ตอนที่ 485 หมาป่าเดียวดาย (ฟรี)
ตอนที่ 485 หมาป่าเดียวดาย
มันเป็นทะเลทรายไร้ขอบเขต มีสภาพแวดล้อมพิเศษ สถานที่อื่นๆ อาจเป็นสีเขียวหรือปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และหิมะหรือแม้แต่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโดยรอบ นี่เป็นทะเลทรายเพียงแห่งเดียวที่อยู่ท่ามกลางแดนอสูรอื่นๆ
มีคนไม่น้อยมาถึงที่นี่เพื่อรอแดนอสูรลับเปิดออก
เมื่อมองแวบแรก มีทั้งหมดเกือบพันคน โดยพื้นฐานแล้วอย่างน้อยสิบคนรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ หนึ่ง
จำนวนขั้นต่ำคือ สิบคน และกลุ่มขนาดใหญ่อาจประกอบด้วยคนหลายร้อยคน
พวกเขายืนอยู่ที่ด้านหน้าเพื่อรอให้แดนอสูรลับเปิด
เมื่อแดนอสูรลับเปิด กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดจะเข้าไปก่อน ส่วนกลุ่มที่อ่อนแอกว่าจะตามปทีหลัง
จากคิวเพียงอย่างเดียว ซูหยางสามารถบอกได้ว่ามีลำดับชั้นที่เข้มงวดที่นี่ กลุ่มผู้ฝึกฝนที่มีจำนวนนับร้อย มีอยู่ห้ากลุ่ม
พวกเขาอยู่ในแนวหน้าสุด กำลังรอให้แดนอสูรลับเปิด
หลังจากแดนอสูรลับเปิด พวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไป
ถัดมาคือ กลุ่มผู้ฝึกฝนที่มีคนประมาณห้าสิบคน
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่รองลงมา แต่ก็ไม่ใช่คนสุดท้าย
สุดท้ายคือกลุ่มที่มีคนประมาณ 10 คน พวกเขาอยู่ด้านหลังสุด แม้ว่าจะมีผู้ฝึกยีนระดับสี่ขั้นสูงสุด อยู่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก
ซูหยางมาที่นี่เพียงลำพังในเวลานี้ เขาคงเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด ตามกฎ ซูหยางควรจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้เข้าไป
ในขณะนี้ ผู้คนจำนวนมากในพื้นที่โดยรอบมองซูหยางด้วยสีหน้าแปลกๆ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาที่นี่เพียงลำพัง
ท้ายที่สุด หากต้องการได้รับทรัพยากรในโลกนี้ การทำงานเป็นกลุ่มเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนต้องรวมตัวกัน และหมาป่าหมาป่าเดียวดายอย่างซูหยางนั้นหาได้ยากยิ่ง
นอกจากนี้ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก แต่พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าซูหยางอาจเป็นคนสุดท้ายที่ได้เข้าสู่แดนอสูรลับ
ในเวลานั้น มีคนๆ หนึ่งเดินเข้ามาหา และพูดกับซูหยาง "สหาย เจ้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มของข้าหรือไม่ เจ้าจะได้มีความปลอดภัยมากขึ้น และเราจะได้ช่วยเหลือกัน”
เมื่อต้องเผชิญกับความปรารถนาดีของคนตรงหน้า ซูหยางก็ไว้หน้าอีกฝ่ายไม่น้อย
ซูหยางตอบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "ขอบเจ้าคุณสำหรับความมีน้ำใจของเจ้า แต่ข้าคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียวมากกว่า และไม่ชอบรวมกลุ่มกับใคร"
“ข้าจะรออยู่ที่นี่ การเข้าไปในตอนท้ายอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยก็รับประกันความปลอดภัยของข้าได้ ส่วนจะได้อะไรหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
ซูหยางสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อม และเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะโดดเด่น และยืนกรานที่จะรั้งท้าย
แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่ในแดนอสูรลับ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ฝึกยีนระดับห้าหลายคนอยู่รอบตัว และพวกเขาล้วนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ฝึกฝนที่มีจำนวนนับร้อย
ตอนนี้ พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อรอให้กลุ่มที่ตนสร้างนำผลประโยชน์มาให้ ซึ่งเทียบเท่ากับพวกเขาลงทุนในกลุ่มผู้ฝึกฝนระดับสี่เหล่านั้น
หากซูหยางแสดงความแข็งแกร่งออกมามากเกินไปในเวลานี้ มันอาจดึงดูดผู้ฝึกยีนระดับห้าเหล่านั้นให้รวมมือกันจัดการกับเขา
เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะถูกปราบปราม ไม่มีโอกาสเข้าไปในแดนอสูรลับ และทุกอย่างจะสูญเปล่า
ดังนั้นเขาจึงวางแผนรอให้ได้เข้าไปในแดนอสูรลับก่อนที่จะแสดงความแข็งแกร่งออกมา เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ฝึกยีนระดับห้าเหล่านั้นจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้
เมื่อออกมา ซูหยางก็น่าจะได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว
ในเวลานั้น แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ปฏิบัติตามกฎ และโจมตีเขาโดยตรง แต่นั่นก็ไม่สำคัญ
เมื่อได้รับสิ่งที่เขาต้องการแล้ว เขาจะเก็บมันไว้ในโลกหวู่เฮย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลอะไรอีก
ในเวลานั้น หากศัตรูลงมือจริงๆ เขาก็สามารถซ่อนตัวในโลกหวู่เฮยได้โดยตรง และคนเหล่านั้นจะไม่สามารถสัมผัสตัวเขาได้เลยแม้แต่น้อย
คนที่แสดงความปรารถนาดีต่อซูหยางหยุดความพยายามที่จะชักชวนเขาหลังจากเห็นทัศนคติของซูหยาง
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็แค่การตัดสินใจชั่วครู่ และการช่วยเหลือซูหยางไม่ได้เพื่อตัวอีกฝ่ายเองทั้งหมด
ถ้าซูหยางเข้าร่วมกลุ่ม อย่างน้อยกลุ่มของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น และความปลอดภัยก็จะมากขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้ซูหยางได้ปฏิเสธข้อเสนอ และไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วม
โดยธรรมชาติแล้ว เขาก็ไม่สามารถบังคับหรืออ้อนวอนอะไรได้ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังเป็นผู้นำกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องพยายามมากเกินไปในการชักชวนคนๆ หนึ่ง
เดิมที ผู้นำของกลุ่มอื่นๆ ก็ต้องการชักชวนซูหยางเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มของพวกเขาได้
แต่หลังจากที่เห็นซูหยางปฏิเสธกลุ่มๆ หนึ่ง กลุ่มอื่นๆ ก็ไม่คิดจะทำอะไรอีก และเพียงรออย่างเงียบ ๆ เพื่อรอให้แดนอสูรลับเปิดออก
ซูหยางก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่รออยู่กับที่
เป็นเช่นนี้ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ใจกลางทะเลทรายที่พวกเขาอยู่ก็สั่นสะเทือน
ทั่วทั้งทะเลทรายให้ความรู้สึกเหมือนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
จากนั้นรอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นี่
หลังจากรอยแยกมิติปรากฏขึ้น กลุ่มผู้ฝึกฝนที่อยู่หน้าสุดก็รีบเร่งเข้าไป
แต่ซูหยางไม่รีบร้อน เขารอให้ทุกคนเข้าไปก่อน
ดวงตาของเขาก็มองตรงไปที่รอยแยกมิติ
ภาพภายในรอยแยกไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่สะท้อนถึงสถานการณ์ภายใน
เขาจึงได้เห็นว่าภายในรอยแยกนั้นเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ในบริเวณนั้นกิ้งก่าสีฟ้าครามจำนวนหนึ่งกำลังเดินไปมา
นั่นน่าจะเป็นกิ้งก่าคราม สัตว์อสูรในแดนอสูรลับแห่งนี้
แต่เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าแค่รอยแยกมิติเปิดออกก็จะได้เห็นสัตว์อสูรที่อยู่ข้างในแล้ว ดูเหมือนว่าหลังจากปิดไปหนึ่งปี มันก็อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก สมเป็นแดนอสูระดับสูงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม แดนอสูรแห่งนี้เปิดปีละครั้ง การมีสัตวอสูรมากมายอยู่ในนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
เป้าหมายของซูหยางไม่ใช่กิ้งก่าครามเหล่านี้ แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ ต้นเหวินหลัน
น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นร่องรอยของต้นเหวินหลันผ่านรอยแยกนี้
แต่แม้ว่าเขาจะได้เห็นต้นเหวินหลันผ่านรอยแยก มันก็คงไม่ตกมาอยู่ในมือของเขา
แต่ถึงอย่างนั้น ซูหยางก็ไม่รีบร้อน แม้ว่าตอนนี้มันจะตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่เขาก็ยังคงสามารถปิดกั้นทางออกด้วยกองทัพวิญญาณพฤกษาเพลิง และสังหารผู้ฝึกฝนทั้งหมดได้ในคราวเดียว
บังคับให้พวกเขามอบต้นเหวินหลันให้ เพราะความแข็งแกร่งที่เขามี เขาไม่จำเป็นต้องสุภาพกับใคร
ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง เฉพาะผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากร และผู้อ่อนแอจะได้เพลิดเพลินกับทรัพยากรที่ผู้แข็งแกร่งไม่ต้องการเท่านั้น นี่คือ ข้อเท็จจริง
ซูหยางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มีผู้ฝึกยีนระดับห้า 5 คนอยู่บนนั้น พวกเขาใช้พลังแห่งยีนอันทรงพลังบินอยู่กลางอากาศ
คนทั้งห้านี้น่าจะเป็นผู้บงการเบื้องหลังห้ากลุ่มแนวหน้า
เป็นเพราะทั้งห้าคนนี้ เขาจึงเลือกที่จะเก็บงำพลังเอาไว้
หากเขาแสดงพลังอันเหนือชั้น ซูหยางจะได้รับอนุญาตให้เข้าเป็นคนแรกอย่างแน่นอน แต่เขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าการปิดกั้นของคนเหล่านี้ได้ด้วย
แม้ว่าเขาจะได้เข้าไปเป็นคนสุดท้าย เขาก็ไม่ได้รอนานนัก
แดนอสูรลับแห่งนี้น่าดึงดูดใจมากสำหรับผู้ฝึกฝนทุกคนที่อยู่ที่นี่
ในเวลาเพียงสามลมหายใจ คนอื่นๆ ก็เข้าไปจนหมดแล้ว และซูหยางก็ไม่รอช้า และตามเข้าไป
ในชั่วพริบตา ซูหยางก็เข้าสู่แดนอสูรลับ
นี่คือแดนอสูรลับระดับสี่ สภาพแวดล้อมภายในคือ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
หลังจากเข้ามา ซูหยางก็รีบวิ่งตรงไปยังส่วนลึก
ในขณะนี้ ผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ที่เข้ามาก่อนก็ทำแบบเดียวกันเขา ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าเฉพาะในส่วนลึกที่สุดเท่านั้นที่จะมีสมบัติล้ำค่าเป็นจำนวนมาก
คราวนี้ มีผู้ฝึกฝนประมาณห้าพันคนที่เข้ามาในแดนอสูรลับแห่งนี้
จำนวนนี้ไม่มาก ไม่ถึงหนึ่งในสิบของกองทัพวิญญาณพฤกษาเพลิงของซูหยาง
แต่แม้จะเข้ามาแล้ว ซูหยางไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียกวิญญาณพฤกษาเพลิงออกมา เขาแค่มุ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนกำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียกวิญญาณพฤกษาเพลิงออกมาในตอนนี้แต่จะชะลอความเร็วของเขาเท่านั้น
เนื่องจากผู้ฝึกฝนทุกคนที่เข้าในนี้ต้องการตรงไปยังส่วนลึก ผู้ที่อยู่ตรงทางเข้าจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้
ผู้ฝึกยีนระดับห้าเหล่านั้นก็จะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้รีบร้อน และยังคงรออยู่ที่เดิม
แดนอสูรลับจะเปิดเพียงสามวันเท่านั้น และทุกคนจะต้องออกมาหลังจากสามวันผ่านไป
ในเวลานั้น พวกเขาจะรอให้คนของตนส่งมอบผลประโยชน์มาให่
พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่าหากกลุ่มของพวกเขาได้รับสมบัติล้ำค่า มันจะไม่ถูกตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มอื่น เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรออยู่ที่นี่