ตอนที่แล้วระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 2 ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 4 ก่อตั้งวังสวรรค์

ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 3 สังหารราวกับสุนัข


ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 3 สังหารราวกับสุนัข

กลิ่นอายอันเกรียงไกรคล้ายสายน้ำเชี่ยวกรากโถมกระหน่ำลงมาพร้อมกับรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว

อาคารที่ทรุดโทรมของสำนักเร้นสวรรค์เปราะบางราวกับทำจากกระดาษ

ในชั่วพริบตาก็สลายกลายเป็นผุยผง ปลิวหายไปกับสายลม

ทันใดนั้น จี๋อวิ๋นและซูชิงเมิ่งที่อยู่ภายในตำหนักใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตา

ซูชิงเมิ่งมองบุรุษชุดดำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า รับรู้ถึงกลิ่นอายและพลังเวทที่ทำให้แทบหายใจไม่ออก ใบหน้าอันงดงามพลันซีดเผือด

“ผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรค!”

นางคาดไม่ถึงว่าสำนักวิญญาณชาดจะถึงขั้นส่งผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคมาเพื่อแย่งชิงเส้นชีพจรวิญญาณแห่งนี้!

เช่นนี้แล้ว พวกเขาคงไม่คิดจะไว้ชีวิตนางกับศิษย์พี่ประมุข!

“ตาย!”

ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดพร่ำทำเพลง มองจี๋อวิ๋นและซูชิงเมิ่งราวกับมดปลวกสองตัว

ชั่วขณะถัดมา เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาบดบังท้องฟ้าปิดกั้นแสงอาทิตย์

พลังเวทอันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับมหานทีไหลบ่าลงมา ปกคลุมทั่วทั้งสิบทิศ

ภายใต้พลังอำนาจเช่นนี้ ซูชิงเมิ่งอย่าว่าแต่ต่อต้าน แม้แต่ขยับกายก็ยังทำไม่ได้ ถูกกดตรึงไว้กับที่

ไม่อาจขยับเขยื้อน ทำได้เพียงแต่รอความตายมาเยือน!

แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ไม่เลว ในวัยสิบแปดปีก็บรรลุระดับผันวิญญาณ นับว่าเป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุค

แต่เบื้องหน้าผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรค นางก็ไม่ต่างอะไรกับมดน้อย!

แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลัน กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งก็พวยพุ่งจากเบื้องล่างขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับสายน้ำเชี่ยวกรากกวาดล้างทุกสิ่ง

ในชั่วพริบตาก็ทำลายฝ่ามือที่รวบรวมพลังเวทของผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดจนแตกสลาย

อะไรกัน?

ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดที่เดิมทีมีสีหน้าเรียบเฉย บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง!

เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำลายฝ่ามือพลังเวทของเขาได้!

“สำนักเร้นสวรรค์… ยังมีผู้แข็งแกร่งหลงเหลืออยู่อีกหรือ?”

ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดตื่นตระหนก รีบเพ่งมองไป

เห็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งสวมเกราะศึกสีเงิน สวมหมวกเกราะเงิน ถือกระบี่เทพอยู่ในมือ มีใบหน้าเย็นชา ก้าวลงมาจากฟากฟ้า

ดวงตาสงบนิ่งไร้คลื่นลมกวาดมองมาที่เขา ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยียบไปทั้งร่าง

“เจ้า… เป็นใคร?”

ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ

“วังสวรรค์ เฟยเผิง!”

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขาวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้ว

ใช้ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายนี้ ก่อตั้งเป็นวังสวรรค์

อย่างไรเสีย โลกแห่งจินตนาการแห่งนี้ก็ไม่มีวังสวรรค์ จึงใช้ชื่อนี้เป็นชื่อขุมอำนาจได้

หากในภายภาคหน้าสกัดทหารหยินและยมทูตได้ก็สามารถก่อตั้งเป็นขุมอำนาจยมโลกได้เช่นกัน

อย่างไรเสีย เขามีระบบหุ่นเชิดเทพนิยาย เพียงแค่เขาผู้เดียวก็สามารถรวบรวมสิ่งมีชีวิตและขุมอำนาจจากโลกเทพนิยายมาไว้ด้วยกันได้!

นอกจากวังสวรรค์และยมโลกแล้ว ยังมีเผ่าจอมเวทและอสูร สามนิกายใหญ่ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมหุ่นเชิดก็ไม่มีขีดจำกัด เขาสามารถสร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น บรรดาสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งนี้คงต้องตกตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับขุมอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้

เพียงแค่คิดถึงภาพนั้น จี๋อวิ๋นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

พวกเจ้าคิดว่าตำนานโบราณคงจะฟื้นคืนชีพ แต่แท้จริงแล้วล้วนเป็นฝีมือของข้าเพียงผู้เดียว!

ในเวลานี้ กลางท้องฟ้า เมื่อผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดได้ยินชื่อ ‘วังสวรรค์ เฟยเผิง’ เขาก็ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

แต่เขามั่นใจว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หากท่านมิใช่คนของสำนักเร้นสวรรค์ เช่นนั้นก็เชิญไปเสีย ข้าคือหลินเฉียนเหอ ผู้อาวุโสแห่งสำนักวิญญาณชาด โปรดอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน”

คำพูดของเขาแฝงไว้ด้วยความคุกคาม

“ไสหัวไป ไม่เช่นนั้น… ตาย!”

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงเอ่ยอย่างเย็นชา

เมื่อหลินเฉียนเหอได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนตัวสั่น เขาเป็นถึงผู้ทรงอำนาจ ได้รับการคารวะจากสิ่งมีชีวิตหลายพันตน เหตุใดจึงต้องมาทนฟังคำพูดเช่นนี้

“รนหาที่ตาย!”

ทันใดนั้น หลินเฉียนเหอกระหน่ำพลังเวททั่วร่างราวกับมหานทีอันกว้างใหญ่ไพศาล

แปรเปลี่ยนเป็นแสงขวาน พุ่งเข้าฟาดฟันเฟยเผิงโดยตรง

เขารู้ดีว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ธรรมดา จึงต้องใช้ท่าไม้ตายตั้งแต่แรก!

ทว่า…จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง เพียงแค่ปรือตาขึ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า

“มดน้อยเช่นเจ้า กล้ามาส่งเสียงรบกวนข้าหรือ”

ชิ้ง!

สิ้นเสียง กระบี่สะบั้นอสูรในมือของเฟยเผิงก็ส่งเสียงกังวานก้อง

เพิ่งชักออกมาเพียงหนึ่งในสามก็มีแสงกระบี่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลุชั้นเมฆ แปรเปลี่ยนสายลม!

ฉึก!

ปราณกระบี่กวาดผ่านทำลายทุกสิ่งราวกับใบไม้ร่วง ท่าไม้ตายที่หลินเฉียนเหอทุ่มเทพลังทั้งหมดพลันสลายไปในชั่วพริบตา

ทว่าปราณกระบี่ยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ทะลุผ่านหว่างคิ้วของหลินเฉียนเหอที่เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว

ทำลายพลังชีวิตและวิญญาณของเขาจนดับดิ้นสิ้นสลาย!

“เจ้…...”

หลินเฉียนเหออ้าปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในชั่วขณะถัดมาสติของเขาก็มืดมิดดับวูบ สิ้นชีพในทันที

ร่างไร้วิญญาณร่วงลงมาจากท้องฟ้า กระแทกลงบนมหาภูผาสิบหมื่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ ฝูงนกและสัตว์ร้ายต่างพากันแตกตื่นหนีตาย

ผู้ทรงอำนาจแห่งยุคสิ้นชีพ!

“สมกับเป็นกำลังรบเทียบเท่าระดับราชันปราชญ์ สังการผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคได้ราวกับสุนัขก็มิปาน”

จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง คิดในใจ

กระบี่สะบั้นอสูรเพิ่งชักออกมาเพียงหนึ่งในสามก็สามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!

ทันใดนั้น จี๋อวิ๋นก็ควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงลอยลงมาจากท้องฟ้า มายังซากปรักหักพังของสำนักเร้นสวรรค์

ในเวลานี้ ซูชิงเมิ่งกำลังมองเฟยเผิงด้วยสีหน้าตกตะลึง

ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดกลับถูกบุรุษเกราะเงินผู้นี้สังหารด้วยกระบี่เดียว!

ชายผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน!

เมื่อเห็นบุรุษเกราะเงินเดินตรงมาหาพวกเขา ซูชิงเมิ่งก็รู้สึกตึงเครียดอย่างบอกไม่ถูก นางจึงยืนขวางหน้าจี๋อวิ๋นโดยไม่รู้ตัว

แต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้นางถึงกับพูดไม่ออก

บุรุษเกราะเงินผู้แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวผู้นี้ กลับโค้งคำนับให้จี๋อวิ๋น!

“เฟยเผิง ขอคารวะนายท่าน!”

อะไรนะ!?

ซูชิงเมิ่งไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

ผู้แข็งแกร่งไร้ผู้เทียบเช่นนี้ กลับยอมรับศิษย์พี่ประมุขเป็นนายท่าน

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือนายท่านผู้นี้คือศิษย์พี่ประมุขของนาง!

“ศิษย์พี่ประมุข ท่าน…”

ซูชิงเมิ่งรู้สึกราวกับโลกทั้งใบพลิกกลับด้าน

“ลุกขึ้นเถิด”

จี๋อวิ๋นโบกมือก่อนจะหันไปมองซูชิงเมิ่ง เอ่ยว่า “ศิษย์น้องหญิง มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้า ที่จริงแล้ว… ข้ามาจากวังสวรรค์”

วังสวรรค์?

ซูชิงเมิ่งเคยได้ยินเฟยเผิงพูดถึงมาก่อน แม้ว่านางจะไม่เคยได้ยินชื่อขุมอำนาจนี้มาก่อน แต่ด้วยพลังอำนาจระดับนี้ วังสวรรค์ย่อมต้องเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง

ส่วนศิษย์พี่ประมุขของนาง เท่าที่รู้คือถูกท่านอาจารย์เก็บมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก

ทันใดนั้น ซูชิงเมิ่งก็นึกเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาได้

ศิษย์พี่ประมุขของนาง เดิมทีเป็นคนของวังสวรรค์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงต้องพลัดพรากจากบ้านตั้งแต่ยังเด็ก

ต่อมาท่านอาจารย์ได้พบเข้าจึงรับมาเลี้ยงดู

และในตอนนี้ คนของวังสวรรค์ก็ตามหาจนพบ และกลับมารับรู้สถานะที่แท้จริง

ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้แน่!

ต้องยอมรับว่าซูชิงเมิ่งช่างมีความสามารถในการจินตนาการเสียจริง

ทันใดนั้น นางก็พูดกับจี๋อวิ๋นว่า “ศิษย์พี่ประมุข คาดไม่ถึงว่าท่านจะมีภูมิหลังเช่นนี้ เช่นนี้แล้ว พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว!”

จี๋อวิ๋นมองซูชิงเมิ่งที่ดูเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่สงสัยก็อดหัวเราะอยู่ภายในใจไม่ได้ เด็กสาวผู้นี้ช่างหลอกง่ายเสียจริง

เขาจึงกระแอมไอเบา ๆ เอ่ยว่า “ศิษย์น้องหญิง บัดนี้สำนักเร้นสวรรค์ล่มสลายไปแล้ว นับจากนี้ไป ที่นี่… จะเรียกว่าวังสวรรค์ นับเป็นการเริ่มต้นใหม่”

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศิษย์พี่ประมุขเจ้าค่ะ”

ซูชิงเมิ่งไม่สนใจว่าสำนักจะชื่ออะไร ตราบใดที่นางได้อยู่กับจี๋อวิ๋น นางก็พอใจแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด