ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 4 ก่อตั้งวังสวรรค์
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 4 ก่อตั้งวังสวรรค์
ณ มุมหนึ่งของมหาภูผาสิบหมื่น
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงมาถึงข้างศพของหลินเฉียนเหอแห่งสำนักวิญญาณชาด
เขานำถุงเก็บของจากร่างของอีกฝ่ายออกมาตรวจสอบด้วยจิตสำนึก ก็พบสมบัติฟ้าดินกองท่วมหัว พลันเผยสีหน้ายินดี
“ระบบ แปลงสมบัติฟ้าดินทั้งหมดนี้เป็นแต้มต้นกำเนิด”
ติ๊ง!
“แปลงสำเร็จ ได้รับ 100 แต้มต้นกำเนิด”
อะไรนะ!?
จี๋อวิ๋นคิดว่าตนเองฟังผิดไป สมบัติฟ้าดินที่ผู้ทรงอำนาจสะสมไว้ กลับแลกได้เพียง 100 แต้มต้นกำเนิด!?
ยิ่งคิดว่าการสุ่มหนึ่งครั้งต้องใช้ถึงหนึ่งแสนแต้มต้นกำเนิด
หางตาของจี๋อวิ๋นก็กระตุกอย่างบ้าคลั่ง
เช่นนี้ แม้ปล้นสะดมทั้งสำนักก็ยังไม่พอ!
ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่ตนเองมีโอกาสสุ่มฟรีหนึ่งครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังดวงดีอย่างมากที่สุ่มได้ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนาย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
มิเช่นนั้น คงเริ่มต้นอย่างยากลำบากเป็นแน่
“ตอนนี้มีทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายแล้ว คงไม่ต้องรีบร้อนสุ่มครั้งที่สอง เริ่มก่อตั้งวังสวรรค์ก่อนดีกว่า”
จี๋อวิ๋นคิดในใจ
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มทำการสกัดจากศพของหลินเฉียนเหอ
ในขณะที่กลุ่มแสงสีแดงพุ่งออกมา จี๋อวิ๋นก็ได้รับข้อมูลจากระบบอย่างรวดเร็ว
“สกัดวัสดุของกายาวิญญาณอัคคีได้เช่นนั้นหรือ”
จี๋อวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะสกัดสิ่งของอย่างพรสวรรค์ร่างกายออกมาได้
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
หากในภายภาคหน้าสกัดพรสวรรค์ร่างกายได้มากขึ้น และใช้เป็นตัวช่วยในการสุ่ม เขาก็มีโอกาสได้รับพรสวรรค์ร่างกายเช่นกัน
“เช่นนี้ ตัวข้าเองก็สามารถบำเพ็ญได้ วิเศษจริง ๆ”
จี๋อวิ๋นไม่ต้องการให้เพียงหุ่นเชิดของเขาแข็งแกร่ง แต่ตัวเขาเองกลับอ่อนแอ
“ต้องขอแบบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ขอสายเลือดผานกู่ก็แล้วกัน หรืออย่างแย่ที่สุดก็ต้องเป็นกายามรรคสามพิสุทธิ์ ร่างแท้บรรพชนจอมเวทก็ไม่เลวนัก”
พรสวรรค์ร่างกายและสายเลือดในโลกเทพนิยายมีมากมายนับไม่ถ้วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับแต่กำเนิด ยิ่งทำให้จี๋อวิ๋นรู้สึกอยากได้
ด้วยความคาดหวังที่งดงามเช่นนี้ จี๋อวิ๋นจึงควบคุมเฟยเผิงกลับไปยังสำนักเร้นสวรรค์
จากนั้นจี๋อวิ๋นก็สั่งการให้ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนาย ปรับปรุงซากปรักหักพังของสำนักเร้นสวรรค์เสียใหม่
ด้วยความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับปราชญ์ บวกกับแม่ทัพเทพเฟยเผิง การสร้างสำนักขึ้นมาใหม่จึงมิใช่เรื่องยากเย็นนัก
ผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์สามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน สร้างสรรค์จากความว่างเปล่าได้อย่างง่ายดายราวกับกินข้าวหรือดื่มน้ำ
มิเช่นนั้นแล้ว สำนักเร้นสวรรค์ในอดีตถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร
ล้วนแต่ต้องพึ่งพาบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักที่แข็งแกร่งระดับปราชญ์
แต่ในตอนนี้ จี๋อวิ๋นมีหุ่นเชิดระดับปราชญ์ถึงสามพันนาย ยิ่งกว่าง่ายดายเสียอีก
หากจี๋อวิ๋นต้องการ สำนักที่สร้างขึ้นใหม่สามารถเอาชนะสำนักเร้นสวรรค์ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดได้อย่างง่ายดาย
แต่เนื่องจากเขาเป็นคนเรียบง่าย จึงไม่ต้องการทำเรื่องยุ่งยากเช่นนั้น
เพียงแค่ย้ายภูเขามาสองสามลูก และซ่อมแซมโถงใหญ่สองสามหลังก็เพียงพอแล้ว
ถึงกระนั้น สำนักในตอนนี้ก็ดูแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ซูชิงเมิ่งมองดูอย่างตื่นเต้น
ส่วนศิลาจารึกของสำนักบนภูเขา อักขระสามตัว ‘สำนักเร้นสวรรค์’ ในอดีต ถูกแทนที่ด้วย ‘วังสวรรค์’!
“ใช้ได้แล้ว ตอนนี้สร้างเป็นวังสวรรค์สาขาย่อยไปก่อน รอให้สุ่มได้ประตูสวรรค์แห่งทิศทักษิณ พระราชวังล่องนภา ค่อยเปลี่ยนเป็นวังสวรรค์ที่แท้จริง”
จี๋อวิ๋นคิดการณ์ไกล
ให้ชื่อเสียงของวังสวรรค์โด่งดังไปทั่วสารทิศเสียก่อน จากนั้นในอนาคตเมื่อสุ่มได้สิ่งปลูกสร้างอย่างประตูสวรรค์แห่งทิศทักษิณและพระราชวังล่องนภา ก็จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
เมื่อถึงเวลานั้น ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมน่าตกตะลึงอย่างแน่นอน
เพียงแค่คิดถึงภาพนั้น จี๋อวิ๋นก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบอดใจรอไม่ไหว
ต่อมา จี๋อวิ๋นก็สั่งให้เฟยเผิงและทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เก้านายไปประจำอยู่บนยอดเขาสิบลูกโดยรอบ ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์
ส่วนหุ่นเชิดทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ที่เหลือ จี๋อวิ๋นซ่อนไว้ในความว่างเปล่า เป็นไพ่ตาย
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย จี๋อวิ๋นก็เริ่มต้นบำเพ็ญอย่างมีความสุข
…………
ในทางกลับกัน
บรรยากาศภายในสำนักวิญญาณชาดกลับตรงกันข้าม
ภายในโถงใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักวิญญาณชาด
ร่างเงาสิบกว่าร่างที่มีกลิ่นอายราวกับขุมนรกนั่งอยู่ประจำตำแหน่ง
พวกเขาล้วนเป็นระดับสูงของสำนักวิญญาณชาด ส่วนใหญ่มีตบะอยู่ในระดับราชันและกึ่งปราชญ์
ส่วนที่นั่งสูงสุด บุรุษชราผมสีแดงรูปร่างกำยำมีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่สุด
เขาคือประมุขสำนักวิญญาณชาด ฉือซงจื่อ เป็นผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เพียงหนึ่งเดียวของสำนักวิญญาณชาด
กล่าวได้ว่าตำแหน่งของสำนักวิญญาณชาดในทุกวันนี้ ล้วนแต่ต้องพึ่งพาเขา
ว่ากันว่าเขามีกายาวิญญาณอัคคีโชติโดยกำเนิด
กายาวิญญาณอัคคีโชติแต่กำเนิดเป็นพรสวรรค์ร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากายาวิญญาณอัคคี
ในเวลานี้ ฉือซงจื่อผู้นี้กำลังอารมณ์ไม่ดี
เนื่องจากศิษย์รับใช้ที่ดูแลศิลาประทับวิญญาณเพิ่งรายงานว่า ศิลาประทับวิญญาณของหลินเฉียนเหอกลับแตกสลาย นั่นหมายความว่า อีกฝ่ายตายไปแล้ว
การตายของผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรค ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับสำนักวิญญาณชาด
“ผู้อาวุโสหลินเพียงแค่ไปทำลายสำนักเร้นสวรรค์เล็ก ๆ แห่งนั้น เหตุใดจึงตกตายได้ หรือว่าสำนักเร้นสวรรค์ยังมีผู้แข็งแกร่งซ่อนอยู่?”
“สมกับเป็นสำนักอันดับหนึ่งในอดีต คิดไม่ถึงว่าการส่งผู้อาวุโสหลินไปจะเป็นการประเมินพวกเขาต่ำเกินไป ไม่คิดว่ายังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่อีก!”
“เหอะ เพียงแค่ดิ้นรนก่อนตาย ตอนนี้หาใช่ยุคของสำนักเร้นสวรรค์ไม่ ราชันแห่งแถบนี้คือสำนักวิญญาณชาดของพวกเรา!”
“…………”
บุคคลระดับสูงสิบกว่าคนต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือด บ้างก็หวาดกลัวสำนักเร้นสวรรค์ บ้างก็ไม่สนใจ
ในเวลานี้ ฉือซงจื่อที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุดก็เอ่ยขึ้น
เขามองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยถามว่า “แล้วผู้อาวุโสใหญ่เล่า?”
“เรียนประมุข ทันทีที่ผู้อาวุโสใหญ่ทราบข่าวการตายของผู้อาวุโสหลิน เขาก็รีบรุดหน้าไปยังสำนักเร้นสวรรค์ด้วยความโกรธ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งรายงาน
ฉือซงจื่อไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้
หลินเฉียนเหอเป็นศิษย์รักของผู้อาวุโสใหญ่ ว่ากันว่าเป็นบุตรนอกสมรส ความสัมพันธ์ของทั้งสองลึกลับ
ตอนนี้หลินเฉียนเหอตายไปแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ย่อมโกรธเป็นธรรมดา
“ช่างเถิด ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสใหญ่ในสำนักเป็นรองเพียงข้า เขาใกล้บรรลุระดับปราชญ์แล้ว คงไม่มีอันตรายอันใด ปล่อยเขาไปเถิด”
ฉือซงจื่อวางใจ
หารู้ไม่ว่าเขาได้ปักธงแห่งความตายให้กับผู้อาวุโสใหญ่ไปแล้ว
…………
อีกด้านหนึ่ง
ภายในโถงใหญ่ จี๋อวิ๋นหยุดบำเพ็ญ พลางถอนหายใจ
พรสวรรค์ของร่างกายนี้ช่างย่ำแย่ เทียบกับพรสวรรค์ของร่างเดิมที่เป็นถึงบุตรของราชาอสูรแล้ว ไม่ต่างกันเลย
นับเป็นเศษขยะโดยแท้
“ระบบบัดซบ เจ้าทำให้ข้าเริ่มต้นจากศูนย์อีกแล้ว”
จี๋อวิ๋นสบถในใจ เหตุใดไม่เลียนแบบนิยายเรื่องอื่น ให้เขาได้เริ่มต้นเป็นบุตรแห่งสวรรค์กับเขาบ้าง!
ไม่ว่าจะเป็นบทตัวประกอบที่แข็งแกร่งที่สุด บุตรแห่งสายมาร รัศมีเซียนจากสวรรค์ ก็จัดมาให้หมดมิได้หรือ!
หืม?
ทันใดนั้น จี๋อวิ๋นที่กำลังต่อว่าระบบอยู่ก็ขมวดคิ้ว
ด้วยสัมผัสของหุ่นเชิดทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ เขาสามารถรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่เชิงเขาได้ในทันที
“เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังมา หรือว่า… ไม่สิ ไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มคนเดียว น่าสนุกไม่น้อย…”
จี๋อวิ๋นเผยรอยยิ้มที่มุมปาก