ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 3 สังหารราวกับสุนัข
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 3 สังหารราวกับสุนัข
กลิ่นอายอันเกรียงไกรคล้ายสายน้ำเชี่ยวกรากโถมกระหน่ำลงมาพร้อมกับรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว
อาคารที่ทรุดโทรมของสำนักเร้นสวรรค์เปราะบางราวกับทำจากกระดาษ
ในชั่วพริบตาก็สลายกลายเป็นผุยผง ปลิวหายไปกับสายลม
ทันใดนั้น จี๋อวิ๋นและซูชิงเมิ่งที่อยู่ภายในตำหนักใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตา
ซูชิงเมิ่งมองบุรุษชุดดำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า รับรู้ถึงกลิ่นอายและพลังเวทที่ทำให้แทบหายใจไม่ออก ใบหน้าอันงดงามพลันซีดเผือด
“ผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรค!”
นางคาดไม่ถึงว่าสำนักวิญญาณชาดจะถึงขั้นส่งผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคมาเพื่อแย่งชิงเส้นชีพจรวิญญาณแห่งนี้!
เช่นนี้แล้ว พวกเขาคงไม่คิดจะไว้ชีวิตนางกับศิษย์พี่ประมุข!
“ตาย!”
ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดพร่ำทำเพลง มองจี๋อวิ๋นและซูชิงเมิ่งราวกับมดปลวกสองตัว
ชั่วขณะถัดมา เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาบดบังท้องฟ้าปิดกั้นแสงอาทิตย์
พลังเวทอันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับมหานทีไหลบ่าลงมา ปกคลุมทั่วทั้งสิบทิศ
ภายใต้พลังอำนาจเช่นนี้ ซูชิงเมิ่งอย่าว่าแต่ต่อต้าน แม้แต่ขยับกายก็ยังทำไม่ได้ ถูกกดตรึงไว้กับที่
ไม่อาจขยับเขยื้อน ทำได้เพียงแต่รอความตายมาเยือน!
แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ไม่เลว ในวัยสิบแปดปีก็บรรลุระดับผันวิญญาณ นับว่าเป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุค
แต่เบื้องหน้าผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรค นางก็ไม่ต่างอะไรกับมดน้อย!
แต่ในตอนนั้นเอง ฉับพลัน กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งก็พวยพุ่งจากเบื้องล่างขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับสายน้ำเชี่ยวกรากกวาดล้างทุกสิ่ง
ในชั่วพริบตาก็ทำลายฝ่ามือที่รวบรวมพลังเวทของผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดจนแตกสลาย
อะไรกัน?
ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดที่เดิมทีมีสีหน้าเรียบเฉย บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง!
เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำลายฝ่ามือพลังเวทของเขาได้!
“สำนักเร้นสวรรค์… ยังมีผู้แข็งแกร่งหลงเหลืออยู่อีกหรือ?”
ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดตื่นตระหนก รีบเพ่งมองไป
เห็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งสวมเกราะศึกสีเงิน สวมหมวกเกราะเงิน ถือกระบี่เทพอยู่ในมือ มีใบหน้าเย็นชา ก้าวลงมาจากฟากฟ้า
ดวงตาสงบนิ่งไร้คลื่นลมกวาดมองมาที่เขา ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยียบไปทั้งร่าง
“เจ้า… เป็นใคร?”
ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ
“วังสวรรค์ เฟยเผิง!”
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้ว
ใช้ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายนี้ ก่อตั้งเป็นวังสวรรค์
อย่างไรเสีย โลกแห่งจินตนาการแห่งนี้ก็ไม่มีวังสวรรค์ จึงใช้ชื่อนี้เป็นชื่อขุมอำนาจได้
หากในภายภาคหน้าสกัดทหารหยินและยมทูตได้ก็สามารถก่อตั้งเป็นขุมอำนาจยมโลกได้เช่นกัน
อย่างไรเสีย เขามีระบบหุ่นเชิดเทพนิยาย เพียงแค่เขาผู้เดียวก็สามารถรวบรวมสิ่งมีชีวิตและขุมอำนาจจากโลกเทพนิยายมาไว้ด้วยกันได้!
นอกจากวังสวรรค์และยมโลกแล้ว ยังมีเผ่าจอมเวทและอสูร สามนิกายใหญ่ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมหุ่นเชิดก็ไม่มีขีดจำกัด เขาสามารถสร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น บรรดาสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งนี้คงต้องตกตะลึงเมื่อเผชิญหน้ากับขุมอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้
เพียงแค่คิดถึงภาพนั้น จี๋อวิ๋นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
พวกเจ้าคิดว่าตำนานโบราณคงจะฟื้นคืนชีพ แต่แท้จริงแล้วล้วนเป็นฝีมือของข้าเพียงผู้เดียว!
ในเวลานี้ กลางท้องฟ้า เมื่อผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดได้ยินชื่อ ‘วังสวรรค์ เฟยเผิง’ เขาก็ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
แต่เขามั่นใจว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “หากท่านมิใช่คนของสำนักเร้นสวรรค์ เช่นนั้นก็เชิญไปเสีย ข้าคือหลินเฉียนเหอ ผู้อาวุโสแห่งสำนักวิญญาณชาด โปรดอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน”
คำพูดของเขาแฝงไว้ด้วยความคุกคาม
“ไสหัวไป ไม่เช่นนั้น… ตาย!”
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงเอ่ยอย่างเย็นชา
เมื่อหลินเฉียนเหอได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนตัวสั่น เขาเป็นถึงผู้ทรงอำนาจ ได้รับการคารวะจากสิ่งมีชีวิตหลายพันตน เหตุใดจึงต้องมาทนฟังคำพูดเช่นนี้
“รนหาที่ตาย!”
ทันใดนั้น หลินเฉียนเหอกระหน่ำพลังเวททั่วร่างราวกับมหานทีอันกว้างใหญ่ไพศาล
แปรเปลี่ยนเป็นแสงขวาน พุ่งเข้าฟาดฟันเฟยเผิงโดยตรง
เขารู้ดีว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ธรรมดา จึงต้องใช้ท่าไม้ตายตั้งแต่แรก!
ทว่า…จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง เพียงแค่ปรือตาขึ้นเล็กน้อย เอ่ยว่า
“มดน้อยเช่นเจ้า กล้ามาส่งเสียงรบกวนข้าหรือ”
ชิ้ง!
สิ้นเสียง กระบี่สะบั้นอสูรในมือของเฟยเผิงก็ส่งเสียงกังวานก้อง
เพิ่งชักออกมาเพียงหนึ่งในสามก็มีแสงกระบี่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลุชั้นเมฆ แปรเปลี่ยนสายลม!
ฉึก!
ปราณกระบี่กวาดผ่านทำลายทุกสิ่งราวกับใบไม้ร่วง ท่าไม้ตายที่หลินเฉียนเหอทุ่มเทพลังทั้งหมดพลันสลายไปในชั่วพริบตา
ทว่าปราณกระบี่ยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ทะลุผ่านหว่างคิ้วของหลินเฉียนเหอที่เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว
ทำลายพลังชีวิตและวิญญาณของเขาจนดับดิ้นสิ้นสลาย!
“เจ้…...”
หลินเฉียนเหออ้าปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในชั่วขณะถัดมาสติของเขาก็มืดมิดดับวูบ สิ้นชีพในทันที
ร่างไร้วิญญาณร่วงลงมาจากท้องฟ้า กระแทกลงบนมหาภูผาสิบหมื่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ ฝูงนกและสัตว์ร้ายต่างพากันแตกตื่นหนีตาย
ผู้ทรงอำนาจแห่งยุคสิ้นชีพ!
“สมกับเป็นกำลังรบเทียบเท่าระดับราชันปราชญ์ สังการผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคได้ราวกับสุนัขก็มิปาน”
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง คิดในใจ
กระบี่สะบั้นอสูรเพิ่งชักออกมาเพียงหนึ่งในสามก็สามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
ทันใดนั้น จี๋อวิ๋นก็ควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงลอยลงมาจากท้องฟ้า มายังซากปรักหักพังของสำนักเร้นสวรรค์
ในเวลานี้ ซูชิงเมิ่งกำลังมองเฟยเผิงด้วยสีหน้าตกตะลึง
ผู้ทรงอำนาจแห่งสำนักวิญญาณชาดกลับถูกบุรุษเกราะเงินผู้นี้สังหารด้วยกระบี่เดียว!
ชายผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน!
เมื่อเห็นบุรุษเกราะเงินเดินตรงมาหาพวกเขา ซูชิงเมิ่งก็รู้สึกตึงเครียดอย่างบอกไม่ถูก นางจึงยืนขวางหน้าจี๋อวิ๋นโดยไม่รู้ตัว
แต่ในวินาทีถัดมา สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้นางถึงกับพูดไม่ออก
บุรุษเกราะเงินผู้แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวผู้นี้ กลับโค้งคำนับให้จี๋อวิ๋น!
“เฟยเผิง ขอคารวะนายท่าน!”
อะไรนะ!?
ซูชิงเมิ่งไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
ผู้แข็งแกร่งไร้ผู้เทียบเช่นนี้ กลับยอมรับศิษย์พี่ประมุขเป็นนายท่าน
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือนายท่านผู้นี้คือศิษย์พี่ประมุขของนาง!
“ศิษย์พี่ประมุข ท่าน…”
ซูชิงเมิ่งรู้สึกราวกับโลกทั้งใบพลิกกลับด้าน
“ลุกขึ้นเถิด”
จี๋อวิ๋นโบกมือก่อนจะหันไปมองซูชิงเมิ่ง เอ่ยว่า “ศิษย์น้องหญิง มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้า ที่จริงแล้ว… ข้ามาจากวังสวรรค์”
วังสวรรค์?
ซูชิงเมิ่งเคยได้ยินเฟยเผิงพูดถึงมาก่อน แม้ว่านางจะไม่เคยได้ยินชื่อขุมอำนาจนี้มาก่อน แต่ด้วยพลังอำนาจระดับนี้ วังสวรรค์ย่อมต้องเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง
ส่วนศิษย์พี่ประมุขของนาง เท่าที่รู้คือถูกท่านอาจารย์เก็บมาเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก
ทันใดนั้น ซูชิงเมิ่งก็นึกเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาได้
ศิษย์พี่ประมุขของนาง เดิมทีเป็นคนของวังสวรรค์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงต้องพลัดพรากจากบ้านตั้งแต่ยังเด็ก
ต่อมาท่านอาจารย์ได้พบเข้าจึงรับมาเลี้ยงดู
และในตอนนี้ คนของวังสวรรค์ก็ตามหาจนพบ และกลับมารับรู้สถานะที่แท้จริง
ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้แน่!
ต้องยอมรับว่าซูชิงเมิ่งช่างมีความสามารถในการจินตนาการเสียจริง
ทันใดนั้น นางก็พูดกับจี๋อวิ๋นว่า “ศิษย์พี่ประมุข คาดไม่ถึงว่าท่านจะมีภูมิหลังเช่นนี้ เช่นนี้แล้ว พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว!”
จี๋อวิ๋นมองซูชิงเมิ่งที่ดูเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไม่สงสัยก็อดหัวเราะอยู่ภายในใจไม่ได้ เด็กสาวผู้นี้ช่างหลอกง่ายเสียจริง
เขาจึงกระแอมไอเบา ๆ เอ่ยว่า “ศิษย์น้องหญิง บัดนี้สำนักเร้นสวรรค์ล่มสลายไปแล้ว นับจากนี้ไป ที่นี่… จะเรียกว่าวังสวรรค์ นับเป็นการเริ่มต้นใหม่”
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศิษย์พี่ประมุขเจ้าค่ะ”
ซูชิงเมิ่งไม่สนใจว่าสำนักจะชื่ออะไร ตราบใดที่นางได้อยู่กับจี๋อวิ๋น นางก็พอใจแล้ว