก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง
“แต่ข้าไม่ใช่ระบบที่ต้องแย่งชิงโชคชะตาจากบุตรแห่งสวรรค์ คนแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า”
คงจะมีแต่ระบบที่ต้องการโชคชะตาเท่านั้น ที่จะดีใจจนตัวสั่นเมื่อได้เห็นบุตรแห่งสวรรค์ที่เป็นตัวเอกในนิยาย
สำหรับจี๋อวิ๋นแล้ว ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“ไม่ถูกต้อง”
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ จี๋อวิ๋นก็คิดอะไรบางอย่างออก
“ในเมื่อเป็นถึงบุตรแห่งโชคชะตา ย่อมต้องมีโชคลาภมหาศาล สามารถได้รับโอกาสต่าง ๆ มากมาย!”
ที่เรียกว่าบุตรแห่งโชคชะตา ก็คือคนที่เพียงนั่งอยู่เฉย ๆ โอกาสก็มาถึง
หากจี๋อวิ๋นยอมรับบุตรแห่งสวรรค์ผู้นี้ ในอนาคตเมื่อโอกาสมาถึง เขาก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วย
นั่นก็เท่ากับว่าเขาจะได้รับแต้มต้นกำเนิดมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่สามารถรับได้เรื่อย ๆ
“ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่บุตรแห่งสวรรค์ แต่ยังมีบุตรแห่งโชคชะตา บุตรแห่งยุค ชะตากรรมมังกรแท้ และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนสามารถรวบรวมไว้ให้หมด ยึดครองไว้ในกำมือ”
ยิ่งคิด จี๋อวิ๋นก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
เขาราวกับว่าเห็นเส้นทางสู่ความร่ำรวย
ไม่ต้องดิ้นรน แค่นอนเฉย ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น จี๋อวิ๋นก็ตัดสินใจ
……………
อีกด้านหนึ่ง
กู้ชิงเฟิงเดินทางมาถึงยอดเขา เบื้องหน้าพลันสว่างไสว ปรากฏบันไดขึ้นมา บันไดนี้มีหลายสิบขั้น ดูทรุดโทรม เห็นได้ชัดว่ามีอายุยาวนาน
และในขณะนั้นเอง กู้ชิงเฟิงก็สังเกตเห็นว่าบนยอดบันไดมีร่างสูงใหญ่ยืนอยู่
ร่างนั้นสวมเกราะสีเงิน สวมหมวกเกราะเงิน มือถือกระบี่เทพ เบื้องหลังมีผ้าคลุมสีขาวโบกสะบัดตามสายลม
แม้ว่าจะไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาแม้แต่น้อย แต่การยืนอยู่ตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนคมกระบี่ที่ไม่มีวันหัก
“นี่… หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ของสำนักเร้นสวรรค์”
กู้ชิงเฟิงรู้สึกตกใจ ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนสีหน้า ก้มคารวะอย่างนอบน้อม “ข้า กู้ชิงเฟิง จากตระกูลกู้ เส้นทางแห่งซู่หนาน ขอร่ำเรียนผู้อาวุโส!”
“การมาเยือนของข้าในครั้งนี้ ต้องการเข้าร่วมสำนักเร้นสวรรค์ หวังว่าผู้อาวุโสจะเมตตา!”
เมื่อเขากล่าวจบ ชายหนุ่มชุดเกราะก็กวาดสายตามามองอย่างเชื่องช้า
ชิ้ง!
ทันใดนั้น กู้ชิงเฟิงก็รู้สึกราวกับว่ากระบี่ใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเขากำลังสั่นสะเทือน ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา
“สำนักเร้นสวรรค์ได้เปลี่ยนชื่อแล้ว บัดนี้คือวังสวรรค์ หากเจ้าต้องการเข้าร่วมวังสวรรค์ ต้องเริ่มต้นจากการเป็นทหารสวรรค์สำรอง”
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงกล่าวอย่างแผ่วเบา
วังสวรรค์ ทหารสวรรค์สำรอง?
กู้ชิงเฟิงรู้สึกงุนงง นี่คือการแบ่งระดับศิษย์แบบใดกัน
ปกติแล้วไม่ควรเป็นศิษย์นอก ศิษย์ใน และศิษย์สายตรงหรือ
“ขออภัย ข้าขอถามว่า ระดับที่เหนือกว่าทหารสวรรค์สำรอง มีระดับใดบ้างหรือ” กู้ชิงเฟิงอดถามขึ้นไม่ได้
“ทหารสวรรค์สำรอง ทหารสวรรค์ แม่ทัพสวรรค์ ผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการใหญ่ ราชันสวรรค์…… ส่วนขั้นที่สูงกว่านี้ ด้วยคุณสมบัติของเจ้าในตอนนี้ ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับรู้”
เฟยเผิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
นี่มันการแบ่งระดับแบบใดกัน
กู้ชิงเฟิงบ่นพึมพำในใจ แต่เขาก็รีบคารวะ “ข้า กู้ชิงเฟิง ขอเข้าร่วมวัง… เอ่อ วังสวรรค์”
“ไม่ต้องรีบร้อน”
เฟยเผิงเหลือบมองไปยังจี้หยกที่เอวของกู้ชิงเฟิง เอ่ยขึ้นท่ามกลางสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย “ในเมื่อมาถึงแล้ว ไยต้องหลบซ่อน”