บทที่ 21 หุบเหวประหลาด
บทที่ 21 หุบเหวประหลาด
เลขาธิการซุนเมื่อเห็นจงจุนรู่แสดงปฏิกิริยาอย่างรุนแรง เขาก็ไม่หยุดเธออีกต่อไป “โอเค โอเค ไม่มีอันตรายใดๆ ในหุบเหวแห่งนี้อยู่แล้ว ถือว่ามันเป็นการทดสอบก็แล้วกัน”
หลังจากพูดเช่นนั้น เลขาธิการซุนก็มองไปที่หลินหยวนและจางฟานอีกครั้ง
“พวกคุณสองคนผ่านป่าก็อบลินในความยากระดับนรกได้แล้วเหรอ อาจารย์ใหญ่หลี่บอกพวกคุณทั้งคู่แล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่ว่านายกเทศมนตรีไม่เห็นคุณค่าของพวกคุณทั้งสองนะ แต่เป็นเพราะว่าปีนี้มีนักเรียนที่ดีเด่นมากเกินไปและจำนวนที่นั่งก็มีจำกัด..
..หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว นายกเทศมนตรีได้ตัดสินใจกำหนดโควตาที่นั่งของเมล็ดพันธุ์อัจฉริยะในลักษณะนี้”
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลินหยวนไม่มีการแสดงออกอื่นใดอีก เลขาธิการซุนจึงพูดอีกสิ่งหนึ่ง
“ฉันมั่นใจในตัวพวกเธอทั้งสองคนมาก ความยากระดับนรกของป่าก็อบลินทำให้ผู้เริ่มต้นได้แต่เงยหน้ามอง แต่พวกเธอทั้งสองคนก็ผ่านมันมาได้ ฉันเชื่อว่าพวกเธอจะทำผลงานได้ดีในหุบเหวอเวจีแห่งนี้”
จากนั้นเลขาธิการซุนก็กล่าวเสริม
“แน่นอนว่าในหุบเหวอะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ว่าครั้งนี้พวกคุณจะไม่ได้เข้ารอบสามอันดับแรก แต่นายกเทศมนตรีก็สัญญาว่าคุณจะสามารถเป็นเมล็ดพันธุ์ระดับ A ได้ นี่เป็นการยกย่องคุณสำหรับการทำผลงานให้เมืองเทียนเฟิง”
เลขาธิการซุนกล่าวจบ
หลินหยวนยกคิ้วขึ้น
ความประทับใจของเขาต่อนายกเทศมนตรีจงไป๋ดีขึ้นนิดหน่อย
แต่ก็ต้องชื่นชมศิลปะการพูดของบุคคลนี้
ก่อนอื่น เขาชื่นชมหลินหยวนและเชื่อว่าพวกเขาจะบรรลุอันดับตามความแข็งแกร่งของพวกเขา
จากนั้นเขาก็วางรากฐานไว้ว่า ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอันดับหรือไม่ แต่นายกเทศมนตรีได้จัดเตรียมที่นั่งที่สำคัญไว้แล้ว
แม้ว่าหลินหยวนจะเคยมีอคติมาก่อนก็ตาม แต่ข้อโต้แย้งเหล่านั้นก็จะหายไปหลังจากฟังคำพูดของเลขาธิการซุน
“ผู้ชายคนนี้ฉลาดมาก!” หลินหยวนคิดกับตัวเอง
หลินหยวนจึงตอบอย่างไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งว่า “ขอบคุณท่านเลขาธิการซุน ฉันแค่ทำสิ่งที่ควรทำเท่านั้น ฉันเกรงว่าครั้งนี้จะทำให้ท่านนายกเทศมนตรีจงผิดหวัง ข้าคิดว่าปล่อยให้คนอื่นเป็นผู้รับรางวัลเมล็ดพันธุ์ระดับ A ดีกว่า”
เลขาธิการซุนไม่มีสีหน้าใดๆ หลังจากได้รับคำตอบ แต่ก็มีความประหลาดใจแววขึ้นในดวงตาของเขาเช่นกัน
เลขาธิการซุนได้ร่วมงานกับจงไป๋มาหลายปีและได้พบเห็นอัจฉริยะรุ่นใหม่มากมาย แต่ไม่มีใครสามารถเป็นเหมือนหลินหยวนได้ในขณะนี้
คนอื่นๆ อาจจะสงวนท่าทีเมื่อพบเขา แต่หลินหยวนไม่เป็นแบบนั้น หลินหยวนพูดคุยกับเขาในลักษณะที่เท่าเทียมกัน
เรื่องนี้ทำให้เลขาซุนสงสัยว่า “จริงหรือไม่ที่ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ หรือเขาจะเป็นมังกรซ่อนตัวอยู่จริงๆ กันแน่”
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เลขาซุนควรสนใจในขณะนี้
ต่อมาเลขาธิการซุนก็ได้นำพวกเขาไปยังประตูหุบเหว
“นี่คือหุบเหวที่พวกคุณจะต้องท้าทายในครั้งนี้ เรียกว่าสวนแฟรี่ และ..”
เดิมทีเลขาธิการซุนต้องการที่จะให้คำแนะนำอย่างอื่น แต่เขาคิดว่าการให้ข้อมูลเบื้องต้นก็พอ
"สวนแฟรี่มีความยากสามระดับ: ปกติ ยาก และนรก เมื่อพิจารณาว่าพวกคุณล้วนเป็นผู้เริ่นต้นใหม่ที่เพิ่งตื่นขึ้น พวกคุณจำเป็นต้องท้าทายสวนแฟรี่ด้วยความยากระดับปกติเท่านั้น ยิ่งพวกคุณอยู่ในสวนแฟรี่นานเท่าไร พวกคุณก็จะได้รับคะแนนมากขึ้นเท่านั้น"
ความนัยก็คือว่าใครก็ตามที่ยืนหยัดได้นานกว่าก็จะเป็นอันดับหนึ่ง
“มีอะไรพิเศษอยู่ในเหวลึกนี้ เราจำเป็นต้องต่อต้านคลื่นของสัตว์อสูรหรือป่าว” จางฟานถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา
แต่เลขาธิการซุนไม่ตอบ เขากลับยิ้มอย่างลึกลับและพูดว่า “คุณจะรู้เองเมื่อคุณเข้าไปแล้ว”
เมื่อเข้าใกล้ประตูมิติของสวนแฟรี่ หลินหยวนก็มองไปที่ระดับความยากแล้วต้องการเลือกระดับความยากระดับนรก
ก่อนหน้านี้เลขาธิการซุนไม่ได้พูดสวนแฟรี่นั้นไม่ยากอย่างที่คิดหรือ?
ดังนั้นเขาสามารถเลือกความยากระดับนรกได้ใช่ไหม
และหลินหยวนรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูดบางอย่าง “เราได้ตกลงล่วงหน้าแล้วว่าฉันสามารถเลือกความยากได้ และถ้าพวกเธอไม่เห็นด้วย พวกเธอก็สามารถออกไปได้ ฉันจะไม่บังคับพวกเธอเด็ดขาด”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เลขาธิการซุนก็ขมวดคิ้วและคิดในใจว่า “ไอ้นี่คงไม่เลือกระดับความยากระดับยากหรอกใช่ไหม แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเล็กน้อยแต่เขาก็ยังเด็กและทนโกรธไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาอยากพิสูจน์ตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ”
จงจุนหรู่เหลือบมองหว่งเซว่และพูดอย่างหนักแน่น "ไม่ว่าจะยากแค่ไหน เราก็ไม่กลัว"
หลินหยวนแตะจมูกและคิดว่าหลังจากเข้าไปแล้วพวกเธอจะไม่กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวก็พอแล้ว จากนั้นเขาก็พูดว่า “โอเค เมื่อเข้ามาแล้ว พวกเธอต้องทำตามคำแนะนำของฉัน”
ตอนนี้หลินหยวนรู้สึกมีความสุขในใจลึกๆ โชคดีที่เขาไม่ได้ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับหญิงสาวทั้งสอง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เจอกับหุบเหวที่พิเศษเช่นนี้
เนื่องจากเป็นกัปตัน หลินหยวนได้เลือกระดับความยากและเดินเข้าไปแล้ว
ต่อมา จางฟานตามเขาเข้าไปในประตูมิติโดยสะพายทั้งกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็ก
เมื่อเห็นเช่นนี้จงจุนหรู่และหวังเซว่ก็เดินตามเขาไปด้วยขาที่เรียวยาวของพวกเธอ
หลังจากเห็นคนทั้งสี่เข้าไปในหุบเหวแล้ว เลขาธิการซุนก็ยิ้มออกมาในตอนแรก แต่เมื่อเขาเห็นความยากที่แสดงออกมา รอยยิ้มของเขาไม่สามารถฉีกออกได้ "ความยากระดับนรก!!!"
“พวกเขาเลือกความยากระดับนรกจริงๆหรือ?” ดวงตาของเลขาธิการซุนแทบจะหลุดออกจากเบ้า และจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก
หุบเหวสวนแฟรี่มีอยู่มาหลายปีแล้ว แต่ความยากระดับนรกไม่เคยถูกพิชิตได้เลย พวกเขาจะเลือกระดับความยากระดับนรกได้อย่างไร?
“แย่แล้ว..” เลขาธิการซุนคิดว่าต้องรายงานแล้ว
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหานายกเทศมณตรีอย่างรวดเร็ว
หลังจากพูดสิ่งนี้ออกไปแล้ว น้ำเสียงของจงไป๋ก็สงบมาก "ฉันรู้แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าสู่หุบเหวไปแล้ว ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับชะตากรรมของพวกเขาแล้ว เราไม่สามารถทำอะไร"
ในความยากระดับนรกนั้น มีเพียงสองทางเลือกที่จะสามารถออกมาได้ นั่นคือ เอาชนะบอสของหุบเหวและออกมาอย่างปลอดภัย หรือถูกสัตว์อสูรฆ่าและนอนตายอยู่ที่นั่น ไม่มีทางเลือกที่สาม
หลังจากวางสายแล้ว เลขาธิการซุนมองไปที่ประตูมิติที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แล้วพึมพำกับตัวเองว่า "คนๆ นั้นคือคนที่ถูกหอคอยศักดิ์สิทธิ์เลือกงั้นหรือ?"
ภายในหุบเหว
[คุณได้เข้าสู่สวนแฟรี่ (ความยากระดับนรก]
[ความเสียหายของคุณลดลง 99%]
[การมาถึงของคุณดึงดูดความสนใจของเครซี่บ็อซ]
มีเสียงเตือนหลายเสียงดังขึ้นในหูของหลินหยวน
สิ่งนี้ทำให้หลินหยวนรู้ว่าคราวนี้เป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับหุบเหวแห่งนี้เสียแล้ว
ไม่ถึง 3 วินาทีหลังจากเข้ามาในหุบเหว หลินหยวนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น "ความยากระดับนรก!"
เป็นหวังเซว่ที่พูดออกมา เธอเพิ่งตระหนักถึงสิ่งนี้หลังจากเข้ามาในหุบเหว ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
ปฏิกิริยาของหวังเซว่ดูจะมากเกินไปหน่อยสำหรับหลินหยวนและจางฟาน
“มันก็แค่ความยากระดับนรกไม่ใช่เหรอ? มันยากตรงไหน? ไม่ใช่ว่าพวกเราพี่น้องไม่เคยพิชิตมันมาก่อนเหรอ? ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่พวกเราอยู่ที่นี่ ไม่ว่าสัตว์อสูรในหุบเหวมีมามากแค่ไหน เราก็สามารถฆ่าพวกมันได้”
จางฟานปลอบใจเขาแล้วถามว่า "พวกเธอทั้งสองรู้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเหวแห่งนี้ไหม?"
อารมณ์ของหวังเซว่สงบลงแล้ว และเธอหันไปมองจงจุนหรู่
ฝ่ายหลังคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงบอกข้อมูลที่เธอรู้ออกมา
“สวนแฟรี่ไม่ใช่หุบเหวที่ต้องต่อสู้ มีแฟรี่มากมายอยู่ในนี้..
หากเราต้องการที่จะอยู่ในหุบเหวนี้ให้นานขึ้น เราจำเป็นต้องทำภารกิจของแฟรี่ให้สำเร็จตรงเวลา..
ถ้าพวกเราไม่สามารถทำภารกิจของแฟรี่ให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด หรือก็อบลินก็สามารถฆ่าพวกเราได้ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้”
ตามความหมายของจงจุนหรู่กล่าวไว้นั่นคือสวนแฟรี่คือหุบเหวที่มีภารกิจมากมาย จะไม่มีการต่อสู้ใดๆ เกิดขึ้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะได้รับสถานะเชิงลบที่ลดความเสียหายลง 99%
“แล้วเราจะไปทำภารกิจที่ไหนล่ะ?” หลินหยวนถามขึ้น
ก่อนที่จงจุนหรู่จะตอบได้ เสียงแหลมก็ดังมาจากไม่ไกล
“พวกคุณเป็นคนงานใหม่เหรอ ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนั้น มากับฉันสิ”
เมื่อเสียงอันแหลมคมดังขึ้นพร้อมกับมีสัตว์อสูรตัวเตี้ยน่าเกลียดที่ดูเหมือนก๊อบลินเดินเข้ามา
[ผู้ดูแล] เลเวล 9
พลังชีวิต : 1500
พลังโจมตี : 300
คำอธิบาย: นี่คือสัตว์อสูรที่แม่มดสร้างขึ้นเพื่อเป็นผู้ดูแลการทำงานของก็อบลิน
แม้ว่าสัตว์อสูรจะปรากฎตัวขึ้น แต่ชื่อของมันจะปรากฎเป็นสีเหลือง ซึ่งหมายความว่าสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นสัตว์อสูรที่เป็นกลาง
สัตว์อสูรที่เป็นกลางจะมีสถานะพิเศษ นั่นคือตราบใดที่คุณไม่ริเริ่มโจมตีพวกมัน พวกมันก็จะไม่โจมตีคุณ
ผู้ดูแลปรากฏตัวต่อหน้าหลินหยวน เขาเอามือข้างหนึ่งค้ำเอวของเขาและถือแส้ไว้ในอีกข้างหนึ่ง และพูดอย่างเด็ดขาดว่า “มากับข้าเร็วเข้า มีงานมากมายรอพวกเจ้าอยู่”
ผู้ดูแลเดินนำหน้าไปและคนทั้งสี่ก็ตามเขาไป จางฟานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "เขาจะพาพวกเราไปที่ไหน?"
เมื่อหลินหยวนได้ยินคำพูดของจางฟาน เขาก็ส่ายหัว "อย่าเพิ่งพูด พวกเราจะรู้กันภายหลัง"
ผู้ดูแลที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงบ่นพึมพำจึงตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าไม่มีสิทธิพูดถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากข้า”
จากนั้นเขาได้ยกแส้ในมือขึ้นสูงและโบกมันไปทางสถานที่รกร้างแห่งหนึ่ง
“ครั้งหน้าข้าจะตีเจ้าด้วยแส้ในมือของข้า..”....
…………………..