ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 10 นับแสน
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 10 นับแสน
ตู้ม!
อาวุธกึ่งราชันปราชญ์ทั้งสองปะทะกันดุจดั่งเทพช่างตีเหล็ก คลื่นยักษ์ซัดสาดถล่มท้องฟ้า พลังอันน่าสะพรึงกลัวทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง!
เคร้ง!
ทันใดนั้น คันฉ่องมารสวรรค์ก็สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ปรากฏรอยร้าวจากบนลงล่าง
ในที่สุด รอยร้าวก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งคันฉ่อง
เพียงพริบตา คันฉ่องก็แตกสลาย!
เศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจาย ทะลุผ่านความว่างเปล่า
“เป็นไปไม่ได้ คันฉ่องมารสวรรค์แตกสลาย!”
ฉือซงจื่อมีสีหน้าตื่นตระหนก ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
นี่เป็นสมบัติเวทที่ประมุขสำนักมารในอดีตหลอมขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นช่วงที่อีกฝ่ายอยู่ในระดับราชันปราชญ์ แต่ก็มิใช่ของธรรมดา
ทว่ากลับถูกหอกสงครามเล่มเดียวทำลาย!
เขาไม่อาจยอมรับได้
เขาหารู้ไม่ว่า ยุทธภัณฑ์ของทหารสวรรค์เหล่านี้ แท้จริงแล้วเป็นถึงอาวุธเซียน
แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพถูกผนึก เมื่อความแข็งแกร่งของทหารสวรรค์เพิ่มขึ้น การผนึกก็จะค่อย ๆ คลายออก มิอาจเทียบเคียงกับสมบัติเวทเล็กจ้อยเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ฉือซงจื่อไม่มีเวลาตกตะลึงอีกต่อไป เพียงพริบตา หอกสงครามเล่มนั้นก็พุ่งเข้ามาใกล้
ฉึก!
การโจมตีที่รวบรวมพลังของยอดฝีมือระดับปราชญ์ยี่สิบคน ฉือซงจื่อมิอาจต้านทานได้
หากเป็นการโจมตีร่วมกันของปราชญ์ยี่สิบคนธรรมดา พลังทำลายล้างคงไม่มากมายถึงเพียงนี้
แต่พวกเขาเป็นทหารสวรรค์แห่งวังสวรรค์ เป็นกองทัพที่ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วน วิชาโจมตีร่วมกันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา
พลังของปราชญ์ยี่สิบคนหลอมรวมกัน มิใช่แค่การเพิ่มพลังทับซ้อน!
ดังนั้น เพียงพริบตา ร่างกายและดวงวิญญาณของฉือซงจื่อก็ถูกทะลุ!
“ไม่!”
ฉือซงจื่อได้แต่ส่งเสียงคำรามอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะสิ้นใจตาย
ติ๊ง!
“สังหารราชันปราชญ์หนึ่งคน ได้รับ 1,000 แต้มการบำเพ็ญ”
ทันใดนั้น เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหูของจี๋อวิ๋น
ทำให้เขาตกตะลึง
“1,000 แต้มการบำเพ็ญหรือ”
จี๋อวิ๋นจำได้ว่า หากต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดเหล่านี้ ต้องสังหารผู้บำเพ็ญที่มีระดับเดียวกันหรือสูงกว่า เพื่อรับแต้มการบำเพ็ญ
“ระบบ 1,000 แต้มการบำเพ็ญ เพิ่มความแข็งแกร่งได้เท่าใด”
จี๋อวิ๋นถามทันที
[เรียนเจ้าภาพ สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของทหารสวรรค์หนึ่งนายให้เทียบเท่าระดับราชันปราชญ์ได้]
“เป็นไปตามที่ข้าคาดไว้”
จี๋อวิ๋นไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เพราะแต้มการบำเพ็ญนี้ได้มาจากการสังหารราชันปราชญ์ การยกระดับปราชญ์หนึ่งคนสู่ระดับราชันปราชญ์ ถือว่าสมเหตุสมผล
แต่จี๋อวิ๋นไม่ได้ใช้แต้มการบำเพ็ญในทันที เพราะตอนนี้เขามีทหารสวรรค์ที่เทียบเท่าระดับปราชญ์ถึงสามพันนาย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เก็บแต้มการบำเพ็ญไว้ก่อน รอโอกาสไว้ค่อยยกระดับพร้อมกัน
“เอาล่ะ ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว…”
ในใจของจี๋อวิ๋นเต็มไปด้วยความยินดี
หลังจากทำลายสำนักวิญญาณชาด สมบัติฟ้าดินทั้งหมดก็ตกเป็นของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีฉือซงจื่อและกายาเทพสุริยันผู้นั้น สามารถสกัดวัสดุหุ่นเชิดชั้นดีออกมาได้
ทันใดนั้นจี๋อวิ๋นก็ควบคุมทหารสวรรค์บินเข้าไปในสำนักวิญญาณชาด
ตอนนี้สำนักวิญญาณชาดเหลือเพียงคนไม่กี่คนเพราะฉือซงจื่อ
ภายใต้รัศมีอันยิ่งใหญ่ พวกเขาได้แต่ตัวสั่น คุกเข่าลงกับพื้น ไม่อาจทำอะไรได้
ไม่นาน หุ่นเชิดทหารสวรรค์ก็กวาดล้างสำนักวิญญาณชาดจนสะอาดเกลี้ยงเกลา ของมีค่าทั้งหมดที่สามารถแลกเป็นแต้มต้นกำเนิดได้ พวกเขามิได้ปล่อยให้หลุดรอดไป
ต่อมา จี๋อวิ๋นก็ควบคุมหุ่นเชิดทหารสวรรค์นายหนึ่ง นำศพของฉือซงจื่อและกายาเทพสุริยันมารวมกัน
กายาเทพสุริยันผู้นี้เป็นลูกหลานของฉือซงจื่อ ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกฝังเมล็ดเคราะห์
เรื่องนี้นับว่าโชคดี มิเช่นนั้นคงไม่สามารถสกัดวัสดุหุ่นเชิดออกมาได้
ส่วนสาเหตุการตายของอีกฝ่าย แน่นอนว่าถูกจี๋อวิ๋นสังหาร
กายาเทพที่ยังไม่เติบโต เบื้องหน้าปราชญ์หาใช่คู่มือไม่
ติ๊ง!
“สกัดวัสดุหุ่นเชิด [กายาวิญญาณอัคคีโชติแต่กำเนิด]!”
“สกัดวัสดุหุ่นเชิด [กายาเทพสุริยัน]!”
พร้อมกับเสียงแจ้งเตือน กลุ่มแสงสีแดงสองกลุ่มก็พุ่งออกมาจากร่างของฉือซงจื่อและกายาเทพสุริยัน
ความสว่างของทั้งสองกลุ่มแตกต่างกัน เห็นได้ชัดว่ากายาเทพสุริยันนั้นสว่างไสวกว่า ราวกับดวงอาทิตย์ดวงน้อย
หลังจากเก็บวัสดุหุ่นเชิดทั้งสองไว้ จี๋อวิ๋นก็ควบคุมหุ่นเชิดจากไป
ณ ที่ไกลโพ้น จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิงกล่าวว่า “ไปกันเถิด”
สิ้นคำกล่าว กู้ชิงเฟิงก็รู้สึกถึงเสียงลมหวีดหวิวข้างหู เห็นได้ชัดว่ากำลังบินด้วยความเร็วสูง
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง สำนักวิญญาณชาดที่รุ่งเรืองเป็นถึงขุมอำนาจระดับห้า กลับถูกทำลายในชั่วพริบตา
วังสวรรค์แห่งนี้ สมกับเป็นขุมอำนาจที่สืบทอดมาจากยุคอมตะ น่าพรั่นพรึงยิ่งนัก
“ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าภายในวังสวรรค์ของพวกเรามีทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์มากมายเพียงใด”
กู้ชิงเฟิงอดถามขึ้นไม่ได้
เฟยเผิงเหลือบมองกู้ชิงเฟิง ทำให้เขารู้สึกใจสั่น รีบกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่สงสัย ผู้อาวุโสจะบอกหรือไม่ก็ได้”
“มิใช่เรื่องใหญ่ ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าตอนที่วังสวรรค์ปราบราชันอสูรไร้เทียมทานในอดีต เคยส่งทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์ลงมานับแสนนาย”
สิ้นคำกล่าว เฟยเผิงก็เร่งความเร็วทันที พายุหมุนโหมกระหน่ำ หายไปจากที่เดิม
ตอนนี้กู้ชิงเฟิงไม่รู้สึกถึงสิ่งใด สมองว่างเปล่า มีเพียงประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหัว ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์นับแสนนาย!
ชายชราไป๋อวี่ก็เช่นกัน เขาตกตะลึงจนดวงวิญญาณสั่นสะเทือน ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
ทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์นับแสนนาย หมายความว่าอย่างน้อยก็มียอดฝีมือระดับปราชญ์ถึงแสนคน!
สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกัน พลังเช่นนี้ เพียงพอที่จะกวาดล้างห้ามหามณฑลเทพได้ทั้งห้าแห่ง!
เว้นแต่ว่าขุมอำนาจทั้งหมดในห้ามหามณฑลเทพจะร่วมมือกัน หรือแม้แต่ใช้อาวุธเทพยอดมรรคาถึงจะมีโอกาสปราบปรามได้
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่พลังทั้งหมดของวังสวรรค์ เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น!
“วังสวรรค์…”
ชายชราไป๋อวี่พึมพำในใจ ขุมอำนาจที่น่ากลัวเช่นนี้จากยุคอมตะปรากฏตัวในยุคสมัยนี้ คงต้องมีแผนการบางอย่าง
“หรือว่าจะเป็นเรื่องเส้นทางสู่สวรรค์ในตำนาน…”
เทพแท้กลไกสวรรค์เคยทำนายทายทักไว้ว่า เส้นทางสู่สวรรค์จะปรากฏขึ้นในยุคสมัยนี้
เมื่อถึงเวลานั้น สิ่งมีชีวิตก็จะมีโอกาสขึ้นสวรรค์ ไปยังโลกเบื้องบนอันสูงส่ง!
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตำนาน ไร้หลักฐาน
ชายชราไป๋อวี่คิดไม่ออกว่ามีสิ่งใดที่สามารถทำให้วังสวรรค์ปรากฏตัวได้!
“ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด นี่คือโอกาสของข้า! ไม่คิดว่าข้าจะได้รับผลประโยชน์จากศิษย์ของตัวเอง”
ชายชราไป๋อวี่กล่าวในใจ
……………
เมื่อจี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดจากไป สำนักวิญญาณชาดอันกว้างใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด เหลือเพียงคนไม่กี่คนที่รอดชีวิต
สำนักวิญญาณชาดที่เคยรุ่งเรือง กลับกลายเป็นซากปรักหักพัง
ทันใดนั้น แสงสว่างหลายสายพุ่งมาจากขอบฟ้า ไม่นานก็มาถึงใกล้ ๆ
เป็นชายสองคน หญิงหนึ่งคน ปลดปล่อยรัศมีบริสุทธิ์ออกมา
พวกเขาล้วนมาจากขุมอำนาจที่อยู่ติดกับสำนักวิญญาณชาด เป็นขุมอำนาจระดับห้าเช่นเดียวกัน
เพราะสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว จึงรีบรุดหน้ามา
ตอนนี้ทั้งสามคนมองดูสำนักวิญญาณชาดที่กลายเป็นซากปรักหักพังด้วยความตกตะลึง
“ตั้งแต่พวกเราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจนกระทั่งมาถึงที่นี่ ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ กลับทำลายสำนักวิญญาณชาดจนราบคาบ”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเพิ่งพบเศษชิ้นส่วนพิเศษบางอย่าง หากคาดไม่ผิด น่าจะเป็นคันฉ่องมารสวรรค์ของฉือซงจื่อ อาวุธกึ่งราชันปราชญ์ กลับถูกทำลายจนแตกสลาย เหลือเชื่อยิ่งนัก!”
หญิงสาวชุดกระโปรงยาวที่ถือเศษชิ้นส่วนของคันฉ่องมารสวรรค์ไว้ในมือ กล่าวด้วยความตกตะลึง