ตอนที่ 25 ตรวจสอบสายเลือดอีกครั้ง
ตอนที่ 25 ตรวจสอบสายเลือดอีกครั้ง
ในเวลานี้ บนที่นั่งสูงสุด!
ผู้อาวุโสหลายคนจ้องมองหยกโลหิตในมือของลู่เหริน พวกเขาก็จำได้เช่นกันว่ามันคือหยกโลหิตเทวะ
หยกโลหิตเทวะนี้สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์สายเลือดต่ำ ถือเป็นความหวังในการก้าวทะลวง
ตราบใดที่ได้รับมรดกของจักรพรรดิโบราณก็มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์สายเลือดของตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลใหญ่ ๆ ในแคว้นหาญเมฆา เพื่อให้ลูกหลานของตนเองสามารถเพิ่มพลังพรสวรรค์สายเลือดได้ พวกเขาไม่ลังเลที่จะใช้ทรัพย์สมบัติจำนวนมากเพื่อซื้อหยกโลหิตเทวะหนึ่งชิ้น
กล่าวได้ว่าหยกโลหิตเทวะแต่ละชิ้นล้วนมีค่ามาก เป็นของหายาก
ไม่นึกเลยว่าลู่เหรินจะมีหยกโลหิตเทวะอยู่กับตัวด้วย
“เพื่อที่จะชนะข้า เจ้าถึงกับใช้หยกโลหิตเทวะมาป้องกัน?”
จู่เฟยหยางรู้สึกว่าลู่เหรินบ้าไปแล้ว นั่นคือหยกโลหิตเทวะหากมันแตกสลายก็จะไม่สามารถเข้าสู่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ได้
“จุดประสงค์ของข้าคือการเอาชนะเจ้า เพื่อให้เกียรติแก่ท่านอาจารย์ หยกโลหิตเทวะเล็ก ๆ น้อย ๆ จะนับเป็นอะไร?”
ลู่เหรินแค่นเสียงเย็นชาพร้อมไล่ตามไปติด ๆ หมัดพยัคฆ์คำรามขั้นสมบูรณ์ถูกปล่อยออกมา หมัดทั้งสองข้างทุบเข้าใส่จู่เฟยหยางอย่างบ้าคลั่ง
ปุ ปุ!
จู่เฟยหยางป้องกันอย่างต่อเนื่อง แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดเขาก็ต้านทานไม่ไหว ร่างทั้งร่างล้มลงจากเวทีพ่นเลือดออกมาหลายคำ
ทั่วทั้งลานกว้างเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดเสียงดังสนั่น
“ลู่เหรินชนะแล้ว สำนักเมฆาขจีของเราชนะการประลองครั้งนี้แล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า สามปี… ในที่สุดเราก็ชนะ!”
ศิษย์หลายคนตื่นเต้นมาก ใครจะคิดว่าลู่เหรินที่คิดว่าอ่อนแอที่สุดกลับเอาชนะทายาทแห่งดาบอสูรได้
อย่างไรก็ตาม จู่เฟยหยางก็ลุกขึ้นมาพร้อมส่งเสียงคำราม “ข้าไม่ยอมรับ การต่อสู้นี้ไม่ยุติธรรม!”
เขาเป็นถึงทายาทแห่งดาบอสูรแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับสายเลือดขยะ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะมีหน้าไปอยู่ในสำนักราชวงศ์ได้อย่างไร?
“แพ้ก็คือแพ้ มีอะไรไม่ยุติธรรม?”
ลู่เหรินแค่นเสียงเย็น
“ข้าถูกพลังของหยกโลหิตเทวะทำร้าย เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าเลย!”
จู่เฟยหยางพูดอย่างโกรธเคือง
“ในการประลอง ไม่ได้มีกฎห้ามใช้หยกโลหิตเทวะนี่? ชนะก็คือชนะ!”
ลู่เหรินยิ้ม
“เจ้า...”
จู่เฟยหยางกำลังจะโกรธ แต่ถูกผู้อาวุโสเซี่ยกวงห้ามไว้ เขาได้แต่จ้องมองลู่เหรินด้วยสายตาอาฆาตไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ผู้อาวุโสผู้ดำเนินรายการก็ได้สติกลับคืนมา ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ข้าขอประกาศ ผู้ชนะในการประลองครั้งนี้คือสำนักเมฆาขจี!”
ทันใดนั้นเสียงเชียร์ก็ดังกึกก้องไปทั่ว เหล่าศิษย์ต่างตื่นเต้นกันอย่างมาก
สามปีแล้ว!
สำนักเมฆาขจีของพวกเขาไม่เคยชนะในการประลองของศิษย์ระดับเริ่มต้นเลย ครั้งนี้ในที่สุดก็ชนะ แถมยังเอาชนะทายาทแห่งดาบอสูรได้อีกด้วย
ผู้อาวุโสเซี่ยกวงหน้าซีดเผือดพูดกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า “ท่านผู้อาวุโสเมิ่ง ลู่เหรินศิษย์ของสำนักท่านใช้เวลาเพียงสองเดือนก็ฝึกฝนวิทยายุทธขั้นมนุษย์ระดับล่างทั้งสามแขนงจนถึงขั้นสมบูรณ์ แถมยังฝึกวิชาดาบได้อีกสองกระบวนท่า พรสวรรค์เช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นสายเลือดไร้ค่า!”
สายเลือดไร้ค่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้แบบนี้ ต่อให้อวิ๋นชิงเหยามีวิธีการใด ๆ ก็ไม่สามารถฝึกฝนสายเลือดไร้ค่าให้เก่งกาจได้ถึงเพียงนี้
หากแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ เหล่าอัจฉริยะที่มีสายเลือดขั้นห้าขั้นหกก็ไม่ต้องฝึกฝนแล้ว เอาหัวโขกกำแพงตายไปเลยดีกว่า
ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าลู่เหรินจะเป็นสายเลือดไร้ค่า เขาถึงขั้นยอมให้ลู่เหรินเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ แบบนี้สำนักราชวงศ์ของพวกเขาจะแพ้ก็ไม่น่าอาย
แน่นอนว่าในความคิดของเขา ลู่เหรินมีสายเลือดขั้นเจ็ดหรือขั้นแปด ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ
“ลู่เหรินเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสายเลือดไร้ค่า การตรวจสอบในตอนนั้นน่าจะมีข้อผิดพลาด เขาอาจจะเป็นสายเลือดเทวะ!”
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้ากล่าวคำอย่างมั่นใจ
“เช่นนั้นก็ตรวจสอบอีกครั้งเถอะ!”
ผู้อาวุโสเซี่ยกวงกล่าว
ผู้อาวุโสใหญ่พูดกับผู้อาวุโสข้างกายว่า “รีบไปนำเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์มา!”
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ด้านหลังเขาจากไปทันที
ในเวลานี้ลู่เหรินกลับไปข้างกายของอวิ๋นชิงเหยาเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านอาจารย์ เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์คืออะไร?”
“เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์เป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักเมฆาขจีของเรา นอกจากจะมีพลังในการป้องกันศัตรูแล้ว ยังสามารถตรวจสอบสายเลือดของนักสู้ได้อย่างแม่นยำ!”
อวิ๋นชิงเหยากล่าวตอบ
“แม่นยำแค่ไหน?”
ลู่เหรินถามต่อ
มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าสายเลือดของเขาไร้ค่าแค่ไหน ยิ่งสมบัติตรวจสอบแม่นยำเท่าไหร่ก็ยิ่งตรวจสอบได้ว่าเขาไร้ค่าแค่ไหน
ก่อนหน้านี้เขาไปเข้าร่วมการทดสอบของสำนักเล็ก ๆ ตรวจสอบพบว่าเขาเป็นสายเลือดขั้นหนึ่ง แต่พอมาที่สำนักเมฆาขจีกลับตรวจพบว่าเขาเป็นสายเลือดไร้ค่า
เขากังวลว่าเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์นี้จะตรวจสอบสายเลือดของเขาว่าไร้ค่ายิ่งกว่าเดิม
“ภายในเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ผนึกวิญญาณมังกรไว้หนึ่งร้อยสิบดวง หากเป็นสายเลือดขั้นหนึ่งจะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้สิบถึงสิบเก้าดวง หากเป็นสายเลือดขั้นสอง จะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้ยี่สิบถึงยี่สิบเก้าดวง ไล่ไปเรื่อย ๆ หากเป็นสายเลือดเทวะ จะเรียกวิญญาณมังกรออกมาได้หนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยสิบดวง ยิ่งมีวิญญาณมังกรมากก็ยิ่งแสดงว่าสายเลือดแข็งแกร่ง!”
อวิ๋นชิงเหยากล่าว
ไม่นาน ผู้อาวุโสสองคนก็กลับมา พร้อมกับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง
ผู้อาวุโสคนนี้ดูเหมือนจะมีสถานะสูงส่ง แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเฉียนก็ยังลุกขึ้นโค้งคำนับเขา
ผู้อาวุโสคนนั้นลดเปลือกตาลง โบกมือหนึ่งครั้ง เห็นเพียงแหวนบนนิ้วของเขาเปล่งแสงออกมา
จากนั้นเข็มทิศสีทองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสามฟุตก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
บนเข็มทิศสีทองนั้น สลักมังกรแท้ไว้กว่าร้อยตัว มังกรสัมฤทธิ์แต่ละตัวล้วนสง่างามน่าเกรงขาม
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเข็มทิศสีทองนั้น ต่างก็ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระลอก
“นี่คือเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ สมบัติล้ำค่าของสำนักเมฆาขจีของเรา!”
“มีเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์อยู่ ภายในเขตแดนตะวันออกเร้นลับ ยังไม่มีสำนักใดกล้าโจมตีเรา!”
ใบหน้าของศิษย์หลายคนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์พี่ ลู่เหรินจึงถามว่า “ท่านอาจารย์ เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?”
เขาอ่าน “ตำราสำหรับศิษย์” อย่างละเอียดจึงรู้ว่าในแดนตะวันออกเร้นลับมีเจ็ดสิบสองดินแดน มีสำนักใหญ่น้อยรวมกันมากกว่าหนึ่งพันแห่ง
แต่สำนักเมฆาขจีเป็นเพียงสำนักระดับสอง แถมยังเป็นสำนักที่ค่อนข้างอ่อนแอในบรรดาสำนักระดับสอง สำนักราชวงศ์ สำนักอัคคีแยก และสำนักดาบเหล็กในสี่สำนักใหญ่ของแคว้นหาญเมฆาถือเป็นสำนักที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในบรรดาสำนักระดับสอง
และเกณฑ์ในการตัดสินว่าสำนักใดเป็นสำนักระดับหนึ่งก็คือการดูว่าในสำนักนั้นมีผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าหรือไม่
ในสี่สำนักใหญ่ของแคว้นหาญเมฆามีผู้แข็งแกร่งขอบเขตสมุทรเทวะจำนวนมาก แต่ไม่มีผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าแม้แต่คนเดียว
หากสำนักระดับหนึ่งต้องการโจมตีสำนักระดับสองจริง ๆ พวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้
“เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ หากถูกกระตุ้นสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าได้!”
อวิ๋นชิงเหยากล่าวอย่างแผ่วเบา
“อะไรนะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เหรินก็ตกใจมาก
เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์นี่ไม่ต่างอะไรกับระเบิดนิวเคลียร์เลยหรือ?
“หากสำนักเมฆาขจีของเราสามารถฝึกฝนผู้แข็งแกร่งขอบเขตดาราฟ้าได้สักคนหนึ่ง แล้วให้เขาหลอมรวมกับเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ สำนักเมฆาขจีของเราก็จะสามารถกลายเป็นสำนักระดับหนึ่งได้!”
อวิ๋นชิงเหยากล่าวว่า “ลู่เหริน หากเจ้าเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ เจ้าจะต้องสามารถทะลวงไปถึงขอบเขตดาราฟ้าได้อย่างแน่นอน ไปเถอะ ตรวจสอบอีกครั้ง!”
“ขอรับ!”
ลู่เหรินพยักหน้า เดินไปที่หน้าเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์
ผู้อาวุโสคนนั้นเหลือบมองลู่เหรินแล้วพูดว่า “ผ่อนคลายร่างกายแล้ววางมือลงบนเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์!”
“ขอรับท่านอาวุโส!”
ลู่เหรินวางมือลงบนเข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์
ทันใดนั้นทุกคนก็กลั้นหายใจอย่างพร้อมเพรียง…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นแรงขึ้น หากลู่เหรินเป็นสายเลือดเทวะจริง ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้สำนักเมฆาขจีของพวกเขาจะก้าวขึ้นเป็นสำนักระดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน
ในทางกลับกัน ผู้อาวุโสเซี่ยกวงจากสำนักราชวงศ์กลับรู้สึกขัดแย้งในใจ เขาหวังว่าลู่เหรินจะเป็นสายเลือดเทวะแต่ก็ไม่อยากให้ลู่เหรินเป็นสายเลือดเทวะ
จะเป็นการดีที่สุดถ้าเป็นสายเลือดขั้นเจ็ดหรือขั้นแปด พวกเขายังพอรับได้!
โฮก!
ในขณะนั้น เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์ก็ส่งเสียงดังก้อง!
ทุกคนจ้องมองไปที่เข็มทิศมังกรสัมฤทธิ์อย่างตั้งใจ