ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 2 ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 2 ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์
เวรเอ๊ย!
จี๋อวิ๋นเบิกตากว้างประหลาดใจกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า
เห็นเพียงเบื้องหน้าเขาปรากฏกลุ่มแสงกลุ่มหนึ่งขึ้น ภายในกลุ่มแสงนั้นปรากฏร่างสูงใหญ่สามพันร่าง
ร่างแต่ละร่างต่างแผ่กลิ่นอายอันทรงพลัง สวมเกราะศึก สวมหมวกเกราะเงิน ถือหอกเงิน เพียงยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้เขารู้สึกถึงจิตสังหารราวกับจะออกรบพิชิตหมื่นโลกา!
[ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนาย: มาจากวังสวรรค์สูงสุดในโลกเทพนิยาย เป็นกำลังพลใต้บัญชามหาจักรพรรดิหยกแห่งจงเทียน ไร้พ่าย ไร้เทียมทาน]
[แต่ละนายล้วนผ่านการคัดเลือกจากเซียนนับหมื่นคน เลือกเพียงหนึ่งในหมื่น ผ่านการคัดกรองอย่างเข้มงวด นับว่าเป็นยอดอัจฉริยะ!]
มองดูสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพร้อมฟังคำอธิบายของระบบ จี๋อวิ๋นก็ตกอยู่ในความตกตะลึง
แต่ไม่นานก็เผยรอยยิ้มเปี่ยมสุขออกมา
ไม่แปลกที่เขาจะดีใจเช่นนี้ เพราะหุ่นเชิดที่สกัดได้นั้นแข็งแกร่งเกินไป
เดิมทีจี๋อวิ๋นคิดว่าตนเองจะสกัดได้หุ่นเชิดสักตัวที่ใช้งานได้ก็ดีแล้ว
ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น!
ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ อย่านึกว่าอ่อนแอ พวกเขานั้นเป็นถึงกองทัพไร้พ่ายที่จักรพรรดิหยกฝึกฝนด้วยตนเอง
จักรพรรดิหยกสามารถเป็นผู้ปกครองสามภพ ครองสวรรค์ได้ บรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ต่างก็มีคุณูปการไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเป็นทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ได้ ต้องมีเจตจำนงสูงสุด พรสวรรค์อันแข็งแกร่ง ปัญญาอันน่าทึ่ง ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้
หากเป็นโลกแฟนตาซี พวกเขาก็เหมือนกับยอดอัจฉริยะเหล่านั้น!
พูดง่าย ๆ ก็คือตอนนี้จี๋อวิ๋นมีถึงยอดอัจฉริยะสามพันคน!
คิดแล้วก็ตื่นเต้นจนตัวสั่น!
ยิ่งไปกว่านั้น จี๋อวิ๋นยังพบว่าทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เหล่านี้มีตบะตั้งต้นเทียบเท่ากับระดับปราชญ์
โลกแห่งนี้มีระดับการบำเพ็ญตั้งแต่ต่ำไปจนสูงดังนี้
ระดับถ้ำสวรรค์ ระดับผันวิญญาณ ระดับวิญญาณก่อกำเนิด ระดับก่อมรรค ระดับราชัน ระดับปราชญ์ ระดับราชันปราชญ์ ระดับมหาปราชญ์ ระดับกึ่งเทพ ระดับเทพแท้
จากที่จี๋อวิ๋นรู้มา ระดับปราชญ์ในโลกเบื้องล่างนี้ล้วนเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่ประจำการอยู่ขุมอำนาจแต่ละแห่ง
ตอนนี้เขามีทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เทียบเท่าระดับปราชญ์ถึงสามพันคน แน่นอนว่าสามารถทำอะไรก็ได้อย่างสบายใจ!
“ใช่สิ ระบบ บรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เหล่านี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้หรือไม่”
จี๋อวิ๋นถามอย่างรีบร้อน
[หากเจ้าภาพต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดที่สกัดออกมานั้นจะต้องใช้แต้มการบำเพ็ญ]
[วิธีการรับแต้มการบำเพ็ญนั้น ทุก ๆ การสังหารผู้บำเพ็ญที่มีระดับเดียวกันหรือสูงกว่า จะได้รับแต้มการบำเพ็ญจำนวนหนึ่ง]
เข้าใจแล้ว
จี๋อวิ๋นเข้าใจทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ เพียงออกศึกสงคราม ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดเหล่านี้ก็สามารถเพิ่มขึ้นได้
สะดวกสบายอย่างยิ่ง!
ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของบรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ไม่ได้หยุดอยู่ที่ระดับปราชญ์
ลองคิดดู หลายปีต่อมา เขามีหุ่นเชิดที่เทียบเท่าระดับเทพแท้ถึงสามพันคน
โลกเบื้องล่างนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่เขาเป็นใหญ่ที่สุด!
กระทั่งระดับเทพแท้ก็ไม่ใช่ระดับสูงสุด
จี๋อวิ๋นสามารถนำทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายนี้ไปพิชิตโลกอสูรได้โดยสมบูรณ์!
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ภายหน้าสามารถสกัดหุ่นเชิดได้อีกมากมาย
อืม?
ขณะนั้นเอง จี๋อวิ๋นก็สังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสุดของทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์
ต่างจากทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์คนอื่น แม้ว่าเงาร่างผู้นี้จะสวมเกราะศึกสีเงิน หมวกเกราะสีเงิน แต่กลับไม่ได้ถือหอกยาว กลับถือกระบี่ไว้
กลิ่นอายบนร่างแข็งแกร่งกว่าบรรดาทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ด้านหลังมาก
“การแต่งกายนี้…”
จี๋อวิ๋นใจสั่น รีบตรวจสอบข้อมูลทันที
[หุ่นเชิด: แม่ทัพเทพเฟยเผิง]
“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย แต่ว่าเหตุใดเขาถึงปรากฏตัวอยู่ตรงนี้”
จี๋อวิ๋นรู้สึกมึนงง ไม่ใช่ว่าสกัดได้แค่หุ่นเชิดในโลกเทพนิยายหรือ
เขาสงสัยอย่างยิ่ง รีบถามระบบทันที
[เจ้าภาพ ระบบนี้ไม่ได้สกัดแค่หุ่นเชิดในโลกเทพนิยายแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่รวมถึงหุ่นเชิดจากเทพนิยายทั้งหมด]
[แน่นอนว่ารวมถึงเฟยเผิงด้วย]
ได้ฟังคำอธิบายของระบบ จี๋อวิ๋นก็เข้าใจทันที
ไม่ใช่แค่ ไซอิ๋ว หรือนิยายยุคบุพกาล เท่านั้น กระทั่งโลกเทพนิยายอื่น ๆ ก็มีหรือ
“เช่นนี้ก็ดี แม่ทัพเทพเฟยเผิงเหมาะที่จะเป็นผู้นำของทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายนี้ไม่น้อย”
จี๋อวิ๋นคิดในใจ
ติ๊ง!
[เจ้าภาพต้องการสกัดหุ่นเชิดทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายนี้หรือไม่]
ขณะนั้นเอง เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ระบบสามารถปกปิดกลิ่นอายของพวกเขาได้หรือไม่” จี๋อวิ๋นถาม
[เจ้าภาพ สามารถทำได้]
ดีมาก…
จี๋อวิ๋นพยักหน้าเบา ๆ
ตัวตนที่เทียบเท่าระดับปราชญ์จำนวนมากเช่นนี้ บวกกับเฟยเผิงอีกหนึ่งคน หากกลิ่นอายปะทุออกมาพร้อมกัน คาดว่าคงสะเทือนเลือนลั่น
ทันใดนั้น จี๋อวิ๋นก็คิดจะออกไปด้านนอก สกัดหุ่นเชิดทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์สามพันนายนี้ออกมา
ทว่าขณะนั้นเอง ด้านนอกตำหนักพลันมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา
จี๋อวิ๋นมองไปเห็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาว บุคลิกท่าทางสง่างามบริสุทธิ์ดุจดอกบัวผุดผ่อง โดดเด่นสะดุดตา
จี๋อวิ๋นจำนางได้
นางคือศิษย์น้องหญิงซูชิงเมิ่งแห่งสำนักเร้นสวรรค์ที่ทรุดโทรม ผู้ที่อยู่เคียงข้างร่างเดิม
สำนักเร้นสวรรค์เคยเป็นถึงสำนักนิกายระดับห้า ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองภายในสำนักมีถึงผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคประจำการอยู่ นับว่ารุ่งโรจน์ยิ่งนัก
น่าเสียดาย เวลาผ่านไปความรุ่งโรจน์ก็โรยรา
กระทั่งบัดนี้ สำนักเร้นสวรรค์อันกว้างใหญ่เหลือเพียงแค่สองคน
มีเพียงจี๋อวิ๋นและซูชิงเมิ่ง
ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!
แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงอดีต
ตอนนี้จี๋อวิ๋นมีทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ที่เทียบเท่าระดับปราชญ์ถึงสามพันคน แล้วยังมีแม่ทัพเทพเฟยเผิงที่เทียบเท่าระดับราชันปราชญ์
แม้ว่าจะมีสำนักเร้นสวรรค์ช่วงที่รุ่งเรืองถึงหนึ่งร้อยสำนักอยู่เบื้องหน้า ก็ไม่คู่ควรให้เขาเหลียวมอง
หากบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเร้นสวรรค์รู้เรื่องนี้คงตกใจจนสิ้นชีวิต!
“ศิษย์พี่ประมุข ข้ารู้ว่าท่านอยากปกป้องรากฐานของสำนักเร้นสวรรค์ ไม่อยากจากไป แต่หากรักษาชีวิตไว้ย่อมสามารถสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่ได้!”
“หากว่าสิ้นชีวิตก็จะไม่มีความหวังอีกต่อไป!”
“ก่อนที่คนของสำนักวิญญาณชาดจะมาถึง พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
ทันทีที่ซูชิงเมิ่งเข้ามาในตำหนักใหญ่นางก็พูดอย่างรีบร้อน
อืม?
จี๋อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
สำนักเร้นสวรรค์แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม แต่ด้วยบารมีของบรรพบุรุษจึงทำให้ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ดี มีเส้นชีพจรวิญญาณอยู่
ทว่าผู้ที่ไร้ความผิดกลับต้องโทษเพราะมีของล้ำค่า
สำนักเร้นสวรรค์ที่อ่อนแอ ครอบครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนคิดช่วงชิง และผู้ที่คิดช่วงชิงก็คือสำนักวิญญาณชาด
ต่างจากสำนักเร้นสวรรค์ที่ตกต่ำ สำนักวิญญาณชาดกลับรุ่งเรืองถึงขีดสุด
เป็นถึงสำนักนิกายระดับห้า มีปราชญ์ประจำสำนัก แม้เทียบกับสำนักเร้นสวรรค์ช่วงที่รุ่งเรืองก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน
สำนักเร้นสวรรค์ในตอนนี้ มิอาจต่อกรได้อย่างแน่นอน เสมือนมดกับมังกร!
ด้วยเหตุนี้ คนของสำนักวิญญาณชาดจึงประกาศกร้าวว่า หากสำนักเร้นสวรรค์ไม่ย้ายออกไปภายในสามวันจะถูกสังหาร!
ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ ผู้ที่อ่อนแอแม้แต่สิทธิ์ต่อต้านก็ไม่มี!
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ จี๋อวิ๋นก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย สำนักวิญญาณชาดกระจอกงอกง่อยเช่นนี้ กลับกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าเขา
ซูชิงเมิ่งไม่รู้ว่าจี๋อวิ๋นในตอนนี้หาใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป
นางเห็นว่าจี๋อวิ๋นไม่ตอบสนองจึงยิ่งร้อนใจ กำลังจะใช้กำลังบังคับพาเขาออกไป
ในยามนั้นเอง กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งพุ่งลงมาจากเบื้องบน ราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก โหมกระหน่ำไปทั่ว
ขณะเดียวกันก็มีเสียงเย็นชาตามมา ราวกับ…ประกาศิตเทพ!
“ครบกำหนดสามวันแล้ว เหล่าสมาชิกสำนักเร้นสวรรค์ที่เหลือจงรับความตายเสีย!”