ตอนที่ 29: อันตรายซ่อนเร้น
ตอนที่ 29: อันตรายซ่อนเร้น
หลังกลับมาจากตลาดนัดระหว่างเขา หวังฝูจึงปิดประตูอีกครั้งเพื่อมุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนวิญญาณ
การวาดยันต์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืนและไม่มีทางลัด แม้จิตเทวะของหวังฝูจะกลายเป็นวิญญาณยันต์ไปแล้ว แต่เขายังต้องใช้กระดาษยันต์เกือบหนึ่งร้อยแผ่นในการวาดยันต์ครั้งแรก ต้องใช้ความพยายามเกือบหนึ่งร้อยครั้งจึงจะวาดยันต์ใบแรกอย่างยันต์หนามปฐพีสำเร็จ
“ในที่สุดก็สำเร็จ มาดูกันว่าทรงพลังขนาดไหน”
หวังฝูมองยันต์สีเหลืองในมือขณะอดใจไม่ไหวที่จะเปิดใช้งานด้วยพลังวิญญาณ จากนั้นจึงขว้างในไปในลานกว้างด้วยจิตเทวะ
ยันต์หนามปฐพีส่องแสง แล้วหนามปฐพีขนาดใหญ่สี่อันจึงพุ่งขึ้นจากพื้นขณะตรงสู่ท้องนภา
พลังนี้เทียบเท่ากับพลังของวิชาหนามปฐพีที่ปลดปล่อยเองร้อยละเจ็ดสิบถึงแปดสิบ แล้วหวังฝูจึงเกิดความพึงพอใจ จากนั้นจึงอาศัยช่วงที่ยังมีไฟเพื่อวาดยันต์หลายสิบใบติดต่อกันจนกระทั่งสัมผัสได้ว่าจิตเทวะอ่อนแรงจนรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย จากนั้นจึงหยุดมือ โชคยังดีที่ทุกความพยายามมีรางวัล ซึ่งโอกาสในการทำสำเร็จยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยสิบใบสุดท้ายมีอัตราความสำเร็จถึงร้อยละห้าสิบ
“ต่อไปก็วาดวิชาควบคุมวายุ วิชาปกปิดลมหายใจ… รวมถึงหกวิชาทั้งหลายลงไปในยันต์”
เนื่องจากจิตเทวะอ่อนแรง วิธีที่สุดในการพักฟื้นก็คือการนอนหลับ
หวังฝูเข้าสู่ห้วงนิทราทันทีก่อนจะตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านไปครึ่งวัน โชคยังดีที่จิตเทวะฟื้นฟู้อย่างสมบูรณ์ ทำให้หวังฝูบังเกิดความประหลาดใจระคนยินดีเมื่อพบว่าจิตเทวะของเขาคล้ายกับพัฒนาขึ้นเล็กน้อย
“การวาดยันต์ใช้จิตเทวะจำนวนมาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะสามารถฝึกจิตเทวะได้เช่นกัน หากทำแบบนี้ซ้ำไปมา จิตเทววะของเราอาจจะแข็งแกร่งขึ้นก็ได้”
หวังฝูเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในอีกสิบวันต่อมา หวังฝูใช้เวลาจำนวนมากในแต่ละวันเพื่อวาดยันต์ นอกเหนือจากการฝึกฝนตัวเองและใช้หม้อขนาดเล็กเพื่อกลืนกินและขัดเกลาพืชพรรณทุกหนแห่ง ถึงอย่างไรของเหลววิญญาณไม้ดำก็มีจำกัดและต้องหมดลงในสักวัน
หลังจากกระดาษยันต์หมดลงแล้ว หวังฝูจึงเตรียมที่จะไปตลาดอีกครั้ง
ไม่เหมือนกับคราวที่แล้ว ครั้งนี้หวังฝูเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่เพียงแต่นำโต๊ะไม้ขนาดเล็กกับเก้าอี้มาเท่านั้น แต่ยังเตรียม “ของเหลววิญญาณไม้คราม” เกือบห้าสิบขวดอีกด้วย คราวนี้มันคือของเหลววิญญาณซึ่งทำจากพืชพรรณจากทั่วทั้งยอดเขาขนนกโบยบินจริง
ภายในตลาดนัดระหว่างเขายังคงเป็นสถานที่เดิม หวังฝูจึงรีบตั้งแผงขายของนอกจากคนเหลววิญญาณแล้ว เขายังนำยันต์จำนวนมากที่วาดเสร็จออกมาขายอีกด้วย ในบรรดาพวกมันถึงขั้นมียันต์ที่บันทึกไว้ใน “คัมภีร์ยันต์สวรรค์” รวมอยู่ด้วย
โต๊ะไม้ขนาดเล็กเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายขณะหวังฝูพร้อมที่จะแสวงโชคในครั้งนี้ เขามองผลงานชิ้นเอกอย่างพึงพอใจและกำลังจะนั่งลง เมื่อนั้นเสียงอันคุ้นเคยจึงดังขึ้นทันที
“ฮ่าฮ่า… ศิษย์น้อง เจ้าปล่อยให้ข้ารอเสียนาน”
หวังฝูเงยหน้าขึ้นก่อนจะพบร่างชุดขาวกำลังเคลื่อนฝูงชนด้วยสีหน้าตื่นเต้น ไม่ช้าเขาจึงมาหยุดอยู่ตรงหน้า หวังฝูจำได้ว่าคนผู้นี้เคยซื้อ “ของเหลววิญญาณไม้คราม” แปดขวดไปเมื่อคราวที่แล้ว นับว่าเป็นคนมีฐานะไม่เบา
หวังฝูคลี่ยิ้มทันที “ไม่ได้เจอศิษย์พี่เสียนาน”
“หมายความว่าอย่างไรที่ไม่ได้เจอเสียนาน ไม่รู้หรือว่าปราณวิญญาณใน ‘ของเหลววิญญาณไม้คราม’ ของจุ้คณภาพสูงมาก หลังจากใช้ไปแล้วมันดีกว่าโอสถบางแขนงเสียอีก ข้ารู้สึกว่ากำลังจะทะลวงได้แล้วหากใช้อีกสักสองสามขวด แต่พอมากลับมาที่ตลาดหลายครั้งก็ไม่เห็นหน้าเจ้าเลย ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาเสียอีก ทำเอาข้าใจหายใจคว่ำหมด” ชายหนุ่มในชุดสีขาวจับจ้องขวดดินเผาขนาดเล็กบนโต๊ะไม้ด้วยดวงตาทอประกาย
“ข้าเองก็ต้องฝึกฝนเหมือนกัน ส่วนการทำ ‘ของเหลววิญญาณไม้คราม’ ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก จะให้เทน้ำหลอกคนได้อย่างไรกัน” หวังฝูเอ่ยคำอย่างจริงจัง
“ฮ่าฮ่า… เป็นข้าที่รีบร้อนเอง” ชายหนุ่มชุดขาเอ่ยคำพลางหัวเราะ “ทั้งหมดนี้คือ ‘ของเหลววิญญาณไม้คราม’ ใช่หรือไม่?” เมื่อเห็นหวังฝูพยักหน้า เขาจึงนับทันที “เอามาให้ข้ายี่สิบขวด”
หวังฝูบังเกิดความยินดีขณะห่อ ‘ของเหลววิญญาณไม้คราม’ ยี่สิบขวดให้อีกฝ่าย ยี่สิบขวดมีมูลค่าเท่ากับหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อน ทำให้ได้กำไรมหาศาล หากขายอีกห้าสิบขวดกับยันต์ที่เหลือจนหมดก็จะได้หินวิญญาณเกือบสามร้อยก้อนทันที
ขณะหวังฝูกำลังจินตนาการเช่นนี้ คำพูดต่อมาจากชายหนุ่มชุดขาวทำให้หวังฝูรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในห้องใต้ดินเย็นเยือก อีกฝ่ายเพียงเอ่ยคำว่า “ศิษย์น้อง ข้าสงสัยนักว่าเจ้าเตรียม ‘ของเหลววิญญาณไม้คราม’ ได้อย่างไร พอจะขายสูตรให้ได้หรือไม่?”
“สูตรหรือ?”
หวังฝูขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยคำอย่างระมัดระวัง “สูตรนี้สืบทอดมาจากตระกูลของข้า ไม่อาจแพร่งพรายได้”
หวังฝูไม่คาดคิดว่าจะมีคนสนใจสูตรของเหลววิญญาณเร็วขนาดนี้ อย่าว่าแต่ไม่มีสูตรจะให้เลย ต่อให้มีจริงก็จะตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนได้ง่าย แม้ภายในสำนักจะไม่มีอันตราย แต่ถ้าเป็นภายนอกสำนักเล่า?
หากยังไม่ยอมเผยสูตรออกมาก็ต้องมีใครบางคนจับตาดูตลอดเป็นแน่ แต่ปัญหาอยู่ที่ไม่มีสูตร “ของเหลววิญญาณไม้คราม” ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถให้ได้
“ศิษย์น้องอย่าได้ห่วง ข้าสามารถเสนอราคาที่สูงพอจนไม่ทำให้ศิษย์น้องขาดทุนได้อย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มชุดขาวหยิบหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนออกมาแล้ววางบนโต๊ะไม้ เมื่อเห็นว่าหวังฝูสับสนเล็กน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียก “ศิษย์น้อง? ศิษย์น้อง?”
“หา?” หวังฝูกลับมามีสติขณะเก็บหินวิญญาณขึ้นมาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่น “ศิษย์พี่อย่าพูดเรื่องนั้นอีกเลย สูตรนี้มันขายไม่ได้”
“อย่างนั้นหรือ… ถ้างั้นก็ช่างเถอะ” ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจด้วยความผิดหวัง จากนั้นจึงเอ่ยคำ “หากศิษย์น้องเปลี่ยนใจขึ้นมาก็สามารถมาหาข้าที่บ้านพักชั้นบนบริเวณยอดเขาขนนกโบยบินได้ ข้ามีชื่อว่าไป๋หยิงเฟย แต่ถ้าเจ้ามาหาช้าเกินไป เกรงว่าข้าคงเข้าสำนักชั้นในไปแล้ว”
หวังฝูประหลาดใจที่เห็นสีหน้ามั่นใจของชายหนุ่มชุดขาว เขาไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้า อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าจะไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าขั้นสูงสุดอีกด้วย ประกอบกับตัดสินจากคำพูดแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความมั่นใจที่จะทะลวงสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบ
“ข้าจะจำคำของศิษย์พี่ให้ขึ้นใจ แล้วก็ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ไป๋ที่ได้เลื่อนขั้นสู่สำนักชั้นในด้วย ส่วนเรื่องสูตร ข้าจะกลับไปคิดดู” หวังฝูโค้งคำนับ
“ฮ่าฮ่า… ขอบคุณที่ศิษย์น้องยอมเก็บไปคิด” ไป๋หยิงเฟยแย้มยิ้มขณะเก็บของเหลววิญญาณยี่สิบขวดเข้าถุงเก็บของ เมื่อกำลังจะจากไปก็เหลือบไปเห็นแสงสีทองอ่อนวูบไหวมาจากแผงขายของ พอตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจึงพบว่าเป็นยันต์
ก่อนหน้านี้สายตาของเขาจับจ้องไปยัง “ของเหลววิญญาณไม้คราม” แต่ตอนนี้เมื่อเห็นยันต์หลายสิบใบอยู่บนโต๊ะไม้ก็บังเกิดความสนใจ โดยเฉพาะยันต์ที่ส่องแสงสีทองจางออกมา
“นึกไม่ถึงว่าศิษย์น้องจะสร้างยันต์ได้ด้วย”
เมื่อเห็นว่าความสนใจของไป๋หยิงเฟยย้ายมาอยู่ที่ยันต์ ในที่สุดหวังฝูจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะตามราวีเรื่องสูตรอยู่เรื่อยไป ดังนั้นเขาจึงแย้มยิ้มแล้วเอ่ยคำ “เพิ่งเริ่มเท่านั้นเอง มีแต่ยันต์ระดับต่ำกับระดับกลางเท่านั้น ไม่ควรค่าที่ศิษย์พี่ไป๋จะมาสนใจหรอก”
“ศิษย์น้องถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าคุณภาพของยันต์เหล่านี้ค่อนข้างสูงมาก แถมหลายใบยังงานละเอียดอีกด้วย โดยเฉพาะใบนี้…” ไป๋หยิงเฟยหยิบยันต์ที่ส่องแสงสีทองจางออกมา “ยันต์วัชระ”
“ศิษย์พี่ช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก ยันต์วัชระนี้เป็นใบเดียวที่อยู่ระดับกลาง ข้าต้องใช้ความพยายามมากกว่าร้อยครั้งจึงจะวาดได้สำเร็จ” หวังฝูไม่ได้โกหก ยันต์วัชระคือยันต์ป้องกันที่ถูกกล่าวถึงใน “คัมภีร์ยันต์สวรรค์” ต้องใช้กระดาษยันต์กว่าร้อยใบจึงจะสร้างพวกมันขึ้นมาได้สามใบ
“ยันต์วัชระ… ราคาเท่าไหร่หรือ?” ไป๋หยิงเฟยถาม
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าขายยันต์เช่นกัน ศิษย์พี่ไป๋คิดว่ามูลค่าของมันควรเท่าไหร่หรือ?” หวังฝูทราบว่ายันต์ระดับต่ำขั้นหนึ่งอย่างยันต์ซ่อนกายากับยันต์ปกปิดลมหายใจมีค่าเท่ากับหินวิญญาณหนึ่งถึงสองก้อนเท่านั้น ส่วนยันต์ระดับกลางขั้นหนึ่งมีค่าเท่ากับหินวิญญาณห้าถึงหกก้อน ทว่ายันต์วัชระคือยันต์วิญญาณ อีกทั้งยังเป็นยันต์วิญญาณป้องกัน จึงไม่อาจเทียบกับยันต์ธรรมดาได้
สิ่งสำคัญยันต์ป้องกันสามารถขัดขวางการร่ายวิชาและสามารถใช้ได้จนกว่าพลังวิญญาณในยันต์จนหมด ซึ่งยันต์ที่ใช้วิชาผนึกทั่วไปสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“ยันต์วัชระในตำหนักยันต์ล้ำเลิศของสำนักชั้นนอกมีค่าเท่ากับหินวิญญาณสิบก้อน แถมคุณภาพยังไม่ดีเท่ากับที่ศิษย์น้องทำ เอาแบบนี้ ข้าเสนอเป็นหินวิญญาณสิบสองก้อน คิดว่าไง?” ไป๋หยิงเฟยไม่อาจต้านทานยันต์วัชระนี้ได้ แม้มันจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีสุดกำลังได้ กระนั้นก็ยังสามารถปัดป้องการโจมตีจากขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ดหรือแปดได้ เหมาะที่จะให้ศิษย์น้องหญิงหลี่เอาไปป้องกันตัวเองนัก
“ไม่มีปัญหา” หวังฝูไม่คาดคิดว่ายันต์วัชระจะขายได้ในราคาหินวิญญาณสิบสองก้อน
ไป๋หยิงเฟยจ่ายหินวิญญาณอย่างไม่ลังเล เมื่อคิดว่าหลังจากนี้ต้องไปหาศิษย์น้องหญิงหลี่ เขาจึงไม่อยู่นานไปกว่านี้ก่อนจะออกจากตลาดทันที
หวังฝูมองแผ่นหลังของไป๋หยิงเฟยก่อนจะรู้สึกโล่งอก