ตอนที่แล้วตอนที่ 24 การประลองวิชาดาบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ผู้บรรลุสัจธรรมแห่งสวรรค์

ตอนที่ 25 ตรวจสอบสายเลือดอีกครั้ง


ตอนที่ 25 ตรวจสอบสายเลือดอีกครั้ง

ในเวลานี้ บนที่นั่งสูงสุด!

ผู้อาวุโสหลายคนจ้องมองหยกโลหิตในมือของลู่เหริน พวกเขาก็จำได้เช่นกันว่ามันคือหยกโลหิตเทวะ

หยกโลหิตเทวะนี้สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์สายเลือดต่ำ ถือเป็นความหวังในการก้าวทะลวง

ตราบใดที่ได้รับมรดกของจักรพรรดิโบราณก็มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์สายเลือดของตนเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลใหญ่ ๆ ในแคว้นหาญเมฆา เพื่อให้ลูกหลานของตนเองสามารถเพิ่มพลังพรสวรรค์สายเลือดได้ พวกเขาไม่ลังเลที่จะใช้ทรัพย์สมบัติจำนวนมากเพื่อซื้อหยกโลหิตเทวะหนึ่งชิ้น

กล่าวได้ว่าหยกโลหิตเทวะแต่ละชิ้นล้วนมีค่ามาก เป็นของหายาก

ไม่นึกเลยว่าลู่เหรินจะมีหยกโลหิตเทวะอยู่กับตัวด้วย

“เพื่อที่จะชนะข้า เจ้าถึงกับใช้หยกโลหิตเทวะมาป้องกัน?”

จู่เฟยหยางรู้สึกว่าลู่เหรินบ้าไปแล้ว นั่นคือหยกโลหิตเทวะหากมันแตกสลายก็จะไม่สามารถเข้าสู่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ได้

“จุดประสงค์ของข้าคือการเอาชนะเจ้า เพื่อให้เกียรติแก่ท่านอาจารย์ หยกโลหิตเทวะเล็ก ๆ น้อย ๆ จะนับเป็นอะไร?”

ลู่เหรินแค่นเสียงเย็นชาพร้อมไล่ตามไปติด ๆ หมัดพยัคฆ์คำรามขั้นสมบูรณ์ถูกปล่อยออกมา หมัดทั้งสองข้างทุบเข้าใส่จู่เฟยหยางอย่างบ้าคลั่ง

ปุ ปุ!

จู่เฟยหยางป้องกันอย่างต่อเนื่อง แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดเขาก็ต้านทานไม่ไหว ร่างทั้งร่างล้มลงจากเวทีพ่นเลือดออกมาหลายคำ

ทั่วทั้งลานกว้างเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดเสียงดังสนั่น

“ลู่เหรินชนะแล้ว สำนักเมฆาขจีของเราชนะการประลองครั้งนี้แล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า สามปี… ในที่สุดเราก็ชนะ!”

ศิษย์หลายคนตื่นเต้นมาก ใครจะคิดว่าลู่เหรินที่คิดว่าอ่อนแอที่สุดกลับเอาชนะทายาทแห่งดาบอสูรได้

อย่างไรก็ตาม จู่เฟยหยางก็ลุกขึ้นมาพร้อมส่งเสียงคำราม “ข้าไม่ยอมรับ การต่อสู้นี้ไม่ยุติธรรม!”

เขาเป็นถึงทายาทแห่งดาบอสูรแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับสายเลือดขยะ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะมีหน้าไปอยู่ในสำนักราชวงศ์ได้อย่างไร?

“แพ้ก็คือแพ้ มีอะไรไม่ยุติธรรม?”

ลู่เหรินแค่นเสียงเย็น

“ข้าถูกพลังของหยกโลหิตเทวะทำร้าย เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าเลย!”

จู่เฟยหยางพูดอย่างโกรธเคือง

“ในการประลอง ไม่ได้มีกฎห้ามใช้หยกโลหิตเทวะนี่? ชนะก็คือชนะ!”

ลู่เหรินยิ้ม

“เจ้า...”

จู่เฟยหยางกำลังจะโกรธ แต่ถูกผู้อาวุโสเซี่ยกวงห้ามไว้ เขาได้แต่จ้องมองลู่เหรินด้วยสายตาอาฆาตไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

ผู้อาวุโสผู้ดำเนินรายการก็ได้สติกลับคืนมา ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ข้าขอประกาศ ผู้ชนะในการประลองครั้งนี้คือสำนักเมฆาขจี!”

ทันใดนั้นเสียงเชียร์ก็ดังกึกก้องไปทั่ว เหล่าศิษย์ต่างตื่นเต้นกันอย่างมาก

สามปีแล้ว!

สำนักเมฆาขจีของพวกเขาไม่เคยชนะในการประลองของศิษย์ระดับเริ่มต้นเลย ครั้งนี้ในที่สุดก็ชนะ แถมยังเอาชนะทายาทแห่งดาบอสูรได้อีกด้วย

ผู้อาวุโสเซี่ยกวงหน้าซีดเผือดพูดกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า “ท่านผู้อาวุโสเมิ่ง ลู่เหรินศิษย์ของสำนักท่านใช้เวลาเพียงสองเดือนก็ฝึกฝนวิทยายุทธขั้นมนุษย์ระดับล่างทั้งสามแขนงจนถึงขั้นสมบูรณ์ แถมยังฝึกวิชาดาบได้อีกสองกระบวนท่า พรสวรรค์เช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นสายเลือดไร้ค่า!”

สายเลือดไร้ค่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้แบบนี้ ต่อให้อวิ๋นชิงเหยามีวิธีการใด ๆ ก็ไม่สามารถฝึกฝนสายเลือดไร้ค่าให้เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้

หากแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ เหล่าอัจฉริยะที่มีสายเลือดขั้นห้าขั้นหกก็ไม่ต้องฝึกฝนแล้ว เอาหัวโขกกำแพงตายไปเลยดีกว่า

ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าลู่เหรินจะเป็นสายเลือดไร้ค่า เขาถึงขั้นยอมให้ลู่เหรินเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ แบบนี้สำนักราชวงศ์ของพวกเขาจะแพ้ก็ไม่น่าอาย

แน่นอนว่าในความคิดของเขา ลู่เหรินมีสายเลือดขั้นเจ็ดหรือขั้นแปด ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ

“ลู่เหรินเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสายเลือดไร้ค่า การตรวจสอบในตอนนั้นน่าจะมีข้อผิดพลาด เขาอาจจะเป็นสายเลือดเทวะ!”

ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้ากล่าวคำอย่างมั่นใจ

“เช่นนั้นก็ตรวจสอบอีกครั้งเถอะ!”

ผู้อาวุโสเซี่ยกวงกล่าว

ผู้อาวุโสใหญ่พูดกับผู้อาวุโสข้างกายว่า “รีบไปนำเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์มา!”

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ด้านหลังเขาจากไปทันที

ในเวลานี้ลู่เหรินกลับไปข้างกายของอวิ๋นชิงเหยาเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านอาจารย์ เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์คืออะไร?”

“เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์เป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักเมฆาขจีของเรา นอกจากจะมีพลังในการป้องกันศัตรูแล้ว ยังสามารถตรวจสอบสายเลือดของนักสู้ได้อย่างแม่นยำ!”

อวิ๋นชิงเหยากล่าวตอบ

“แม่นยำแค่ไหน?”

ลู่เหรินถามต่อ

มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าสายเลือดของเขาไร้ค่าแค่ไหน ยิ่งสมบัติตรวจสอบแม่นยำเท่าไหร่ก็ยิ่งตรวจสอบได้ว่าเขาไร้ค่าแค่ไหน

ก่อนหน้านี้เขาไปเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเล็ก ๆ ตรวจสอบพบว่าเขาเป็นสายเลือดขั้นหนึ่ง แต่พอมาที่สำนักเมฆาขจีกลับตรวจพบว่าเขาเป็นสายเลือดไร้ค่า

เขากังวลว่าเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์นี้จะตรวจสอบสายเลือดของเขาว่าไร้ค่ายิ่งกว่าเดิม

“ภายในเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ผนึกวิญญาณมังกรไว้หนึ่งร้อยสิบดวง หากเป็นสายเลือดขั้นหนึ่งจะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้สิบถึงสิบเก้าดวง หากเป็นสายเลือดขั้นสอง จะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้ยี่สิบถึงยี่สิบเก้าดวง ไล่ไปเรื่อย ๆ หากเป็นสายเลือดเทวะ จะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้หนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยสิบดวง ยิ่งมีวิญญาณมังกรมากก็ยิ่งแสดงว่าสายเลือดแข็งแกร่ง!”

อวิ๋นชิงเหยากล่าว

ไม่นาน ผู้อาวุโสสองคนก็กลับมา พร้อมกับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง

ผู้อาวุโสคนนี้ดูเหมือนจะมีสถานะสูงส่ง แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเฉียนก็ยังลุกขึ้นโค้งคำนับเขา

ผู้อาวุโสคนนั้นลดเปลือกตาลง โบกมือหนึ่งครั้ง เห็นเพียงแหวนบนนิ้วของเขาเปล่งแสงออกมา

จากนั้นเข็มทิศสีทองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสามฟุตก็ลอยขึ้นกลางอากาศ

บนเข็มทิศสีทองนั้น สลักมังกรแท้ไว้กว่าร้อยตัว มังกรสัมฤทธิ์แต่ละตัวล้วนสง่างามน่าเกรงขาม

เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเข็มทิศสีทองนั้น ต่างก็ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระลอก

“นี่คือเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ สมบัติล้ำค่าของสำนักเมฆาขจีของเรา!”

“มีเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์อยู่ ภายในเขตแดนตะวันออกเร้นลับ ยังไม่มีสำนักใดกล้าโจมตีเรา!”

ใบหน้าของศิษย์หลายคนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์พี่ ลู่เหรินจึงถามว่า “ท่านอาจารย์ เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?”

เขาอ่าน “ตำราสำหรับศิษย์” อย่างละเอียดจึงรู้ว่าในแดนตะวันออกเร้นลับมีเจ็ดสิบสองดินแดน มีสำนักใหญ่น้อยรวมกันมากกว่าหนึ่งพันแห่ง

แต่สำนักเมฆาขจีเป็นเพียงสำนักระดับสอง แถมยังเป็นสำนักที่ค่อนข้างอ่อนแอในบรรดาสำนักระดับสอง สำนักราชวงศ์ สำนักอัคคีแยก และสำนักดาบเหล็กในสี่สำนักใหญ่ของแคว้นหาญเมฆาถือเป็นสำนักที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในบรรดาสำนักระดับสอง

และเกณฑ์ในการตัดสินว่าสำนักใดเป็นสำนักระดับหนึ่งก็คือการดูว่าในสำนักนั้นมีผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าหรือไม่

ในสี่สำนักใหญ่ของแคว้นหาญเมฆามีผู้แข็งแกร่งขอบเขตสมุทรเทวะจำนวนมาก แต่ไม่มีผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าแม้แต่คนเดียว

หากสำนักระดับหนึ่งต้องการโจมตีสำนักระดับสองจริง ๆ พวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้

“เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ หากถูกกระตุ้นสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าได้!”

อวิ๋นชิงเหยากล่าวอย่างแผ่วเบา

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เหรินก็ตกใจมาก

เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์นี่ไม่ต่างอะไรกับระเบิดนิวเคลียร์เลยหรือ?

“หากสำนักเมฆาขจีของเราสามารถฝึกฝนผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าได้สักคนหนึ่ง แล้วให้เขาหลอมรวมกับเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ สำนักเมฆาขจีของเราก็จะสามารถกลายเป็นสำนักระดับหนึ่งได้!”

อวิ๋นชิงเหยากล่าวว่า “ลู่เหริน หากเจ้าเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ เจ้าจะต้องสามารถทะลวงไปถึงขอบเขตดาราฟ้าได้อย่างแน่นอน ไปเถอะ ตรวจสอบอีกครั้ง!”

“ขอรับ!”

ลู่เหรินพยักหน้า เดินไปที่หน้าเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์

ผู้อาวุโสคนนั้นเหลือบมองลู่เหรินแล้วพูดว่า “ผ่อนคลายร่างกายแล้ววางมือลงบนเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์!”

“ขอรับท่านอาวุโส!”

ลู่เหรินวางมือลงบนเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์

ทันใดนั้นทุกคนก็กลั้นหายใจอย่างพร้อมเพรียง…

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น หากลู่เหรินเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้สำนักเมฆาขจีของพวกเขาจะก้าวขึ้นเป็นสำนักระดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน

ในทางกลับกัน ผู้อาวุโสเซี่ยกวงจากสำนักราชวงศ์กลับรู้สึกขัดแย้งในใจ เขาหวังว่าลู่เหรินจะเป็นสายเลือดเทวะแต่ก็ไม่อยากให้ลู่เหรินเป็นสายเลือดเทวะ

จะเป็นการดีที่สุดถ้าเป็นสายเลือดขั้นเจ็ดหรือขั้นแปด พวกเขายังพอรับได้!

โฮก!

ในขณะนั้น เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ก็ส่งเสียงดังก้อง!

ทุกคนจ้องมองไปที่เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์อย่างตั้งใจ

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด