ตอนที่แล้วบทที่ 69 : ถ้ำสวรรค์สามพันเเห่ง, ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แปดร้อยเเห่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 71 : เหยียบคลื่นและดูทะเล!

บทที่ 70 : ผู้ฝึกยุทธแต่ละคนต่างก็มีมีวิถีแห่งเต๋าที่ตัวเองยึดมั่น


บทที่ 70 : ผู้ฝึกยุทธแต่ละคนต่างก็มีมีวิถีแห่งเต๋าที่ตัวเองยึดมั่น

"ตอนแรกข้ายังลังเลอยู่ เพราะชายฝั่งทะเลเหนือมันไกลมาก"

"แต่ถ้าเจ้าจะไป ข้าก็จะไปด้วยแน่นอน!" องครักษ์สิบสามพูดอย่างไม่ลังเล

"งั้นพวกเรายังขาดอีกหนึ่งคน!"

"เรื่องนี้ง่ายมาก…​ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!" องครักษ์สิบสามพูดอย่างมั่นใจ

"เจ้ารอข่าวจากข้าได้เลย…เเละพวกเราน่าจะออกเดินทางได้พรุ่งนี้เช้า!"

หลินเสวียนพยักหน้ารับ, แล้วส่งองครักษ์สิบสามออกไป

……..

หลังจากนั้น, หลินเสวียนก็หยิบโอสถก่อกำเนิดและโอสถหลอมลมปราณมากินอย่างละหนึ่งเม็ด

วางศิลาวิญญาณไว้ในห้องฝึกฝน ปล่อยให้วิชาปราณน้ำแข็งเพลิงฝึกฝนด้วยตัวเอง

หนูสายฟ้ามองศิลาวิญญาณที่หลินเสวียนวางไว้…ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย ทว่ามันก็ยังไม่กล้าขโมยกิน!

……

"หลินเสวียน…ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์จะไปกับพวกเรา"

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง องครักษ์สิบสามก็ส่งข่าวกลับมา

"ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์จะไปด้วย?" หลินเสวียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย​

"อืม!"

"จริงๆแล้วสามลงทัณฑ์อยากจะไป…แต่หัวหน้าไม่ค่อยไว้ใจ เลยตัดสินใจไปเอง" องครักษ์สิบสามส่งข้อความมา

"ไม่ค่อยไว้ใจ?" หลินเสวียนงุนงงกับคำนี้

"สามลงทัณฑ์คนนั้น...พูดอย่างไรดี, ไว้เจ้าได้เจอกับเขาแล้วจะรู้เอง"

"แต่ตอนนี้ดีแล้ว!"

"ในเมื่อผู้อาวุโส​ยอมไปด้วย, พวกเราก็ยิ่งมั่นใจในด้านความปลอดภัย​ได้มากขึ้น" องครักษ์สิบสามพูดอย่างยินดี

"ตกลง, งั้นพวกเราออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า!"

หลินเสวียนตอบกลับ จากนั้นก็นั่งพักผ่อนอยู่ที่ค่ายกลดูดซับพลังวิญญาณ

……

[วิชาปราณน้ำแข็งเพลิงฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งคืน พลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดสายที่สี่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย…อีกไม่นานก็น่าจะบ่มเพาะออกมาได้!]

โอสถก่อกำเนิดหนึ่งเม็ด!

โอสถหลอมลมปราณหนึ่งเม็ด!

ศิลาวิญญาณสี่ก้อน!

ทั้งหมดนี้​ทำได้​แค่ทำให้พลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดสายที่สี่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

"ดูเหมือนว่า ยิ่งมีพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดมากเท่าไหร่ การบ่มเพาะพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดสายใหม่…ก็ยิ่งต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น​"

"แต่ข้าก็ไม่ต้องกังวล​อะไร"

"ในมือข้ายังมีโอสถก่อกำเนิดที่มีลวดลายโอสถ​สิบเส้นอีกสิบเม็ด!"

"โอสถหลอมลมปราณก็มีเยอะ, ศิลาวิญญาณก็ไม่ขาดแคลน,​ พวกมันเพียงพอที่จะใช้ได้อีกสักพัก"

หลินเสวียนไม่ได้รู้สึกกังวล

การบำเพ็ญเพียรไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน…เขาต้องค่อยๆเป็นค่อยๆ ไป

หลินเสวียนมีความอดทน,​ ดังนั้น​เขาจะค่อยๆฝึกฝน!

……

"หลินเสวียน!"

"พวกเราออกเดินทางกันได้แล้ว!"

ทันใดนั้น, เสียงขององครักษ์สิบสามก็ดังมาจากข้างนอก

"มาแล้วครับ!"

หลินเสวียนตอบกลับ เขาล้างหน้าล้างตา แล้วก็เดินลงมาข้างล่าง

ณ​ ขณะนี้…ทั้งองครักษ์สิบสามและผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ต่างก็สวมชุดคลุมยาวสีเขียว

พวกเขาเก็บสัญลักษณ์ของสำนักเทียนเซียวเอาไว้…หลินเสวียนก็เช่นกัน

"หลินเสวียนคารวะผู้อาวุโส​!" หลินเสวียนรีบคารวะ

"หลินเสวียน ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น…พวกเราล้วนเป็นคนของหอลงทัณฑ์เหมือน​ๆกัน"

"สิบสามลงทัณฑ์​เเละพรรคพวกมักจะเรียกข้าว่าหัวหน้า…เจ้าไม่รังเกียจก็เรียกข้าว่าหัวหน้า​ หรือจะเรียกผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ก็ได้!"

ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์โบกมือ, เขาไม่ได้​สนใจเรื่องพิธีรีตองมากนัก​

"ครับ…หัวหน้า!"

เมื่อผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ไม่ใส่ใจ หลินเสวียนก็ยิ่งไม่ใส่ใจ

"งั้นตกลงตามนั้น…เอาล่ะ, ได้เวลาแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!"

ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์มองท้องฟ้าแล้วพูดขึ้น

"พวกเราไม่ต้องไปรับเหยี่ยวปีกสีเขียวก่อนหรือ?"

หลินเสวียนงุนงงเล็กน้อย​!

"เหยี่ยวปีกสีเขียว?"

องครักษ์สิบสามได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด

"เหยี่ยวปีกสีเขียวสามารถบินได้หมื่นลี้ต่อวัน แต่การเดินทางไปยังชายฝั่งทะเลเหนือ ต้องข้ามแคว้นกว่างหลิงไปครึ่งหนึ่ง!"

"ต่อให้เหยี่ยวปีกสีเขียวบินโดยไม่หยุดพัก…ก็ต้องใช้เวลาถึงสองเดือน"

"กว่าข้าจะไปถึงที่นั่น มันคงจะสายไปแล้วเเหล่ะ!"

องครักษ์สิบสามพูดพลางส่ายหัว

"แล้วพวกเราจะไปกันยังไงล่ะ?" หลินเสวียนพึมพำ​

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเวลา!

"หัวหน้า, รีบเอาออกมาให้หลินเสวียนดูสิ!"

องครักษ์สิบสามมองผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ด้วยรอยยิ้ม

"เอาล่ะ!"

ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ยกยิ้ม

จากนั้น​เขาก็หยิบ​อาวุธวิญญาณ​ที่มีรูปร่างคล้ายกระสวยออกมา

อาวุธวิญญาณ​นี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ, บนพื้นผิว​ของมันนั้นมีอักขระที่ซับซ้อนติดตั้ง​อยู่​มากมาย

"อาวุธ​วิญญาณ​สำหรับบิน?"

หลินเสวียนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก!

อาวุธ​วิญญาณ​มีหลายประเภท, ตั้งเเต่อาวุธ​วิญญาณ​สำหรับป้องกัน, อาวุธ​วิญญาณ​สำหรับโจมตี, และอาวุธ​วิญญาณ​สำหรับบิน

"ใช่แล้ว!"

"สิ่งนี้เรียกว่า กระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​ มันเป็นอาวุธ​วิญญาณ​ระดับลึกลับขั้นสูง…เเละมีเพียงชิ้นเดียวในหอลงทัณฑ์สายนอก!"

ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ตอบด้วยรอยยิ้ม

กระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​ ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของหอลงทัณฑ์…ปกติแล้วไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ง่ายๆ!

แต่ครั้งนี้เรื่องอาณาจักร​ลับเป็นเรื่องใหญ่มาก!

และผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ก็เป็นถึงหัวหน้า…เขาจึงสามารถนำออกมาใช้ได้

"เปิดใช้​งา​น!"

ผู้​อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์พูดพลางร่ายมนตร์

ทันใดนั้น, กระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่าก็​ขยายใหญ่ขึ้นจนมีความยาวสิบฟุต

ภายในมีพื้นที่เล็กๆที่ดูเรียบง่ายมาก

"ข้างในนี้นั่งได้ด้วย?" หลินเสวียนตกตะลึงอีกครั้ง

"อืม!"

"เพียงแค่ผู้ฝึกยุทธนั่งอยู่ข้างในใช้ศิลาวิญญาณเป็นพลังงาน…มันก็จะบินได้เอง, ส่วนพวกเราแค่คอยควบคุมทิศทางก็พอแล้ว"

"นอกจากนี้, บนกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​มีค่ายกล...พลังป้องกันของมันจึงเทียบเท่ากับอาวุธ​วิญญาณ​ระดับลึกลับ!"

"ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตก่อกำเนิดเเก่น​เเท้​ทั่วไป…ไม่สามารถทำลายมันได้" องครักษ์สิบสามอธิบาย

"ถ้าอย่างนั้น การที่จะเป็นช่างหลอมสร้างอาวุธได้…ก็ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านค่ายกลด้วยสินะ?"

หลินเสวียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ใช่แล้ว!"

"ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล อาจจะไม่ใช่ช่างหลอมสร้างอาวุธ…แต่ช่างหลอมสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งทุกคน ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล" ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์พูดอย่างมั่นใจ

"จริงๆแล้ว ผู้ฝึกยุทธทุกคนเพียงแค่ทะลวงสู่ขอบเขตก่อกำเนิดเเก่น​เเท้​ก็สามารถเป็นช่างหลอมสร้างอาวุธได้ เเล้ว…แต่ก็แค่เป็นได้เท่านั้น"

"ถ้าหากไม่มีค่ายกลช่วย…ก็ทำได้แค่หลอมสร้างอาวุธ​วิญญาณ​ระดับสีเหลืองขั้นสูงเท่านั้น"

"อาวุธ​วิญญาณ​ระดับลึกลับขึ้นไป ต้องใช้ค่ายกลเสมอ" องครักษ์สิบสามพูดเสริม

"ข้าเข้าใจแล้ว!" หลินเสวียนพยักหน้า​

ตอนนี้, เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับการหลอมสร้างอาวุธในระดับหนึ่งแล้ว

"เอาล่ะ พวกเราขึ้นไปกันเถอะ!" ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ยกยิ้ม

เขากระโดดขึ้นไปบนกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​เป็นคนแรก

จากนั้น, หลินเสวียนและองครักษ์สิบสามก็ตามขึ้นไป!

พื้นที่ภายในกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​เป็นเหมือนกับกล่องแก้ว

เมื่อหลินเสวียนยืนอยู่ภายในกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า, ​ เขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายนอกได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้น, ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์ก็หยิบศิลาวิญญาณระดับต่ำออกมาห้าก้อน…แล้ววางไว้ในค่ายกลตรงกลางกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​

บูมมมม!

ทันใดนั้น, กระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

เเละพริบตาเดียวมันก็บินออกไปไกลหลายร้อยลี้!

"ความเร็วนี้..…"

หลินเสวียนรู้สึกทึ่งอย่างมาก!

ถึงแม้ว่ากระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​จะมีความเร็วสูงมาก แต่คนข้างในกลับรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนพื้นราบ…ไม่รู้สึกถึงความไม่สบายแม้แต่น้อย

มันสะดวกสบายกว่าการนั่งเหยี่ยวปีกสีเขียวมาก

"พวกเราพักผ่อนกันก่อนเถอะ​"

"ด้วยความเร็วของกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า, พรุ่งนี้เช้าพวกเราก็น่าจะไปถึงชายฝั่งทะเลเหนือแล้ว"

ผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

ณ​ ขณะนี้…หลินเสวียนยืนอยู่ภายในกระสวย​เเห่ง​ความว่า​งเปล่า​

เขามองดูภูเขาและแม่น้ำที่อยู่เบื้องล่าง…รู้สึกถึงความทะเยอทะยาน อยากจะขึ้นไปยืนบนยอดเขาที่สูงที่สุด​ เพื่อมองดูภูเขานับพัน

ส่วนหนูสายฟ้า ก็ยืนขึ้นสองขาอยู่บนไหล่ของหลินเสวียน

ดวงตาเล็กๆ ทั้งสองข้างกระพริบถี่ๆ เห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างตกตะลึง​กับฉากที่ได้เห็​น

……

[ดีมาก!]​

[แบบนี้สิ ถึงจะเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเราควรทำ!]​

[ท่องเที่ยวไปตามภูเขาและแม่น้ำ…เรียนรู้วิถีแห่งชีวิต​จากธรรมชาติ]​

ใน​ขณะนี้…วิชาทะยานเหนือคลื่นดีใจมาก!

มันชอบภูเขาและแม่น้ำที่สวยงามเเบบนี้​เป็นที่สุด​

[วิชาทะยานเหนือคลื่น มองเห็นความกว้างใหญ่ของโลกและความงดงามของภูเขาและแม่น้ำ…จิตวิญญาณได้รับการยกระดับเเละกำลังพัฒนาตัวเอง!]

"เจ้าช่างเป็นวิชาที่รักอิสระเสรีเสียจริง"

หลินเสวียนยกยิ้มแล้วพูดในใจ

[จะเป็นวิชาที่รักอิสระเสรี หรือวิชาที่ชอบฝืนชะตาฟ้าดิน….มันก็ล้วนเป็นรูปแบบของการดำรงชีวิต]

[ผู้ฝึกยุทธก็คือผู้จุดประกายแห่งความหวังเเห่งชีวิต​ในใจ, ไล่ตามอนาคตที่ไม่แน่นอน…เดินบนเส้นทางที่อาจจะไม่มีวันสิ้นสุด]

วิชาทะยานเหนือคลื่นพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา

เเละคำพูดนี้ของมัน ทำให้หลินเสวียนรู้สึกเหมือนได้รับการตรัสรู้บางอย่าง​ภายในใจ!

ใช่แล้ว!

นี่คือรูปแบบการดำรงชีวิต!

ผู้ฝึกยุทธแต่ละคนต่างก็มีวิธีการบำเพ็ญเพียรของตัวเอง…มีวิถีแห่งเต๋าที่ตัวเองยึดมั่น

ลู่จื่อเยว่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสำนักเทียนเซียว!

ผู้อาวุโสหลิวยึดติดกับตำแหน่งผู้ดูแลหอทรัพยากรสายนอก แม้ว่าศักยภาพของเขาจะหมดลงแล้ว…แต่เขาก็ยังคงยึดมั่นในความเชื่อดั้งเดิม!

ศิษย์พี่หญิงรองยู่หยาน เพื่อที่จะก้าวหน้าต่อไป…จึงกลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสายในที่ใกล้หมดอายุขัย!

องครักษ์สิบสามถึงกับสละสถานะศิษย์สายในเเละมาเข้าร่วมหอลงทัณฑ์สายนอก…ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะเดินบนเส้นทางการบำเพ็ญเพียรให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น

ทุกคน…ต่างก็ดิ้นรนเเละเดินบนเส้นทางที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมที่สุด

ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา..หลินเสวียนก็รู้สึกว่าตัวเองได้เข้าสู่สภาวะที่ลึกลับ!

ความรู้สึกนี้….เหมือนกับนั่งอยู่บนก้อนเมฆ

ความคิดทั้งหมดปลอดโปร่ง…ทั่วทั้งร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยพลังลึกลับ!

หลินเสวียนกำลังเกิดภาวะ​หยั่งรู้ฟ้าดิน​!

[วิชาทะยานเหนือคลื่นสอดคล้องกับสภาวะการหยั่งรู้….ความเร็วในการพัฒนาเพิ่มขึ้นสามเท่า!]

[วิชาปราณน้ำแข็งเพลิงสอดคล้องกับภาวะการหยั่ง​รู้…ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้นสามเท่า!]

ตูมมมม!

ในเวลาเดียวกัน!

พลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดสามสายภายในร่างกายของหลินเสวียน ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พวกมันก่อตัวเป็นแรงดูดมหาศาล…ดูดซับพลังวิญญาณจากสวรรค์และโลกอย่างต่อเนื่อง!

……

"เจ้าหมอนี่…เกิดภาวะการหยั่งรู้อีกแล้วเหรอ?"

ในตอนนี้

ทั้งผู้อาวุโส​หนึ่งลงทัณฑ์และองครักษ์สิบสามต่างก็มองหลินเสวียนเหมือนมองสัตว์​ประหลาด​!

…………………………….

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด