ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (1)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของแอรอน ตอนที่ 30>
4. ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (1)
**********
“พอแค่นี้ก่อนดีกว่า”
ยูเน็ตพูดขึ้น
อารอนละมือจากหนังสือด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“เป็นยังไงบ้างอารอน ความทรงจำแรกกลับคืนมาหรือยัง?”
“ความทรงจำแรกเหรอครับ?”
หลังจากที่อารอนเข้าไปในมิติพิเศษนั้นครั้งแรก เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยอยากรู้ และไม่เคยพยายามหาคำตอบ
เพราะคิดว่ายิ่งรู้มากไปก็มีแต่จะแย่ลง
‘หรือว่าตอนนั้นก็ถูกสั่งการโดยจิตใต้สำนึก?’
เหมือนกับตอนที่อารอนถูกควบคุมโดยความเจ็บปวดจากการสูญเสียน้องสาว
ความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในใจสั่งให้อารอนไม่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวเอง
‘เพื่อปกปิดความปรารถนาอันน่าอับอายของฉัน?’
ในอดีต อารอนเคยคิดว่าเป้าหมายในชีวิตของเขาคือการได้กลับไปหาครอบครัว
เขาคิดว่าการได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับนีน่าคือสิ่งที่เขาต้องการ
แต่ความคิดนั้นมันผิด
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
อารอนพูดอย่างเยาะเย้ยตัวเอง
“ตอนนี้ผมมองย้อนกลับไปแล้วมันแปลกมากครับ ผมได้กลับมาที่ทาวน์เนียด้วยความช่วยเหลือจากพี่ชาย คนที่ตายไปแล้วก็ฟื้นขึ้นมา นีน่าก็ด้วย แต่ผม... ผมไม่เคยกลับไปบ้านเกิดเลย”
เหล่าวีรบุรุษแห่งวัลฮัลลาไม่ได้ต่อสู้ตลอดทั้ง 365 วันในหนึ่งปี
พวกเขามีเวลาเหลือเฟือที่จะใช้ชีวิตและพักผ่อนตามอัธยาศัย บางครั้งก็ได้หยุดยาวตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายเดือน
และมีวิธีมากมายที่จะข้ามมิติไปมา
แค่ขึ้นเรือเหาะพิเศษก็สามารถไปมิติไหนก็ได้
แต่อารอนไม่เคยไปที่ทาวน์เนียเลยสักครั้ง
“ทำไมผมถึงไม่เคยรู้สึกอะไรเลย”
ยูเน็ตไม่ตอบ
อารอนพูดต่อ
“แน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะผมไม่ได้เลือกน้องสาว ผมทิ้งนีน่าไปแล้วในความหมายที่แท้จริง”
ต่อให้กลับไป นีนาก็คงจำเขาไม่ได้
เพราะวีรบุรุษแห่งวัลฮัลลาจะถูกลบตัวตนออกจากโลกที่จากมา
ตัวตนของพวกเขาจะถูกลบเลือนไป
เพื่อที่จะมาวัลฮัลลา พวกเขาต้องละทิ้งทุกอย่าง
ครอบครัว ความทรงจำ ความอาลัยอาวรณ์ ทั้งหมด
อารอนก็ทำแบบนั้น
“ผมกลัวครับ กลัวว่าถ้าหากนีน่ามองผมเหมือนคนแปลกหน้า ผมคงเสียสติ แต่ผมไม่ควรเป็นแบบนั้น”
บางครั้งเขาก็อยากกลับบ้าน
หลายครั้งที่เขาจองตั๋วไปทาวน์เนียเพื่อจะกลับบ้าน
แต่สุดท้ายเขาก็ไปไม่ถึง
ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ฉุดรั้งเขาไว้
“นี่คือผลของกรรมสินะครับ”
ถ้าอยากได้อะไรมา ก็ต้องเสียอะไรไป
เพื่อให้ได้พลังแห่งกรรมมา อารอนต้องเสียสละอะไรไป?
“หรือว่าคุณยูเน็ต คุณรู้บางอย่างหรือเปล่าครับ?”
“นายหมายถึงอะไรเหรอฦ”
“เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของกรรม”
ยูเน็ตเงียบไป
อารอนพูดต่อ
“ผมใช้พลังนี้โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร มันอันตรายมากเลยนะครับ? มันอาจจะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“ก็คงงั้นมั้ง”
ยูเน็ตไม่ได้ปฏิเสธถึงอันตราย
“พลังแห่งกรรมของนาย มันอันตรายมากเลยล่ะ อันตรายกว่าที่นายคิดไว้ซะอีก ถ้าจะเปรียบเทียบกับที่โลก ก็คงเหมือนกับอาวุธนิวเคลียร์”
“อาวุธนิวเคลียร์เหรอครับ?”
เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
อาวุธที่แค่กดปุ่มเดียวก็สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้
...มันอันตรายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะเนี่ย
“ถ้าเกิดผลข้างเคียงขึ้นมา วัลฮัลลาอาจจะหายไปเลยก็ได้นะครับ?”
“หา? ไม่ขนาดนั้นหรอก...”
“ฮิๆ ตอนนี้ยังเป็นแค่สมมติฐานอยู่ค่ะ ฉันก็ยังไม่สามารถตอบได้แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ คือมันอันตรายมากเลยล่ะค่ะ ฟังนะ อารอน ฉันกังวลทุกวันเลยนะ รู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ข้างๆ ภูเขาไฟที่รอวันปะทุ ถ้ามันระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จบเห่กันหมด”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
ยูเน็ตพยักหน้า
“นายน่าจะรู้ดีใช่ไหม? ว่านายใช้พลังอะไร”
“ครับ”
“เอาล่ะ งั้นอ่านต่อเลย”
เธอผายมือไปยังหน้าถัดไป
คงจะมีคำใบ้อยู่ในหนังสือเล่มนี้สินะ
อารอนเอื้อมมือไปที่หน้าหนังสือ
แสงสว่างเจิดจ้าแผ่กระจายออกมา และกลืนกินสติของเขาไป
———————————————————————————
ฟิ้ว
แสงสลัวๆ ส่องออกมาจากจากพอร์ทัล
ไม่นานนัก พอร์ทัลก็ปล่อยร่างของคนสองคนออกมา ก่อนจะสลายไปพร้อมกับประกายแสง
“ฮ่าๆๆ! ดูสิ! นายท่านทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเลย! ตลกสุดๆ ไปเลย!”
“.....”
“โอ๊ย! เจ็บนะครับ!”
เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะตบหลังชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
“เอ่อ... มันเรียกว่าอะไรนะ? ดาบใหญ่สีดำที่ว่ากันว่าไม่มีวันแตกหัก สุดท้ายก็โดนหอกแทงทะลุไปทีเดียว ฮ่าๆๆ!”
“อย่าแกล้งผมเลยครับ ผมรู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว...”
ชายหนุ่มทำหน้าบึ้งตึง
เขาสวมเครื่องแบบสีดำของเนลม์ไฮมฟ์
เป็นหลักฐานว่าสังกัดเขาเปลี่ยนจากทาวน์เนียเป็นเนลม์ไฮมฟ์เรียบร้อยแล้ว
“ได้ยินมาว่ามันเป็นอาวุธคู่กายของพี่ชายนะ ถ้ามันพังไปแบบนี้ พี่ชายคงลำบากจนกว่ามันจะซ่อมเสร็จแน่ๆ เลย”
“แล้วไง? นายท่านคงจัดการเองได้แหละน่า”
“แต่ว่า...”
“ตอนนี้ยังมีกะจิตกังวลเรื่องคนอื่นอีกเหรอ?”
“ก็เปล่าหรอกครับ”
ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบ หรือก็คืออารอนถอนหายใจออกมา
จริงๆ แล้ว ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่คิดไว้เยอะ
อารอนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องเข้าร่วมการแข่งขัน
มิติแห่งการเปลี่ยนแปลงกาลเวลา ลัวนาน
ในขณะที่อารอนกำลังฝึกแทงและเหวี่ยงหอกอย่างไร้จุดหมาย
อาจารย์ของเขาก็ได้ยื่นข้อเสนอมา
อาจารย์ถามว่าเขาอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันที่จะจัดขึ้นหรือไม่
และบอกว่าเพื่อนเก่าจากทาวน์เนีย รวมถึงฮานและเจนน่า ก็จะเข้าร่วมด้วย
“ไม่เอาครับ!”
อารอนปฏิเสธทันที
“ผมยังไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลย แล้วจะให้ไปแข่งขันเนี่ยนะครับ? ผมจะเอาหน้าไปมองพี่ชายและเพื่อนๆ ได้ยังไง? ถ้าความอ่อนแอนี่ของผมถูกเปิดเผยออกไป...ผมคงอายจนแทบอยากจะตาย!”
“ก็สมัครไปแล้ว”
“ห๊า?”
“นายจะเข้าร่วมในฐานะฮีโร่จากเนลม์ไฮมฟ์ ตั้งแต่วันนี้นายเป็นคนของเนลม์ไฮมฟ์แล้ว คนในทีมเดียวกันจะต่อสู้กันไม่ได้ เข้าใจไหม?”
“อะไรนะครับ อยู่ๆอาจารย์พูดอะไร...”
“ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยนี่?”
คำพูดของเด็กหนุ่มเหมือนมีดที่กรีดลึกเข้าไปในใจของอารอน
เขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้
“‘นาย’ คนปัจจุบัน อยู่ที่นี่มา 50 กว่าปีแล้วไม่ใช่เหรอ? แต่ก็ยังเหมือนเดิมกับตอนที่เข้ามาใหม่ๆ ตั้งใจฝึกดีนะ แต่ก็แค่นั้นแหละ ต้องแสดงอะไรออกมาให้เห็นบ้างสิ”
“นั้น…”
“มีบางอย่างขาดหายไป ฉันเดาว่านายต้องการประสบการณ์พิเศษใช่ไหม? ไปฝึกกับพวกเด็กมีแววที่ศูนย์ฝึกก็ดีนะ? ถือโอกาสทบทวนไปด้วยในตัว”
“...”
“เอาล่ะ อารอนแห่งเนลม์ไฮมฟ์! ไปเลย! ไปจัดการพวกที่ชอบเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะให้หมด!”
“อะไรนะ?!”
“ไปกันเถอะ!”
เขาไม่คิดจะขอความเห็นอะไรทั้งนั้น
เด็กหนุ่มลากอารอนไปราวกับกำลังลักพาตัว
ประตูมิติเปิดออกราวกับรอพวกเขาอยู่แล้ว ทั้งสองคนกลับไปยังเนลม์ไฮมฟ์
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่นั่นพักหนึ่ง พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังสนามแข่งขันในมิติที่เป็นกลาง
และได้พบกับเพื่อนเก่าจากทาวน์เนียอีกครั้ง
“ถ้าผมชนะการแข่งขันเดี่ยวในครั้งนี้ ผมจะกลับไปทาวน์เนียครับ”
ณ สนามแข่งขัน
อารอนพูดแบบนั้นกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนาน
ในการแข่งขันนั้น อารอนได้รองแชมป์หลังจากแพ้ฮันในรอบชิงชนะเลิศ
การที่เขาไปถึงรอบชิงได้ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือ
มันเป็นแค่ความบังเอิญและความประมาทของคู่ต่อสู้เท่านั้น
เมื่อกลับมาที่ลัวนานแล้ว อารอนก็คิดว่ามันเป็นสัญญาที่ไร้สาระสิ้นดี
“อ๊าก!”
ความอับอายจากความทรงจำอันน่าขายหน้าทำให้อารอนต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้า
ทำไมเขาถึงให้สัญญาแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองอ่อนแอขนาดไหน
“ทำท่าอะไรของนาย? ก็ได้อะไรกลับมาบ้างนี่”
“ได้อะไรกลับมานะเหรอครับ”
“นายก็เข้าใจอะไรมากขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
“จะเรียกว่าเข้าใจก็...”
อารอนก้มหน้าลง
ถ้าจะมองในแง่ดี อารอนก็ถือว่าได้รับบางอย่างกลับมา
เขาได้รับความมั่นใจในความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
ความเป็นไปได้นั้นก็คือ เวลาที่อารอนใช้ไปที่นี่อาจจะไม่ใช่ 57 ปี
ในความทรงจำของเขา มันคือ 57 ปี
เมื่อประมาณ 60 ปีก่อน อารอนมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรกด้วยความหวังที่จะแข็งแกร่งขึ้น และเริ่มฝึกฝน
แต่ในระหว่างการฝึก เขามักจะรู้สึกแปลกๆ เป็นบางครั้ง
ในตอนนั้น อารอนไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เขาได้แต่นอนนิ่งๆ และปล่อยเวลาให้ผ่านไป
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น
ในช่วงเวลาที่หายไปนั้น เขาเห็นอะไรบ้าง….