ตอนที่แล้วบทที่ 347 ความงามใต้หล้านับสิบ ข้าครอบครองไปแปด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 349 องค์จักรพรรดินีทรงหมายปองเขาจริง ๆ !

บทที่ 348 คุณชายหลิน ท่านหนีข้าไม่พ้นหรอก จงประพฤติดีและยอมจำนนต่อข้า!


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 348 คุณชายหลิน ท่านหนีข้าไม่พ้นหรอก จงประพฤติดีและยอมจำนนต่อข้า!

รุ่งขึ้น ในเวลารุ่งสาง หลังจากการอ่านโองการ จักรพรรดินีก็ตรัสขึ้นว่า "ท่านหลิน ออกมาข้างหน้า!"

หลินเป่ยฟานรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ทำไมจักรพรรดินีดูโกรธ? นางไม่เคยพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน หรือว่านางกำลังอารมณ์เสียเรื่องอื่น?

ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ควรโทษข้าสิ!

เหล่าขุนนางต่างคิดไปต่าง ๆ นานา รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่คาดการณ์ไว้กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

หลินเป่ยฟานก้าวไปข้างหน้า ค้อมศีรษะอย่างสง่างาม และกล่าวว่า "กระหม่อมมาแล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

ดวงตาที่งดงามของจักรพรรดินีจ้องไปที่หลินเป่ยฟานอย่างดุร้าย นางถามผ่านฟันที่กัดกรอดแน่น "ท่านหลิน ช่วงนี้ท่านว่างงั้นหรือ?"

หลินเป่ยฟานรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จักรพรรดินีหมายถึงอะไร? เขารู้สึกว่านางคล้ายกำลังจะตรวจสอบบางสิ่ง...

ดวงตาของเหล่าขุนนางเป็นประกาย จักรพรรดินีจะถามเขาหรือ? นางจะลงโทษคนชั่วคนนั้นหรือไม่?

ดี! เหล่าขุนนางต่างรู้สึกตื่นเต้น เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ และท้องพระโรงก็เงียบผิดปกติ

"เหตุใดฝ่าบาทจึงตรัสถามเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ?" หลินเป่ยฟานถามด้วยความสับสน

จักรพรรดินียิ้มเย็นและพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ว่า "ข้าได้ยินมาว่าท่านเพิ่งเลี้ยงต้อนรับปรมาจารย์เหล่านั้นด้วยเหล้าชั้นดีและอาหารรสเลิศ สนุกสนานกันทุกคืน ดูเหมือนท่านจะสนุกมาก! นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?"

หลินเป่ยฟานยิ่งร้อนใจมากขึ้น จักรพรรดินีกำลังวางแผนที่จะสืบสวนจริง ๆ !

เหล่าขุนนางยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะดำเนินการกับคนชั่วนั่น!

ในที่สุดวันที่พวกเขารอคอยก็มาถึง ดูเหมือนความฝันจะเป็นจริงในที่สุด

"ฝ่าบาท แท้จริงแล้วเป็นเรื่องจริง! คนเหล่านี้เป็นสหายของกระหม่อมเอง เนื่องจากพวกเขาไม่ค่อยมาเยี่ยมเยืยน กระหม่อมจึงอยากต้อนรับขับสู้พวกเขาอย่างอบอุ่น ในเวลาเดียวกัน กระหม่อมพยายามที่จะได้รับการสนับสนุนจากพวกเขาให้กับราชสำนัก เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นพันธมิตร กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะเข้าใจ!" หลินเป่ยฟานอธิบาย

"การต้อนรับสหายเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่ท่านต้องแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม!" จักรพรรดินีตำหนิ "ข้าถามท่าน ในฐานะอัครมหาเสนาบดีแห่งอาณาจักรอู๋ใหญ่ รับผิดชอบในการดำเนินนโยบายเพื่อการฟื้นฟูและความมั่นคง ท่านได้จัดการเรื่องเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของอาณาจักรหรือไม่?"

"กราบทูลฝ่าบาท นโยบายนี้ได้แจกจ่ายไปตามความรับผิดชอบของหกกรม เก้ามหาเสนาบดี และสำนักงานผู้ว่าการต่าง ๆ ขุนนางต่างให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน และการดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี" หลินเป่ยฟานรายงาน

"ข้าจะถามท่านอีกครั้ง ในฐานะเจ้านครหลวง ท่านได้จัดการกิจการของนครเต๋อเทียนเป็นอย่างดีหรือไม่?" จักรพรรดินีถามอีกครั้ง

"กราบทูลฝ่าบาท ปัจจุบันราษฎรในนครหลวงอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่งเรืองไม่มีเหตุการณ์สำคัญใด ๆ เกิดขึ้น ดังนั้น เรื่องภายในนครจึงลดลงอย่างมากและกระหม่อมได้จัดการอย่างเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หลินเป่ยฟานรายงานอีกครั้ง

"ข้าจะถามท่านอีกครั้ง ในฐานะผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักศึกษาหลวง ท่านได้จัดการกิจหลวงของสำนักศึกษาหลวงเป็นอย่างดีหรือไม่?" จักรพรรดินีถาม

"กราบทูลฝ่าบาท สำนักศึกษาหลวงมีขั้นตอนการดำเนินงานที่มั่นคงแล้ว ตราบใดที่ข้าหลวงปฏิบัติหน้าที่และดำเนินการไปทีละขั้น ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย" หลินเป่ยฟานรายงานอีกครั้ง

"หลังจากที่ท่านจัดการเรื่องงานหลวงเหล่านี้แล้ว ท่านยังมีพลังงานที่จะสนิทชิดเชื้อสหายสนิทของท่านอีก ดูเหมือนท่านจะค่อนข้างว่างจริง ๆ ! ช่างเป็นอะไรที่เหลือเชื่อนัก!" น้ำเสียงของจักรพรรดินีดูคล้ายมีการเยาะเย้ย สายตาของนางที่มองไปยังหลินเป่ยฟานดูลึกลับและมุ่งร้าย

หลินเป่ยฟานรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก ดูเหมือนจักรพรรดินีจะตำหนิเขาจริง ๆ !

แย่แล้ว! เมื่อวันก่อนข้าพูดว่าจักรพรรดินีเป็นคนโง่เขลาที่หลงรักเขาสุดหัวใจ แต่วันนี้นางกลับดูฉลาดและมีอำนาจ ตัวข้านี้มันเหลือเกินจริงเชียว ข้าไม่น่าพูดพล่อย ๆ เลย ตอนนี้ข้าจึงต้องเผชิญกับผลที่ตามมา!

เหล่าขุนนางยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น!

ฝ่าบาทกำลังจะจัดการกับหลินเป่ยฟานคนทรยศจริง ๆ !

บรรพบุรุษในสวรรค์ นี่เป็นโอกาสอันน่ายินดี! สวรรค์เปิดตาแล้ว!

ทรงพระเจริญ! ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!

ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกเราหรอก จัดหนักเลย ทำให้พายุโหมกระหน่ำยิ่งขึ้น!

ตราบใดที่เขาตาย พวกเราก็ขอยอมพลีกาย!

จัดการ จัดการ จัดการมันให้ราบคาบ!!!

หลินเป่ยฟานคิดว่าเขายังหาข้ออ้างได้ "ฝ่าบาท ที่จริง..."

จักรพรรดินีโบกมืออย่างสง่างาม "ท่านหลินไม่ต้องอธิบาย! ข้าทำงานอย่างขยันขันแข็งในวังทุกวันเพื่อจัดการเรื่องของบ้านเมือง ในขณะที่ท่านสนุกสนานกับสหาย ๆ ดื่มและสนุกสนาน ท่านสามารถอธิบายตัวเองกับข้าได้หรือไม่?"

"ฝ่าบาท กระหม่อม..."

จักรพรรดินีทุบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ตรัสอย่างโกรธเคืองว่า "พอได้แล้วกับเรื่องไร้สาระของท่าน! ข้าไม่อยากได้ยินคำอธิบายของท่าน! เนื่องจากท่านดูเหมือนจะมีเวลาว่างมาก...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านจะมาที่ตำหนักของข้าและช่วยข้าทำงานบ้านเมือง แบ่งเบาภาระการปกครอง!"

หลินเป่ยฟาน "ว่ายังไงนะพ่ะย่ะค่ะ?!"

ข้าหลวง "ว่ายังไงนะพ่ะย่ะค่ะ?!"

ทุกคนตกตะลึง! ตกใจ!

นี่ไม่ใช่การลงโทษเลย!

เห็นได้ชัดว่าเป็นรางวัล!

รางวัลมหาศาลเชียว!

การได้ช่วยองค์จักรพรรดิว่าราชการแผ่นดิน ถือเป็นการขยายอำนาจของตนอย่างมหาศาล อำนาจวาสนาจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปอีก!

ชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของเหล่าขุนนางล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉา ริษยา และความแค้น

แต่หลินเป่ยฟานกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย!

ช่วยองค์จักรพรรดินีว่าราชการ? จะมีงานมากมายเท่าใดกัน? เขาไม่ใช่คนโง่เขลา!

เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ อนาคตเขาจะยังได้เสพสุขอยู่หรือไม่?

บอกตรง ๆ เขาแค่อยากเป็นคนว่างงานคล้ายดั่งปลาเค็ม นอนเอกเขนก สบาย ๆ ไม่ต้องทำงานหนัก!

ดังนั้น หลินเป่ยฟานจึงตกใจยิ่ง "ฝ่าบาท โปรดทบทวนด้วย!"

องค์จักรพรรดินีตรัสว่า "เราได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว!"

หลินเป่ยฟานยังคงดิ้นรน "ฝ่าบาท กระหม่อมประสบการณ์น้อย..."

องค์จักรพรรดินีตรัสว่า "ท่านได้เป็นถึงอัครมหาเสนาบดีแล้ว ยังขาดประสบการณ์อันใดอีก? ทำอย่างไรมาก็ทำอย่างนั้นต่อไป เราเชื่อว่าท่านจะสามารถจัดการได้เป็นอย่างดี"

หลินเป่ยฟานยังคงดิ้นรน "ฝ่าบาท กระหม่อมมีภาระหน้าที่มากมาย..."

องค์จักรพรรดินียิ้มเย็น "ท่านหลิน ถึงท่านจะมีภาระมากมาย แต่สามารถมากกว่าเราได้หรือ? เราว่าราชการแผ่นดินทุกวัน ท่านเพียงจัดการเรื่องเล็กน้อย จะเทียบกับเราได้หรือ?"

องค์จักรพรรดินีโบกมือ "ท่านหลิน เลิกพูดเถิด! ท่านเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท่านควรทำเป็นธรรมดา อีกทั้ง เราก็ได้ถามท่านแล้ว ท่านก็บอกว่าภาระหน้าที่ของท่านจัดการได้ดี จึงมีเวลาว่างไปดื่มสุรา สังสรรค์กับมิตรสหาย! ในเมื่อท่านมีเวลา ทำไมไม่เห็นใจเราบ้าง ช่วยเราทำงานบ้าง?"

หลินเป่ยฟานอยากตบหน้าตัวเองสักหลายฉาดไม่น่าตอบตรงไปตรงมาเช่นนี้เลย!

หาข้ออ้างไม่เป็น เศร้าใจยิ่งนัก!

ในเวลานี้ องค์จักรพรรดินีทอดพระเนตรไปยังเหล่าขุนนางด้วยสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยความรำคาญ "พูดให้ชัดเจน! พวกท่านซุบซิบอะไรกัน?"

ในตอนนี้ หลินเป่ยฟานและเหล่าขุนนางได้ปรึกษาหารือและเข้าใจตรงกันแล้ว

เกาเทียนเหยา เสนาบดีกรมขุนนาง ยืนขึ้นและกล่าวเสียงดัง "ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า..."

องค์จักรพรรดินียิ้มบาง ๆ "ขุนนางเกาพูดได้ดี เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว"

เกาเทียนเหยาทำหน้าฉงน "ฝ่าบาท กระหม่อมมิได้พูดอะไรเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"

องค์จักรพรรดินีถลึงตาใส่หลินเป่ยฟานที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย "เรารู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ แต่เราจะไม่ฟัง! ส่วนพวกท่าน เหล่าขุนนางไม่ต้องพูดอีกแล้ว เราตัดสินใจแล้ว ท่านหลิน ท่านหนีเราไม่พ้นหรอก ยอมรับเสียเถิด!"

หลินเป่ยฟานดูสิ้นหวังอย่างที่สุด เหล่าขุนนางก็ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้

หลังจากเสร็จสิ้นการว่าราชการ หลินเป่ยฟานก็ตามขันทีชราไปยังตำหนักแห่งหนึ่ง

"ท่านเสนาบดี ที่นี่คือตำหนักว่าราชการ เป็นสถานที่ที่อัครมหาเสนาบดีคนก่อน ๆ เคยช่วยองค์จักรพรรดิว่าราชการ เมื่อคืนฝ่าบาทสั่งให้คนรับใช้ทำความสะอาดแล้ว ท่านเสนาบดีดูเถิด มีอะไรที่ต้องให้จัดเตรียมอีกไหม?"

หลินเป่ยฟานมองไปรอบ ๆ อย่างไม่ใส่ใจ เห็นว่าสถานที่นี้สว่างไสวและเป็นระเบียบเรียบร้อย มีชั้นหนังสืออยู่สองสามชั้น และโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การเขียน เช่น หมึก กระดาษ และแท่นหมึกเหมือนกับห้องหนังสือที่เรือน

"ดีแล้ว แบบนี้ก็ดีแล้ว" หลินเป่ยฟานพยักหน้าอย่างพอใจ

ขันทีชราเรียกขันทีหนุ่มสี่คนเข้ามาพร้อมกับยิ้ม "ท่านเสนาบดี นี่คือขันทีที่ได้รับมอบหมายให้มาช่วยท่าน พวกเขาอ่านออกเขียนได้!"

หลินเป่ยฟานชี้แจงงานสองสามอย่างและสั่งให้พวกเขาอ่าน จากนั้นเขาก็เริ่มทำงาน สักพักก็รู้สึกหนักใจ

"เอาล่ะ เริ่มทำงานกันเถอะ!"

หลินเป่ยฟานถอนหายใจ รู้สึกว่าวันเวลาที่โชคร้ายของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้น พับแขนเสื้อขึ้นแล้วลงมือทำงานเถอะ ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้อีก?

โชคดีที่เขาอ่านหนังสือออก เขียนหนังสือได้ จึงสามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว ความคิดของเขาประมวลผลได้เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์เสียอีก แต่อ่านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น

"ท่านจ้าวจินหลี่ เสนาบดีกรมพิธีการ กล้าเขียนใส่ร้ายเราในฎีกาฉบับนี้! จดไว้ในสมุดเล็กของเรา เดี๋ยวค่อยคิดบัญชีกับท่าน!"

"แม่ทัพหลิว ท่านรายงานเรื่องการสู้รบ แต่ก็ยังใส่ร้ายเรา ดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วเรายังลงโทษท่านเบาไป!"

"เสนาบดีเกา หวังรุยซือ เตรียมตัวไว้ให้ดี!"

"พวกคนเย่อหยิ่งพวกนี้ พวกท่านเล่นแรงจริง ๆ คราวนี้พวกท่านทุกคนซวยแล้ว!"

อัครมหาเสนาบดี...

ไม่พอใจอย่างยิ่ง...

ผลที่ตามมาจะร้ายแรงนัก!

ขณะเดียวกัน ในห้องทรงพระอักษร

องค์จักรพรรดินีทอดพระเนตรมองขันทีชราที่กลับมาแล้วตรัสถามด้วยรอยยิ้ม "อ่านฎีกาเหล่านี้แล้ว ท่านหลินมีความคิดเห็นอย่างไร?"

ขันทีชราสำลักเล็กน้อย แล้วจึงกราบทูล "ฝ่าบาท ท่านหลินเห็นฎีกาเหล่านั้นแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวเล็กน้อย..."

องค์จักรพรรดินีหัวเราะเสียงดัง

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด