ตอนที่ 26 ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์
ตอนที่ 26 ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์
ในเวลานี้ ทัวทั้งลานกว้างเงียบสงัดจนน่ากลัว ราวกับว่าสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของทุกคน
ทุกคนจ้องมองไปที่เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์โดยไม่กระพริบตา
หนึ่งลมหายใจ!
สองลมหายใจ!
...
เก้าลมหายใจ!
สิบลมหายใจ!
เมื่อสิบลมหายใจผ่านไป เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด
“เกิดอะไรขึ้น? ต่อให้ข้าไร้ค่าแค่ไหนก็น่าจะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้สักตัวหนึ่งสิ?”
ลู่เหรินเผยสีหน้าหดหู่
ไม่ใช่แค่เขา ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
ชายชราที่หลับตาลงครึ่งหนึ่งก็มีสีหน้าสงสัยเช่นกัน แม้จะเป็นสายเลือดขยะก็น่าจะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้สักตัวหนึ่ง
“หรือว่าเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์มีปัญหา?”
ชายชรากล่าวพึมพำ จากนั้นก็พูดกับลู่เหรินว่า “เจ้าหลีกไปข้าง ๆ ก่อน ขอให้ข้าลองดู!”
“ขอรับ!”
ลู่เหรินเดินไปด้านข้าง!
ชายชราวางมือที่เหี่ยวย่นของเขาลงบนเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์
ติ๊ง!
ทันใดนั้นเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ก็ส่งเสียงดังก้องอีกครั้ง มันเปล่งแสงสีทองออก จากนั้นก็มีเงาของมังกรทองหลายตัวบินออกมาจากเข็มทิศ โบยบินอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงคำรามออกมา
“วิญญาณมังกรห้าสิบเก้าตัว เป็นสายเลือดขั้นห้า!”
“แล้วทำไมลู่เหรินถึงเรียกวิญญาณมังกรออกมาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว!”
ทุกคนตกใจมาก
และผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าสงสัยเช่นกัน
เมื่อวิญญาณมังกรหายไป ชายชราก็เก็บเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ แล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “เมิ่งเฉียน เด็กคนนี้ไม่ใช่แค่สายเลือดขยะ แต่เป็นสายเลือดที่ไร้ค่ายิ่งกว่าสายเลือดขยะ พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นสายเลือดขยะที่ไม่มีสายเลือด!”
“ไม่มีสายเลือด?”
ผู้อาวุโสใหญ่เบิกตากว้างแล้วพูดว่า “เป็นไปได้อย่างไร? ยังมีคนที่ไม่มีสายเลือดอีกหรือ? ในเมื่อเขาไม่มีสายเลือด แล้วเขาจะสามารถฝึกฝนวิทยายุทธขั้นมนุษย์ระดับล่างทั้งสามแขนงจนถึงระดับสมบูรณ์ได้ภายในหนึ่งเดือน และยังฝึกวิชาดาบที่ท่านอาวุโสอวิ๋นคิดค้นขึ้นมาได้อย่างไร?”
หากไม่ได้ใช้เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ตรวจสอบ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อว่าลู่เหรินไม่มีสายเลือด
ชายชราครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วคาดเดาว่า “เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ไม่ผิดพลาด ลู่เหรินเป็นสายเลือดขยะจริง ๆ ที่เขาสามารถฝึกฝนวิทยายุทธมากมายจนถึงระดับสมบูรณ์ได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว เขาเป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์!”
“ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์?”
ผู้อาวุโสหลายคนต่างตกใจ
“ที่แท้ก็เป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์!”
ผู้อาวุโสเซี่ยกวงถอนหายใจยาว จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ทุกท่านจากสำนักเมฆาขจี เช่นนั้นข้าก็จะไม่อยู่ที่นี่นาน ข้าขอตัวลาไปก่อน!”
“ท่านผู้อาวุโสเซี่ยไม่พักอยู่ต่ออีกสักสองสามวันหรือ ให้พวกเราได้แสดงน้ำใจไมตรี?”
ผู้อาวุโสใหญ่ถามอย่างสุภาพ
ผู้อาวุโสเซี่ยกวงจะอยากอยู่ต่อได้อย่างไร ถึงแม้ว่าจะยืนยันแล้วว่าลู่เหรินเป็นสายเลือดขยะ แต่พวกเขาก็แพ้ในการประลอง เสียหน้าโดยสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าจะกลับไปรายงานต่อเจ้าสำนักอย่างไร
“เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ ข้าขอตัวลาแล้ว!”
เซี่ยกวงโค้งคำนับพาจู่เฟยหยาง นาหลันซิน และหลี่จิ้ง ออกจากสำนักเมฆาขจี
หลังจากมองส่งเซี่ยกวงและคนอื่น ๆ ออกไป ผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดเสียงดังว่า “ตอนนี้การประลองได้จบลงแล้ว เหล่าศิษย์ทั้งหมดก็กลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ลู่เหริน ท่านอาวุโสอวิ๋น และท่านผู้อาวุโสทุกท่าน ตามข้ามาที่วิหารยุทธ์!”
ภายในวิหารยุทธ์!
ผู้อาวุโสกว่าสิบคนมารวมตัวกัน ลู่เหรินยืนอยู่กลางวิหารยุทธ์ ส่วนผู้อาวุโสคนอื่น ๆ นั่งอยู่ทั้งสองข้างของวิหาร
ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่ลู่เหริน ยิ้มแล้วพูดว่า “ลู่เหริน ครั้งนี้เจ้าเอาชนะศิษย์อัจฉริยะทั้งสามคนของสำนักราชวงศ์ได้ สร้างเกียรติยศให้กับสำนักเมฆาขจีของเรา ข้าในนามของสำนัก ขอมอบสถานะศิษย์ชั้นนอกให้กับเจ้าโดยตรง!”
“ยังไม่รีบขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่อีก!”
อวิ๋นชิงเหยาที่อยู่ข้าง ๆ เห็นลู่เหรินยืนนิ่งอยู่จึงพูดขึ้น
ลู่เหรินรีบพูดว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะท่านอาจารย์ หากท่านจะให้รางวัล ก็ให้รางวัลแก่ท่านอาจารย์เถอะ หากไม่มีท่านอาจารย์ ข้าคงไม่สามารถเอาชนะจู่เฟยหยางได้!”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวไป สำนักก็จะให้รางวัลท่านอาวุโสอวิ๋นเช่นกัน!”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสแล้ว!”
ลู่เหรินโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณ
“ลู่เหริน เจ้ารู้หรือไม่ว่าหยกโลหิตเทวะในมือของเจ้ามีประโยชน์อย่างไร?”
ผู้อาวุโสใหญ่ถามขึ้น
ลู่เหรินรีบพยักหน้าและตอบว่า “แน่นอนว่ารู้ขอรับ!”
ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าเป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์ เจ้าต้องคว้าโอกาสครั้งนี้เข้าไปในถ้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อปรับปรุงสายเลือดของเจ้า ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้าเป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์ สายเลือดขยะของเจ้าก็จะฉุดรั้งเจ้าไว้!”
ลู่เหรินมีสีหน้าสงสัยถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์คืออะไรหรือขอรับ?”
อวิ๋นชิงเหยากล่าวว่า “ลู่เหริน… ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์คือผู้ที่มีความเข้าใจและสติปัญญาสูงส่ง สามารถเข้าใจวิทยายุทธและเคล็ดวิชาต่าง ๆ ได้ในเวลาอันสั้น เพราะมีความเข้าใจที่น่าทึ่ง เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว!”
“แล้วมันแตกต่างจากพรสวรรค์สายเลือดอย่างไรเล่าขอรับ?”
ลู่เหรินถามต่อ
“คุณสมบัติของผู้ฝึกยุทธ์จริง ๆ แล้วดูจากสองด้าน หนึ่งคือพรสวรรค์สายเลือด และอีกหนึ่งคือความเข้าใจ พรสวรรค์สายเลือดเป็นตัวกำหนดขีดจำกัดล่างของเจ้า ส่วนความเข้าใจเป็นตัวกำหนดขีดจำกัดบนของเจ้า!”
อวิ๋นชิงเหยาอธิบายอย่างใจเย็นว่า “เจ้ามีความเข้าใจสูง สามารถฝึกฝนวิทยายุทธขั้นมนุษย์ระดับล่างได้ในพริบตา แต่กลับถูกจำกัดด้วยพรสวรรค์สายเลือดของเจ้าเอง ไม่สามารถฝึกฝนวิทยายุทธระดับสูงได้!”
ลู่เหรินพยักหน้าเข้าใจ แล้วพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักราชวงศ์ เมื่อรู้ว่าข้าเป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์ กลับรู้สึกโล่งใจ!”
อวิ๋นชิงเหยากล่าวว่า “หากเจ้าเป็นสายเลือดแห่งสวรรค์จริง ๆ ต่อให้ความเข้าใจของเจ้าธรรมดา การฝึกฝนจนถึงขอบเขตดาราฟ้าในอนาคตก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา แต่ตอนนี้สายเลือดของเจ้าไร้ค่า แม้จะเป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ แม้แต่การทะลวงไปยังขอบเขตลำธารเมฆาก็ยังเป็นปัญหา!”
“ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าจะไปที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน!”
ลู่เหรินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์ เพียงแต่ใช้หอคอยศักดิ์สิทธิ์ฝึกฝนมาเป็นร้อยปีจึงมีพลังเช่นนี้
แต่เขาก็รู้ว่าหากสายเลือดของเขาไม่สามารถปรับปรุงได้ ต่อให้เขาฝึกฝนอย่างหนักแค่ไหนในอนาคตก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
ถ้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ เขาต้องเข้าไปให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
“ดี ในช่วงเวลานี้ เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้มาที่วิหารยุทธ์ ผู้อาวุโสจูเถี่ยจะมอบป้ายและชุดของศิษย์ภายนอกให้เจ้า กลับไปได้แล้ว!”
หลังจากผู้อาวุโสใหญ่พูดจบก็โบกมือให้ลู่เหรินออกไป
“ขอรับ!”
ลู่เหรินพยักหน้า แล้วก็จากไปอย่างรู้งาน
เชิงเขาของสำนักเมฆาขจี
เซี่ยกวงพาจู่เฟยหยางและคนอื่น ๆ อีกสองคนออกไป
ระหว่างทาง จู่เฟยหยางยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เขาตะโกนเสียงดังว่า “น่าขายหน้าจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหยกโบราณบ้านั่น ข้าก็คงไม่แพ้!”
เซี่ยกวงโบกมือ แล้วพูดว่า “จู่เฟยหยาง เจ้าไม่ต้องโทษตัวเอง เขาเป็นผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์ สามารถฝึกฝนวิทยายุทธขั้นมนุษย์ระดับล่างใด ๆ ก็ได้ในเวลาอันสั้น โชคดีที่เขาเป็นสายเลือดขยะ ต่อให้เขาเป็นนักสู้ที่มีสายเลือดขั้นสาม ความสำเร็จของเขาก็ยังคงน่ากลัวมาก!”
จู่เฟยหยางมีสีหน้าบึ้งตึง ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
เขาเป็นถึงทายาทแห่งดาบอสูร หากท่านอาจารย์รู้ว่าเขาแพ้ให้กับศิษย์ของศิษย์ทรยศ คงจะถูกลงโทษอย่างหนักแน่นอน!
เซี่ยกวงพูดขึ้นมาทันทีว่า “จู่เฟยหยาง ข้าได้ยินมาว่าท่านอาจารย์ของเจ้ายังรับศิษย์อัจฉริยะอีกคนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นสายเลือดขั้นสาม แต่ก็มีความเข้าใจที่น่าทึ่งมาก!”
จู่เฟยหยางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์รับเขาเป็นศิษย์ก็เพื่อมรดกของจักรพรรดิโบราณ ตอนนี้เขาได้ทะลุขีดจำกัดเปิดช่องจิตทั้งเก้าแล้ว เมื่อเข้าไปในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาจะต้องแข็งแกร่งไร้ผู้เทียบ!”
“ลู่เหรินมีหยกโลหิตเทวะ เขาต้องไปที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไม่ให้เขาได้มรดกของจักรพรรดิโบราณ!”
เซี่ยกวงมีแววฆ่าฟันปรากฏบนใบหน้าพร้อมกล่าวว่า “ต้องให้ศิษย์น้องของเจ้าลงมือฆ่าลู่เหรินเพื่อกำจัดปัญหาในอนาคต!”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านวางใจเถอะ หากลู่เหรินกล้าไปถ้ำศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่!”
จู่เฟยหยางกล่าวอย่างเย็นชา