ตอนที่ 12 คนงาม
ตอนที่ 12 คนงาม
อวี้ซีตื่นขึ้นมาในยามเช้า ได้ยินเสียงนกกาเหว่าขับขานมาจากต้นไม้ แม่นมเซินกล่าวกลั้วหัวเราะ "คุณหนู นกกาเหว่าร้องแต่เช้า แสดงว่าวันนี้ต้องมีเรื่องดีเกิดขึ้นแน่"
และแล้วก็เกิดเรื่องดีขึ้นจริง ๆ ตอนเที่ยงนางได้รับข่าวว่าร้านขายซาลาเปาของแม่นมฟางทำกำไรได้สามตำลึง ทั้งที่เพิ่งเปิดได้เพียงเดือนเดียว อีกทั้งแม่นมฟางยังไม่สันทัดการค้าขาย จึงยิ่งทำให้รู้สึกโล่งใจ
อวี้ซีเอ่ยกับคนที่มาส่งข่าว "เจ้าจงไปบอกแม่นมฟางว่าให้ทำงานสบาย ๆ อย่าหักโหมเกินไป" ปัจจุบันร้านขายซาลาเปามีแม่นมฟางและหญิงรับใช้กำยำอีกคนคอยดูแล หญิงรับใช้คนนี้ไม่ได้เป็นคนของจวนหัน แต่เป็นคนของอวี้ซี โดยที่มีใบขายตัวอยู่ในมือนางเอง
อวี้ซีซื้อหญิงรับใช้คนนี้มาด้วยเหตุที่ครุ่นคิดมาอย่างดี ประการแรกคือให้มาช่วยแม่นมฟาง ประการที่สองคือให้มีเพื่อนคุย และประการที่สามคือเพื่อความปลอดภัย
ร้านขายซาลาเปาทำเงินได้ อวี้ซีจึงวางภาระหนักในใจลงได้เสียที ชาติก่อนแม่นมฟางถูกไล่ออกไปและด่วนล่วงลับไปก่อนวัยอันควรด้วยอาการตรอมใจ แต่ชาตินี้จะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
วันรุ่งขึ้นอวี้ซีไปคารวะชิวซื่อ นางก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนอยู่ในห้อง อีกฝ่ายสวมชุดสีเขียวอมฟ้า ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด รูปร่างสะโอดสะอง นับเป็นคนงามน่าหลงใหล
ชิวซื่อเห็นสีหน้าสงสัยของอวี้ซีจึงหัวเราะพลางบอก "อวี้ซี นี่คือเหลียนอี๋เหนียง"
อวี้ซีข่มความกังขาในใจไว้แล้วทักทายเหลียนอี๋เหนียง
เหลียนอี๋เหนียงค้อมตัวลงให้อวี้ซี จากนั้นจึงคารวะลาชิวซื่อ ก่อนพสาสาวใช้ของตนออกไป
อวี้ซีพูดคุยกับชิวซื่อเรื่องการเปิดร้านได้ แต่ไม่มีทางเปิดปากถามเรื่องในจวนหลังบ้านเช่นนี้ นางเล่าเรื่องที่ร้านขายซาลาเปาของแม่นมฟางทำเงินได้ให้ฟัง "ตอนนี้ร้านขายซาลาเปาทำเงินได้แล้ว แม่นมฟางก็มีกำลังใจมากขึ้น ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว"
ชิวซื่อลูบหัวนางด้วยความเอ็นดูขณะเอ่ย "เจ้าเด็กคนนี้ช่างใจดีเหลือเกิน" ไม่เพียงมีเมตตาแต่ยังใจกว้างอีกด้วย โดยปกติเมื่อส่งแม่นมออกไปแล้ว ก็มักแค่ส่งเงินไปให้มากกว่าเดิม ไม่มีใครสนใจเรื่องอื่นอีก
เด็กหญิงกลับไปหลังพูดคุยกับชิวซื่อสักพัก เมื่อกลับถึงเรือนเฉียงเวยก็ตามหาหงซานก่อนถาม "เหลียนอี๋เหนียงเป็นอย่างไรหรือ" หงซานรับหน้าที่สืบข่าวตั้งแต่มาประจำที่เรือนเฉียงเวย นางมีญาติหลายคนที่ทำงานในจวน ทำให้การสืบข่าวเป็นเรื่องง่ายดาย
หงซานตอบ "คุณหนู เหลียนอี๋เหนียงเป็นคนที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้นายท่านเจ้าค่ะ"
อวี้ซีสังหรณ์ใจไม่ดีจึงถาม "เหตุใดท่านย่าถึงมอบหญิงสาวให้ท่านลุงใหญ่" มารดาหาหญิงสาวมาประเคนให้บุตรชายไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ชาติก่อนไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น จู่ๆ มีเหลียนอี๋เหนียงเพิ่มเข้ามา ชวนให้อวี้ซีรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ความเปลี่ยนแปลงมากเกินไปทำให้นางไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อีกต่อไป
สาวใช้ส่ายหัวเป็นคำตอบว่านางไม่รู้เช่นกัน "พูดถึงเรื่องนี้ก็แปลก ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยมอบใครให้นายท่านเลย ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด" ฮูหยินผู้เฒ่าผู้เป็นแม่สามีมักชอบหาหญิงสาวให้บุตรชายเพื่อควบคุมสะใภ้ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เคยทำเช่นนั้น กลับสนับสนุนให้บุตรชายทั้งสองเคารพภรรยาของตน น่าเสียดายที่นายท่านหันคนโตโปรดปรานอนุภรรยา ส่วนนายท่านหันคนรองที่เคารพภรรยาก็ด่วนเสียชีวิตไป ทำให้ความตั้งใจดีของฮูหยินผู้เฒ่าสูญเปล่า
แม่นมเซินรู้ว่าอวี้ซีนึกกังขาจึงบอก "พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องโทษคุณหนูไม่ใช่หรือ"
เด็กน้อยเบิกตาโพลง "เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร"
หญิงชราอธิบาย "ข้าไม่กล้าโกหกเจ้าค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณหนูจริงๆ คุณหนูจำเรื่องเมื่อเดือนก่อนไม่ได้หรือ"
อวี้ซีย้อนนึกถึงเรื่องโม่อวิ๋น "ท่านหมายความว่าท่านย่าส่งเหลียนอี๋เหนียงให้ท่านลุงเพื่อแก้แค้นให้ข้าหรือ เป็นไปได้อย่างไร" ครั้งนั้นนางสงสัยว่าหรงอี๋เหนียงเป็นผู้บงการแต่ไม่มีหลักฐาน ภายหลังแม่นมโลวก็ยืนกรานเช่นนั้น นางจึงเลิกสืบสาวต่อเพราะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้กลับบอกว่าท่านย่ามอบหญิงสาวไปประชันกับหรงอี๋เหนียง นี่มันไร้สาระชัด ๆ
แม่นมเซินส่ายหน้าขณะเอ่ย "หรงอี๋เหนียงล้ำเส้น ฮูหยินผู้เฒ่าจึงต้องออกโรงจัดการ" ไม่มีจวนสกุลใหญ่ใดยอมให้อนุภรรยาลักลอบทำร้ายทายาท ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด หรงอี๋เหนียงก็ได้ล่วงเกินเส้นของฮูหยินผู้เฒ่าไปแล้ว ย่อมถูกลงโทษเป็นธรรมดา
อวี้ซีในชาติก่อนนั้น หากจะพูดให้รื่นหูคือไร้เดียงสา หากจะพูดอย่างหยาบก็คือโง่งม ไม่รู้ความแม้แต่น้อย โชคดีที่นางตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนและกำลังพยายามแก้ไข เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วไตร่ตรองครู่หนึ่งก็จับใจความได้ "ท่านหมายความว่าท่านย่ามอบเหลียนอี๋เหนียงให้ท่านลุงเพื่อให้นางแย่งความโปรดปราน เมื่อท่านลุงหมดใจกับหรงอี๋เหนียงแล้ว ท่านย่าก็จะกำจัดนางหรือ"
แม่นมเซินผงะไปเล็กน้อยก่อนตอบ "ใช่เจ้าค่ะ"
อวี้ซียิ่งฟังยิ่งสับสน "หากท่านย่าต้องการกำจัดหรงอี๋เหนียงก็คงไม่ยาก ต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ" ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้ปกครองเรือนหลัง หากต้องการจัดการกับหรงอี๋เหนียงก็เพียงพูดคำเดียว ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมขนาดนี้ นางได้ยินแล้วหนักใจไม่น้อย
แม่นมเซินรู้สึกว่าอวี้ซีไม่เลว บอกแค่ไม่กี่คำก็คิดต่อได้มากมาย "รู้จักลูกก็เหมือนรู้จักแม่ ฮูหยินผู้เฒ่ารู้จักนิสัยของนายท่านเป็นอย่างดี หากจัดการกับหรงอี๋เหนียงโดยตรงจะต้องได้ทะเลาะกับเขาเป็นแน่" ไม่เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าคงกำจัดหรงอี๋เหนียงไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว
อวี้ซีรู้ว่าท่านลุงเคยเกือบแตกหักกับฮูหยินผู้เฒ่าเพราะหรงอี๋เหนียง คนแก่ต้องพึ่งพาลูกชาย ฮูหยินผู้เฒ่าระมัดระวังนับว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่าความสงสัยยังติดในใจอวี้ซีไม่น้อย "ท่านป้าเคยหาอนุภรรยามาให้ท่านลุงมาหลายคน แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับหรงอี๋เหนียงทุกคน เหลียนอี๋เหนียงจะสามารถเอาชนะนางได้หรือ"
แม่นมเซินตอบ "ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเลือกเหลียนอี๋เหนียงมาแล้วย่อมต้องมีจุดเด่นบางอย่าง แต่เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน" ความหมายคือการที่จะโค่นล้มหรงอี๋เหนียงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เด็กหญิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนถาม "แม่นม ท่านบอกเรื่องนี้กับข้าทำไม" ไม่ใช่ว่าอวี้ซีหวาดระแวง แต่นางรู้สึกว่าแม่นมเซินมีเจตนาแอบแฝงที่บอกเรื่องนี้กับนาง ความลับเช่นนี้ควรเก็บไว้ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาบอกนางกัน
อีกฝ่ายตอบโดยไม่ลังเล "คุณหนูเจ้าคะ กระทำสิ่งใดไม่ควรหัวชนฝา ถึงยามต้องยอมก็ต้องยอม ไม่เช่นนั้นย่อมประสบความสูญเสีย" ช่วงนี้แม่นมเซินพบว่าอวี้ซีมักทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ เอาแต่ตามใจตนโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ปัจจุบันยังไม่เป็นไร ทว่าหากโตขึ้นแล้วยังเป็นเช่นนี้จะต้องลำบากเป็นแน่
แม้อวี้ซีจะไม่ฉลาดมากนัก แต่ก็รู้ว่าแม่นมเซินพูดเช่นนี้ด้วยความหวังดี "แม่นม ท่านต้องการพูดอะไรก็พูดมาเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม"
แม่นมเซินบอก “ข้าหวังว่าเมื่อคุณหนูได้ฟังคำข้าแล้วจะไม่ถือโทษ” ใครๆ ก็มักชมชอบคำพูดรื่นหู น้อยนักจะมีคนยินดีรับฟังเรื่องเสียดหู
อวี้ซียิ้ม “พูดมาเถิด ข้าไม่ถือสา”
ในจังหวะที่แม่นมเซินจะกล่าว เสียงโม่จวีก็ดังมาจากข้างนอก "คุณหนูเจ้าคะ คนจากจวนฉางผิงโหวส่งของมาให้เจ้าค่ะ"
รู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูกำลังคุยกับนางอยู่ โม่จวีก็ยังขัดจังหวะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง นางสิ้นหวังจะอบรมสาวใช้ไร้ไหวพริบเช่นนี้แล้ว
อวี้ซีมองแตงสองลูกที่โจวซื่อหย่าส่งมาและพูดพลางยิ้ม "นำไปแช่บ่อน้ำก่อน ค่อยกินตอนเที่ยง" อากาศร้อนเช่นนี้ ยิ่งแช่น้ำบ่อทำให้หวานมากขึ้น
หลังโม่จวีเดินไปไกลแล้วอวี้ซีค่อยบอก "แม่นม ท่านมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถิด"
แม่นมเซินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย "ดูเหมือนคุณหนูจะไม่ค่อยชอบฮูหยินผู้เฒ่าใช่ไหมเจ้าคะ" คุณหนูสี่หลีกเลี่ยงฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ได้มีแค่นางที่สังเกตเห็น ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็คงรับรู้ได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งนางมาเป็นแม่นมผู้ดูแลที่นี่
อวี้ซีไม่โง่ หากตอบรับคำถามของแม่นมเซินก็เท่ากับสารภาพว่าไม่กตัญญูต่อฮูหยินผู้เฒ่า จึงทำได้เพียงแสร้งเป็นน้อยใจ "แม่นม ท่านย่าให้คนมาบอกให้ข้าอย่าไปคารวะอีก ข้าไม่อยากทำให้นางไม่พอใจ จึงกล้าไปคารวะที่เรือนใหญ่เพียงสองวันในวันข้างขึ้นและข้างแรมเท่านั้น"
แม่นมเซินรู้สึกว่าอวี้ซีฉลาดมาก ขาดก็แต่คนชี้แนะ "ตั้งแต่ฮูหยินผู้เฒ่าให้หงซานและข้ามาปรนนิบัติคุณหนู คุณหนูก็ควรจะรู้แล้วว่าฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนใจแล้ว"
อวี้ซีไม่ได้ซาบซึ้งใจในการกระทำของฮูหยินผู้เฒ่า มีเพียงความระแวดระวัง "ท่านหมายความว่าแท้จริงฮูหยินผู้เฒ่ารักข้าอย่างนั้นหรือ"
เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นสงสัย นอกจากแสดงความสามารถทางด้านการปักเย็บแล้ว อวี้ซีก็ทำตัวเรียบร้อยไร้แววโดดเด่นในด้านอื่น ๆ แม้กระทั่งในบางเรื่องยังแสร้งโง่งม แม่นมเซินตาแหลมแค่ไหนก็ไม่อาจสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ "คุณหนู ท่านเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่รักท่านได้อย่างไรเจ้าคะ"
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจก่อนถาม "ที่ท่านบอกว่าท่านย่ารักข้าเป็นความจริงหรือ"
แม่นมเซินเห็นว่าอวี้ซียังมีความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่าจึงโล่งใจ "แน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนู ต่อไปนี้คุณหนูควรไปเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่าบ่อย ๆ เมื่อได้รับความโปรดปราน ชีวิตของคุณหนูในภายภาคหน้าก็จะดีขึ้น"
อวี้ซีถามด้วยความไม่เข้าใจ "ท่านหมายความว่าอย่างไร หรือว่าในจวนจะมีคนกลั่นแกล้งข้าหรือ ไม่ได้สิ ท่านป้ารักข้ามาก ฮูหยินผู้เฒ่าก็รักข้ามาก ในจวนยังมีใครกลั่นแกล้งข้าอีก"
หญิงสูงวัยเห็นว่าเจ้านายไร้เดียงสาเกินไป แต่ก็หาได้ถอดใจ อวี้ซีไม่เคยตกที่นั่งลำบากและอายุเพียงสี่ขวบเท่านั้น ยังสามารถกล่อมเกลาได้ง่าย "คุณหนู ตอนนี้ฮูหยินสามและนายท่านสามอยู่ที่เหอเป่ย ย่อมไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น แต่ในอีกสามหรือห้าปีข้างหน้า ฮูหยินสามกลับมา ชีวิตของคุณหนูก็จะไม่ราบรื่นเช่นนี้แล้ว"
อวี้ซีรู้สึกว่าแม่นมเซินกำลังขุดหลุมดักนาง "แม่นม ข้าได้ยินแม่นมฟางพูดว่าท่านแม่เป็นคนดีมาก" ท่านแม่ที่ว่านี้ไม่ใช่แม่แท้ ๆ หมายถึงอู่ซื่อ แม่เลี้ยงของนางต่างหาก
แม่นมเซินได้ยินคำพูดนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าคิดถูกแล้วที่ขับไล่แม่นมฟางออกไป หากมีแม่นมโง่เขลาเช่นนี้ คุณหนูสี่จะต้องถูกหลอกไปจนสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแน่นอน คุณหนูมีความคิดฝังหัวไปแล้ว หากนางพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับอู่ซื่อ อาจทำให้เด็กหญิงไม่พอใจ นางจึงพูดอย่างอ้อมค้อมแทน "ดีหรือไม่ดี เมื่อถึงเวลาคุณหนูจะรู้เองเจ้าค่ะ"