ตอนที่ 23 สายเลือดเทวะ
ตอนที่ 23 สายเลือดเทวะ
ในแคว้นหาญเมฆา ทายาทแห่งดาบอสูรมีชื่อเสียงมาก
ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์เคยเป็นทายาทแห่งดาบอสูรเช่นกัน
ผู้ที่สามารถเป็นทายาทแห่งดาบอสูรได้ ล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ และความเข้าใจยอดเยี่ยม
วันนี้หากเขาจ้าวอี้สามารถเอาชนะทายาทแห่งดาบอสูรได้ เขาจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดัง!
จู่เฟยหยางส่ายหัวพร้อมกับยิ้มบาง ๆ จ้องมองจ้าวอี้และพูดว่า “เจ้าประเมิน ทายาทแห่งดาบอสูรต่ำไปแล้ว!”
“เจ้าเปิดช่องจิตได้เจ็ดจุด หากมีฝีมือจริงก็คงเอาชนะข้าไปนานแล้ว!”
จ้าวอี้เผยสีหน้าดูถูก
“ข้าแค่ใช้พลังไปสามส่วนเท่านั้นเอง!”
จู่เฟยหยางส่ายหัว
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
สีหน้าของจ้าวอี้เปลี่ยนไป
วืด!
พลังของจู่เฟยหยางเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ความเร็วก็เร็วกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พุ่งตรงเข้าหาจ้าวอี้ หมัดอัคคีระดับสัมบูรณ์ถูกปลดปล่อยติดต่อกันกว่าสิบหมัด
ปัง ปัง ปัง ปัง!
หมัดอันร้อนแรงฟาดใส่จ้าวอี้อย่างบ้าคลั่ง
สีหน้าของจ้าวอี้แปรเปลี่ยนทันที เขารีบใช้วิทยายุทธป้องกันเป็นหมัดเขี้ยวหมาป่า ระดับมนุษย์ขั้นสูง แต่หลังจากป้องกันได้ไม่กี่หมัดก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป ร่างของเขาถูกกระแทกจนลอยไปตกลงที่ขอบของฝูงชน และสลบไปในทันที
ศิษย์ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น โดยเฉพาะศิษย์ที่รู้ถึงความแข็งแกร่งและประสบการณ์ของจ้าวอี้ยิ่งตกตะลึงอย่างมาก
“ไม่ใช่ว่าจ้าวอี้อ่อนแอเกินไป แต่เป็นจู่เฟยหยางที่แข็งแกร่งเกินไปต่างหาก!”
“จู่เฟยหยางเป็นถึงทายาทแห่งดาบอสูร พรสวรรค์และความเข้าใจต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!”
“ต่อไปพวกเราศิษย์ระดับเริ่มต้น และศิษย์นอกคงไม่มีชีวิตสงบสุขแล้ว!”
พวกเขาเหล่าศิษย์มักจะทำภารกิจร่วมกัน หากเจอจู่เฟยหยางก็คงมีทางเดียวคือวิ่งหนี
จู่เฟยหยางจะกลายเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์
“การประลองครั้งที่สาม จู่เฟยหยางศิษย์ระดับเริ่มต้นของสำนักราชวงศ์เป็นผู้ชนะ!”
ผู้อาวุโสที่เป็นผู้ดำเนินรายการก็ตกใจกับความแข็งแกร่งของจู่เฟยหยางเช่นกัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะซ่อนความแข็งแกร่งไว้ตั้งแต่แรก แถมอีกฝ่ายยังเป็นถึงทายาทแห่งดาบอสูร วิชาดาบที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่ได้ใช้ออกมาเลย
ส่วนผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของ สำนักเมฆาขจี ต่างก็ตกใจอย่างเงียบ ๆ ความแข็งแกร่งที่จู่เฟยหยางแสดงออกมาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าฉินอวี้เมื่อปีที่แล้วเสียอีก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ผู้อาวุโสใหญ่ฝืนยิ้มออกมา จากนั้นก็ตบมือหลายครั้งและพูดว่า “สมกับเป็นทายาทแห่งดาบอสูรจริงๆ สำนักราชวงศ์ได้ทายาทแห่งดาบอสูรมา ต่อไปคงจะก้าวขึ้นเป็นสำนักระดับสูงเสียที!”
อาวุโสเซี่ยพูดอย่างสุภาพว่า “สำนักเมฆาขจีได้ศิษย์สายเลือดไร้ค่ามา หากสามารถฝึกฝนเขาให้กลายเป็นจักรพรรดิโบราณคนที่สอง นั่นก็คงไม่ใช่แค่กลายเป็นสำนักระดับสูงแล้ว คงจะก้าวขึ้นไปเป็นสำนักระดับสูงสุดของแผ่นดินต้นกำเนิดเลยทีเดียว!”
“ตอนนี้การประลองแลกเปลี่ยนได้จบลงแล้ว ผู้อาวุโสเซี่ยอยู่ที่สำนักเมฆาขจีของเราต่ออีกสักสองสามวันเถอะ เพื่อให้ข้าได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้สิ!”
อาวุโสเซี่ยก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
แต่ทว่า นาหลันซิน กลับพูดขึ้นมาทันทีว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย การประลองแลกเปลี่ยนยังไม่จบใช่ไหม? ยังมีการประลองแลกเปลี่ยนรอบที่สองอยู่ไม่ใช่หรือ!”
“ชัดเจนว่าลู่เหรินไม่ใช่คู่มือของพวกท่านสองคน การประลองต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว จุดประสงค์ของการประลองแลกเปลี่ยนคือการแสดงความแข็งแกร่ง พวกท่านทั้งหกคนก็ได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาแล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่คิดว่านาหลันซินจะต้องการให้มีการประลองรอบที่สอง
ถึงแม้ว่าลู่เหรินจะมีความแข็งแกร่งไม่น้อย แต่อสรพิษย่างกรายของนาหลันซินนั้นแข็งแกร่งเกินไป ลู่เหรินไม่มีทางเป็นคู่มือได้ ส่วนจู่เฟยหยางยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ทว่าอาวุโสเซี่ยกลับพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสเมิ่ง การประลองแลกเปลี่ยนก็ต้องมีการตัดสินแพ้ชนะ ผู้อาวุโสเมิ่งไม่เชื่อมั่นในศิษย์ของตัวเองหรือ? ทำไมไม่ให้เขาลองดูล่ะ?”
ในขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่กำลังครุ่นคิด ลู่เหรินเดินเข้ามาและพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าอยากประลอง งั้นก็ประลองกันต่อเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าลู่เหรินตกลง ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าพักกันก่อนหนึ่งก้านธูป ฟื้นฟูพลังกันก่อน!”
หลังจากพูดจบ เขาก็นั่งลงหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม
ส่วนลู่เหริน ก็เดินไปพักข้าง ๆ อวิ๋นชิงเหยา
“ลู่เหริน เจ้ามีโอกาสชนะนาหลันซินหรือไม่?”
อวิ๋นชิงเหยาถามอย่างอดไม่ได้ นับตั้งแต่ลู่เหรินแสดงความแข็งแกร่งออกมา นางก็เริ่มมองไม่ออกว่าศิษย์ของนางคนนี้มีดีอะไรบ้าง
ลู่เหรินพยักหน้าและพูดว่า “จริง ๆ แล้วข้าเปิดช่องจิตได้เจ็ดจุด การเอาชนะนางไม่ใช่เรื่องยากอะไร ตอนที่สู้กับหลี่จิ้งเมื่อครู่ ข้าก็ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด!”
ในการประลองแลกเปลี่ยนครั้งนี้ สิ่งที่เขาต้องทำคือเอาชนะคนทั้งสามของ สำนักราชวงศ์ เขาจึงต้องเก็บไม้เด็ดไว้
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
อวิ๋นชิงเหยาชี้ไปที่ลู่เหริน และพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่า “หลังจากการประลองแลกเปลี่ยนจบลง ถ้าเจ้าไม่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟัง รอดูข้าจัดการเจ้า!”
เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องรอให้ผู้อาวุโสที่เป็นผู้ดำเนินรายการประกาศ ลู่เหรินและนาหลันซินขึ้นเวทีจากสองทิศทาง และยืนเผชิญหน้ากันห่างกันสิบเมตร
“ลู่เหรินไม่คิดเลยว่าเจ้าที่มีสายเลือดไร้ค่าจะสามารถฝึกฝนหมัดพยัคฆ์คำราม และ พยัคฆ์ก้าวพริบตาจนถึงระดับสัมบูรณ์ได้ เจ้าทำร้ายหลี่จิ้ง ข้าจะต้องเอาคืนให้นาง!”
นาหลันซินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ลู่เหรินกล่าวว่า “เจ้าทำร้ายพี่หยางหรง คนที่ควรจะเอาคืนคือข้าต่างหาก!”
“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถ!”
นาหลันซินตะโกนเบา ๆ ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ฟาดฝ่ามือใส่ลู่เหรินอย่างรุนแรง
หลังจากฝ่ามือหนึ่งก็เกิดกระแสลมที่น่าตกใจ
“หมัดพยัคฆ์คำราม!”
ลู่เหรินไม่หลบพร้อมชกหมัดออกไป เขาเลือกที่จะปะทะกับอีกฝ่ายโดยตรง
ตูม!
หมัดและฝ่ามือปะทะกัน ทั้งสองถอยหลังไปสามก้าวพร้อมกัน
แน่นอนว่าลู่เหรินยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ต้องการที่จะเห็นอสรพิษย่างกรายมากกว่า หากเขาใช้พลังทั้งหมด เมื่อครู่หมัดเดียวก็สามารถเอาชนะนาหลันซินได้แล้ว
หลังจากที่นาหลันซินทรงตัวได้ นางก็ใช้วิชาอสรพิษย่างกรายอีกครั้ง ร่างกายเคลื่อนไหวราวกับงู เคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ลู่เหริน และโจมตีจุดสำคัญของลู่เหรินอย่างต่อเนื่อง
ไม่เพียงแต่ร่างกายของนางจะอ่อนนุ่ม แม้แต่แขนของนางก็ยังอ่อนนุ่ม ฝ่ามือฟาดลงมาราวกับหัวงูกัดเข้าใส่ลู่เหริน!
“เขี้ยวงูวิญญาณสิบแปดพิษ!”
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!
ฝ่ามือที่รุนแรงราวกับงูพิษกำลังกัดกลางอากาศ แม้แต่เสียง ซู่ ๆ ก็ยังดังออกมา เผยดุร้ายฉายชัด
“วิทยายุทธระดับมนุษย์ขั้นสูง เขี้ยวงูวิญญาณสิบแปดพิษ… นางฝึกฝนได้ถึงสิบสองกัด วิชานี้เมื่อใช้ร่วมกับอสรพิษย่างกรายของนาง แทบจะไร้เทียมทานในการต่อสู้ระยะประชิด!”
“ลู่เหรินคงจะแพ้แน่ หากมีแค่หมัดพยัคฆ์คำรามและพยัคฆ์ก้าวพริบตา!”
บนใบหน้าของผู้อาวุโสหลายคนเผยร่องรอยของความกังวล
“ลู่เหริน...”
เมื่อเห็นภาพนี้อวิ๋นชิงเหยาก็รู้สึกกังวลในใจเช่นกัน นางไม่ได้กลัวว่าลู่เหรินจะแพ้ แต่กลัวว่าลู่เหรินจะได้รับบาดเจ็บ แม้ลู่เหรินจะเปิดช่องจิตได้เจ็ดจุด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ก็ยังไม่มีข้อได้เปรียบมากนัก
“ฝ่ามือแปดทิศ!”
ลู่เหรินแกว่งมือทั้งสองข้าง สร้างเป็นวงกลมเหมือนโม่แป้งทั้งป้องกันและโจมตี รับการโจมตีทั้งหมดที่เหมือนอสรพิษร้ายได้ทั้งหมด
“ฝ่ามือดุจแปดทิศราวกับราชาแห่งยมโลก นี่คือการฝึกฝนฝ่ามือแปดทิศจนถึงขั้นสัมบูรณ์!”
ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่หมายความว่าลู่เหรินได้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับมนุษย์ระดับต่ำทั้งสามชนิดจนถึงขั้นสัมบูรณ์แล้ว นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
“ภายในสองเดือน สามารถฝึกฝนวิทยายุทธสามชนิดจนถึงรขั้นสัมบูรณ์ได้ นี่มันพรสวรรค์แบบไหนกัน?”
ผู้อาวุโสใหญ่อุทานด้วยความประหลาดใจ
“เขาไม่ได้ฝึกฝนถึงสองเดือน เขาฝึกฝนเพียงหนึ่งเดือนก็คืนวิทยายุทธทั้งสามชนิดให้ข้าแล้ว!”
ผู้อาวุโสแห่งหอกระบวนท่าเองรู้สึกตกใจไม่น้อยด้วย
ตอนนี้เขาถึงนึกถึงคำพูดของลู่เหรินที่บอกว่าตัวเองฝึกฝนสำเร็จแล้ว ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้คิดดูแล้วลู่เหรินไม่เพียงแต่ฝึกฝนสำเร็จเท่านั้น ยังเป็นไปได้สูงว่าทั้งสามชนิดฝึกฝนถึงขั้นสัมบูรณ์แล้ว
“ภายในหนึ่งเดือน สามารถฝึกฝนวิทยายุทธระดับมนุษย์ระดับต่ำ สามชนิดจนถึง ขั้นสัมบูรณ์ ศิลาทดสอบต้องผิดพลาดแน่นอน ลู่เหรินไม่ใช่สายเลือดไร้ค่า เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นสายเลือดเทวะ!”
“สายเลือดเทวะ? เช่นนั้นสำนักเมฆาขจีของเราจะต้องรุ่งเรือง!”
ผู้อาวุโสของสำนักเมฆาขจีบนที่นั่งสูงสุดต่างตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น