บทที่ 197 คิดหาเรื่องไยต้องใช้เหตุผล
เสียงของผู้อาวุโสเหอกังวานเหมือนฟ้าคํารณ กระแทกกระทั้นหูก้องไปทั่วโสตประสาทของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นทันที
“แย่แล้ว! ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสเหออาจจะกำลังจ้องเล่นงานเจ้าอยู่!”
หยวนจื่อหลานพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นซีดเซียว
หลัวเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเหอจะมาเล่นงานเขาในเวลาเช่นนี้
ในเมื่อไม่มีทางหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้ เขาจึงสูดลมหายใจลึก ก่อนจะยืนนิ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ผู้อาวุโสเหอสาดสายตามองไปทางหลัวเฉิง แววตาสว่างวาบดั่งประกายแสงอัสนี ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าได้พบหลินจินไท่บ้างหรือไม่?”
หลัวเฉิงไม่สะทกสะท้านต่อแรงกดดันจากบรรยากาศที่ผู้อาวุโสเหอสร้างขึ้น เขายังกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“แน่นอนข้าพบ เขากับข้าต่อสู้กันและเขาถูกข้าสังหารไปแล้ว”
โอ้สวรรค์!
หลังวาจานี้ถูกเปล่งเสียงออกมา ผู้คนโดยรอบต่างตื่นตระหนกจนตกอยู่ในความโกลาหลทันที
เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนยอดเขาด้วย ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าหลัวเฉิงสังหารหลินจินไท่ไปแล้ว ก็ต่างพากันประหลาดใจยิ่ง
แต่ครั้นนึกถึงแต้มของหลัวเฉิงที่มากกว่าสองหมื่นแต้ม พวกเขาก็เข้าใจในทันที ว่าแท้จริงแล้วมันมีที่มาเช่นนี้นี่เอง
หากไม่ได้สังหารตัวเต็งสิบอันดับแรก ไหนเลยจะสามารถมีแต้มที่สูงขนาดนี้กัน
“ไอ้หนู นับว่าเจ้ากล้ามากที่ยอมรับเรื่องนี้ด้วยตนเอง!”
ผู้อาวุโสเหอแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ แล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
“ในเมื่อเจ้ายอมรับเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่ามีโทษทัณฑ์สถานใด?”
ดวงตาหลัวเฉิงวาวโรจน์ขึ้นชั่วขณะ แต่กระนั้นท่าทางกลับยังสงบ แล้วตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ
“กฏการทดสอบชิงอวิ๋นมิได้ระบุไว้ว่าห้ามสังหารผู้ใด ข้ากับหลินจินไท่ต่อสู้กันอย่างยุติธรรม แต่เพียงว่าเขาอ่อนแอกว่าจึงถูกข้าสังหาร เช่นนั้นแล้วข้ายังมีความผิดอันใดเล่า?”
หยวนจื่อหลานรีบคว้าแขนของหลัวเฉิงแล้วเอ่ยเตือนทันที “หลัวเฉิงอย่าเพิ่งร้อนใจ! ระงับอารมณ์ของเจ้าไว้ก่อนเถิด สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเข้าเป็นศิษย์ฝ่ายนอกอย่างปลอดภัย! เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่”
เฮอะ!
ทันทีที่หยวนจื่อหลานกล่าวจบ ผู้อาวุโสเหอก็ฮึดเสียงดังลั่น มองหลัวเฉิงด้วยแววตาอำมหิตดุจอสรพิษ กลอนตวาดลั่นด้วยเสียงแข็งกร้าว
“เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่มีความผิดงั้นหรือ? จางซิน ออกมา!”
ทันทีที่สิ้นคำสั่ง ศิษย์บำรุงสำนักหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมา
ผู้อาวุโสเหอกล่าวว่า “เล่าเหตุการณ์ทุกสิ่งอย่างที่เจ้าพบเห็นบนยอดเขาออกมาให้หมด อย่าได้คิดปกปิดเป็นอันขาด”
จางซินกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแล้วกล่าวเสียงดังฟังชัด
“ข้าเห็นกับตาตนเองว่าหลัวเฉิงสู้กับหลินจินไท่ และหลัวเฉิงก็เป็นผู้ชนะ แต่เขายังไม่พอใจจึงได้ตัดแขนขาหลินจินไท่ออกทีละส่วน ทั้งยังใช้กระบี่ฟันปากของหลินจินไท่จนกรามห้อยค้างอีกด้วย นั่นทำให้หลินจินไท่ทรมานจนตาย! ช่างเป็นวิธีการที่โหดร้ายและอำมหิตยิ่งนัก!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยวนจื่อหลานขมวดคิ้วกล่าวว่า “เจ้าคนนี้ปิดหูปิดตากล่าวความเท็จออกมาได้อย่างน่าไม่อาย! หลัวเฉิงก็แค่สอบถามความจริงจากเขาเท่านั้น!”
กู่หลิงเฟิงยิ้มแหยๆ แววตาเต็มไปด้วยความขมขื่น
หยวนจื่อหลานนั้นไร้เดียงสาเกินไป ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถมองออกว่านั่นเป็นคำสั่งของผู้อาวุโสเหอ ที่บีบบังคับให้เขากล่าววาจาเช่นนั้น
แต่เขาก็เข้าใจในทันที ว่ายามนี้หลัวเฉิงอาจตกอยู่ในอันตรายแล้ว
ระหว่างนั้นเอง ทันทีที่จางซินกล่าวจบ ผู้อาวุโสเหอก็ถามหลัวเฉิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หลัวเฉิง เจ้ายังมีอะไรจะกล่าวอีกหรือไม่?”
หลัวเฉิงเหลือบมองจางซินด้วยความโกรธที่เดือดพล่าน
แต่อย่างไร เขาก็ตระหนักดีว่ายามนี้ต้องอดทนเท่านั้น!
หาไม่แล้ว ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายจนคาดไม่ถึง!
หลัวเฉิงสูดลมหายใจลึกก่อนกล่าวว่า “แม้สิ่งที่เขากล่าวมาทั้งหมดจะเป็นความจริง แต่ข้าก็มิได้ละเมิดกฎใดๆ ของสำนักมิใช่หรือ?”
ฮึ่ม!
ผู้อาวุโสเหอสูดจมูกอย่างเยือกเย็น แววตาเปล่งประกายความแค้นเคือง
“บัดซบ! เจ้ายังมีหน้ามาอ้างกฎสำนักอีกงั้นรึ? เจ้าลงมือทำร้ายสหายร่วมสำนักด้วยวิธีการอำมหิตเยี่ยงนี้ นั่นก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจ้านั้นมันชั่วช้าขนาดไหน เกรงว่าไม่นานเจ้าต้องกลายเป็นมารร้ายแน่!”
“การให้เจ้าอยู่ในสำนักซวนหยวนรังแต่จะนำความอับอายมาสู่สำนักเท่านั้น! ตอนนี้ข้าจะทำลายวรยุทธเจ้าและขับเจ้าออกจากสำนักซวนหยวน!”
อะไรนะ!
เมื่อวาจาเหล่านี้ถูกพ่นออกมา ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นและได้รับรู้ก็ต่างน่าถอดสี
หลัวเฉิงเองก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน พานให้ความโกรธเกรี้ยวปะทุจนถึงขีดสุด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้อาวุโสเหอไม่เพียงแค่ขับไล่เขาออกจากสำนักซวนหยวนเท่านั้น แต่ยังต้องการทำลายวรยุทธของเขาอีกด้วย!
“ฮ่า ฮ่า!”
เมื่อรู้ว่าอดทนต่อไปก็ไร้ประโยชน์ หลัวเฉิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น แล้วเงยหน้ามองผู้อาวุโสเหอก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“หากคิดจะหาเรื่องข้าให้ได้ ไยต้องใช้เหตุผลบังหน้า! ข้าเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบชิงอวิ๋น และกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกแล้ว!”
“ตามบันทึกซวนหยวนระบุไว้ว่า การลงทัณฑ์ศิษย์ฝ่ายนอกโดยการขับออกจากสำนัก ต้องผ่านการตรวจสอบจากศาลาลงทัณฑ์เสียก่อน หรืออย่างน้อยต้องมีการพิจารณาจากผู้อาวุโสสามคนขึ้นไป!”
“ผู้อาวุโสเหอ ท่านเป็นผู้อาวุโสเพียงคนเดียว คิดจะมาตัดสินโทษและทำลายวรยุทธข้าเช่นนี้ ท่านไม่กลัวว่าจะละเมิดกฎของสำนักหรือ? หากศิษย์พี่หญิงอวิ๋นเหมิงลี่รู้เข้า นางจะต้องสืบสาวเรื่องนี้จนถึงที่สุดแน่!”