บทที่ 47 เรื่องราวที่เหลือเชื่อ
มือปราบเฟิงไม่คาดคิดว่าจินอันจะเดาเรื่องราวทั้งหมดออกได้เร็วขนาดนี้
ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม
เมื่อนึกถึงว่าคุณชายจินอันที่สามารถคลี่คลายคดี ‘"คดีฆาตกรรมของเซียนอัศนี’ และ ‘คดีจมน้ำ’ ได้ มือปราบเฟิงก็รู้สึกเข้าใจทันที
“...นี่คือเหตุผลที่ข้ารีบรบกวนคุณชายจินอันและท่านอาจารย์เต๋าเฉินตั้งแต่เช้า และพาท่านทั้งสองมาที่จวนของมือปราบเจิ้งไงล่ะขอรับ”
"พูดตามตรง หากไม่เห็นของพวกนี้อยู่ตรงหน้า ข้าเองก็ยากที่จะเชื่อเรื่องพวกนี้เหมือนกัน เพราะ...มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป"
มือปราบเฟิงถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาหลังจากที่พวกเขาแยกกันเมื่อคืน
แท้จริงแล้ว
เมื่อคืนหลังจากที่มือปราบเฟิงกลับไป เขาก็ตัดสินใจที่จะสืบสวนสหายร่วมงานทันที และได้เรียกเหล่าคนสนิทที่ไว้ใจได้มาช่วย
จากนั้นก็แบ่งคนออกเป็นหลายกลุ่ม
กลุ่มหนึ่งไปเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเจิ้งหยวนหูที่วัดเวนหวู่
อีกกลุ่มหนึ่งไปตรวจสอบเอกสารและสืบสวนความสัมพันธ์ของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเจิ้งหยวนหู่
อีกกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าดูความเคลื่อนไหวทุกอย่างที่จวนของเจิ้งหยวนหู่
ยิ่งไปกว่านั้น มือปราบเฟิงยังเสี่ยงอันตรายด้วยตัวเอง โดยแอบเข้าไปในจวนของเจิ้งหยวนหู่ในช่วงเช้าตรู่ ขณะที่พ่อบ้านออกไปซื้อของ และไม่มีใครอยู่ในจวน
เนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับเจิ้งหยวนหู่ซึ่งเป็นคนเก่งกาจ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง ดังนั้น มือปราบเฟิงจึงไม่กล้าให้เหล่าคนสนิทที่จับกุมแต่พวกนักพนันและอันธพาลธรรมดาๆ เข้าไปสืบในจวนของเจิ้งหยวนหู่ กลัวว่าจะทำภารกิจล้มเหลว และทำให้เจิ้งหยวนหูระแวงตัว
การแอบเข้าไปของมือปราบเฟิงเป็นไปอย่างราบรื่น
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่จวนของเจิ้งหยวนหู่ เขาจึงตรงไปที่ห้องนอนของเจิ้งหยวนหู่ทันที เพื่อทำการตรวจสอบ
ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่จินอันคาดการณ์ มือปราบเฟิงพบความผิดปกติในห้องนอนของเจิ้งหยวนหู่ รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว แล้วตัดสินใจควบคุมคนพ่อบ้านไว้ทันที และสอบถามว่าช่วงนี้เจิ้งหยวนหู่มีพฤติกรรมแปลกไปหรือไม่
พ่อบ้านตกใจกลัวมาก ไม่เคยเห็นเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการเยอะแยะขนาดนี้มาก่อน จึงเล่าทุกอย่างออกมาหมด
ความจริงแล้ว พ่อบ้านนั้นก็เริ่มสงสัยมือปราบเจิ้งมานานแล้ว
แต่เขาก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น จะให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนายสั่ง หากไปพูดมากหรือไปสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป ก็จะเดือดร้อนเอาได้
จากการที่พ่อบ้านให้ข้อมูลมา เรื่องราวทั้งหมดน่าจะเริ่มขึ้นเมื่อประมาณสิบวันก่อน
วันหนึ่ง ขณะที่กำลังกวาดลานบ้านหลังจากที่มือปราบเจิ้งออกไป เขาได้กลิ่นเหม็นเน่าคล้ายเนื้อหมูเน่าออกมาจากห้องของมือปราบเจิ้ง
แต่มือปราบเจิ้งเป็นคนระเบียบมาก และห้องก็ปิดล็อก เขาจึงเข้าไปไม่ได้ คิดว่ามือปราบเจิ้งน่าจะซื้อเนื้อหมูมาแล้วลืมเอาไปไว้ในครัว
ดังนั้นตอนแรกเขาจึงไม่ได้สงสัยอะไร
แต่พอผ่านไปสองสามวัน ทุกครั้งที่เขากวาดลานบ้านและเดินเข้าใกล้ห้องของมือปราบเจิ้ง ก็จะได้กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนเนื้อหมูเน่าทุกครั้ง
แปลกที่มือปราบเจิ้งเหมือนจะไม่ได้กลิ่นเหม็นในห้องเลย เนื้อหมูเน่ายังคงอยู่ภายในห้อง
พอบ้านคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ หากเป็นเนื้อหมูเน่าจริงๆ ก็ต้องรีบเอาไปทิ้งเสีย เพราะอากาศเริ่มร้อนขึ้น และจะมีแมลงวันมากขึ้น แต่ช่วงนั้นมือปราบเจิ้งออกไปทำงานนอกบ้านแต่เช้าและกลับดึก เขาจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุย
ต่อมา เขาจึงตั้งใจนอนเร็วตื่นเช้า เพื่อรอมือปราบเจิ้งที่กำลังจะออกไปทำงาน
พ่อบ้านจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา
ตอนนั้นมือปราบเจิ้งก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก
เพียงแต่บอกว่าจะเอาเนื้อหมูเน่าไปทิ้ง
แต่ที่แปลกก็คือ ในวันนั้นเองที่รอเมือปราบจิ้งได้ก่อนเข้าไปทำงาน พ่อบ้านกลับได้กลิ่นเหม็นเน่าคล้ายเนื้อหมูเน่าที่แรงกว่าในห้อง ออกมาจากตัวของมือปราบเจิ้งเสียเอง...
แต่หลังจากวันนั้น กลิ่นเหม็นในห้องของมือปราบเจิ้งก็หายไป พ่อบ้านคิดว่าเมื่อวานที่ได้กลิ่นจากตัวมือปราบเจิ้ง อาจเป็นเพราะมือปราบเจิ้งกำลังจะไปทิ้งเนื้อหมูเน่า แม้ว่าจะไม่ได้เห็นมือปราบเจิ้งถืออะไรอยู่เลยก็ตาม
จนกระทั่งมือปราบเฟิงมาหา พ่อบ้านเฒ่าที่สายตายังไม่ค่อยดีนักจึงได้รู้ความจริง และตกใจจนเกือบล้ม
หลังจากกลิ่นเหม็นในห้องของมือปราบเจิ้งหายไป ก็เริ่มมีกลิ่นน้ำหอมและแป้งฝุ่นของสตรีหอมฟุ้งออกมาจากห้องทุกวัน
ตอนแรกคนพ่อบ้านคิดว่ามือปราบเจิ้งคงมีสตรีแอบมาหาตอนที่เขาหลับ แต่ไม่กี่วันต่อมา เขาก็สังเกตเห็นว่ามือปราบเจิ้งเปลี่ยนไปมาก ชอบทาแป้งและลิปสติกของสตรีที่หน้า คอ และมือ ทุกวันก่อนออกจากเรือน
และตัวเขาก็มีกลิ่นน้ำหอมติดตัวแรงมาก
มือปราบเจิ้งที่ตัวใหญ่ล่ำสัน กลับแต่งตัวประดับประดาจนดูสวยงามกว่าสตรีเสียอีก...
มือปราบเฟิงเว้นช่วงไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "จากคำบอกเล่าของพ่อบ้าน พฤติกรรมของมือปราบเจิ้งเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่กลับมาจากการปราบปรามพรรคพวกของหลีไซ่เหลียงซานที่หมู่บ้านชางปัน"
"และยังมีข้อสงสัยสำคัญอีกประการหนึ่ง พ่อบ้านบอกว่ามือปราบเจิ้งออกไปทำงานนอกบ้านตลอด แต่ข้าไปถามสหายร่วมงานในสำนักงานเขตแล้ว พบว่าช่วงนี้ไม่มีคดีสำคัญให้มือปราบเจิ้งไปสืบสวน"
"ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า แล้วช่วงกลางวันมือปราบเจิ้งไปไหน?"
"ข้าถามคนที่ไปเฝ้าดูวัดเวนหวู่ พวกเขาบอกว่ามือปราบเจิ้งได้มอบหมายให้คนอื่นดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งหมด และบอกว่าตัวเองกำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญของการฝึกฝน ต้องขอความสงบ ไม่ให้ใครมารบกวน และขังตัวเองอยู่ในห้องตั้งแต่เช้าจนเย็น"
"หลังจากกลับมาจากหมู่บ้านชานผาน มือปราบเจิ้งก็เปลี่ยนไปมาก แทบจะไม่เห็นตัวเลย สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ข้าต้องสงสัยว่าอาจจะมีเรื่องเหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง..."
"จึงเป็นที่มาของการเชิญท่านทั้งสองมาในวันนี้ เพื่อมาดูว่าตอนนี้มือปราบเจิ้งยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือกลายเป็นผีไปแล้ว และยังมีโอกาสช่วยมือปราบเจิ้งกลับมาหรือเปล่า"
เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าของมือปราบเฟิงก็ดูซับซ้อน
เป็นความรู้สึกโศกเศร้าของจอมยุทธ์ที่ต้องสูญเสียสหายร่วมอุดมการณ์
ไม่ว่าอย่างไรเขากับมือปราบเจิ้งก็เป็นสหายร่วมงานกันมาหลายปี มือปราบเจิ้งก็เก่งกาจไม่แพ้เขาเท่าไหร่ แต่กลับต้องมาตายอย่างน่าอนาถ...
ที่สำคัญคือตายเพราะผีสางนางไม้แบบนี้ ตายอย่างไม่รู้สาเหตุ
เมื่อได้ฟังคำพูดของมือปราบเฟิงแล้ว ผู้อาวุโสลัทธิเต๋าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง และเริ่มตรวจสอบห้องของเจิ้งหยวนหู่อย่างละเอียด
ในขณะเดียวกัน จินอันก็แสดงสีหน้าครุ่นคิด
เขาเคยอ่านเรื่องราวคล้ายๆ กันนี้ในหนังสือ ‘บันทึกแห่งกวงผิงสังเคราะห์ขวา’ เรื่องนั้นชื่อว่า "ผีหายใจ"
"คุณชายจินอัน คิดอะไรออกงั้นหรือขอรับ?" มือปราบเฟิงที่สังเกตคนเก่ง เห็นว่าจินอันอาจจะค้นพบอะไรบางอย่าง จึงถามด้วยเสียงเบาๆ กลัวจะรบกวนความคิดของจินอัน
จินอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า "ท่านทั้งสองเคยได้ยินเรื่องผีหายใจหรือไม่ขอรับ?"
"ก็คือคนที่ตายอย่างอยุติธรรม หลังตายจะมีลมหายใจติดค้างอยู่ในคอ บางที่ก็เรียกว่าความคับแค้นใจ เพราะคนตายหายใจไม่ออก มีแต่คนเป็นเท่านั้นที่หายใจได้"
"นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมือปราบเจิ้งถึงไม่ได้กลิ่นเหม็นของตัวเอง จนกระทั่งคนพ่อบ้านเตือน แล้วเขาก็ไปซื้อแป้งกับลิปสติก(ขอทับศํพย์นะครับ) มาปิดบังกลิ่นศพ เพราะคนตายหายใจไม่ออก แน่นอนว่าจะไม่ได้กลิ่นของตัวเอง"
จินอันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า ‘ข้าคิดว่ามือปราบเจิ้งตายไปแล้วตั้งแต่แรกแล้ว มือปราบเฟิงไม่ต้องหวังอะไรมากแล้ว"
"ตอนนี้มือปราบเจิ้งกลายเป็นศพถูกผีเข้าแล้ว ยังคงแกล้งทำเป็นคนอยู่ และยังคงทำตามกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม เพื่อให้ทุกคนไม่ระแวง"
หรือว่าจะเป็นคนเจาะกระดาษเข้าไปสิง
ในใจของจินอันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้พูดออกมา
"มือปราบเฟิงคิดจะจัดการกับมือปราบเจิ้งคนทรยศผู้นี้อย่างไรหรือขอรับ?" จินอันหันไปถามมือปราบเฟิง
(จบบท)