ความฝันแรก (22)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 27>
3. ความฝันแรก (22)
****
อารอนลืมตาตื่น
บนเตียงที่คุ้นเคย
เขารู้ว่าภาพที่เขาเพิ่งเห็นไม่ใช่แค่ความฝัน
ความทรงจำที่ถูกลืมเลือนกลับคืนมาแล้ว
'อย่างนี้นี่เอง'
เขาลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรง
ถ้าเขาได้รู้ความทรงจำนี้เมื่อ 80-90 ปีก่อน เขาคงจะเสียใจมาก
แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งทำให้อารอนรู้สึกขมขื่นยิ่งกว่า
เขารู้สึกเศร้าเมื่อได้รู้ถึงจุดจบอันน่าเศร้าของน้องสาว
แม้จะรู้ว่านั่นคือเรื่องราวของเขาเองก็ตาม
ก็แน่ล่ะ
อารอนแก่เกินกว่าที่จะร้องไห้ฟูมฟายแล้ว
มีเพียงความจริงอันโหดร้ายที่แล่นเข้ามาในหัว
ความขัดแย้งที่เคยมีได้รับการจัดระเบียบใหม่ สร้างตรรกะที่ชัดเจน
"ในที่สุดก็ตอบได้แล้ว"
อารอนพึมพำด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
เวลาเกือบ 100 ปีทำให้ความรักที่เขามีต่อครอบครัวจางหายไปเกือบหมดแล้ว
"นีน่า"
เขามองไปที่ผนังด้านหนึ่ง
มีภาพเหมือนของน้องสาวแขวนอยู่ตรงนั้น
มีข้อเท็จจริงบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ
อย่างแรก
ทำไมความทรงจำของเหล่าฮีโร่ระดับล่างถึงหายไป
มันไม่ใช่ปัญหาที่ยากเลย
ถ้าพวกเขาถูกอัญเชิญมาพร้อมกับความทรงจำเกี่ยวกับหายนะ พวกเขาคงจะอาละวาดโวยวาย
การลบความทรงจำเป็นมาตรการป้องกันขั้นต่ำสุดเพื่อหยุดยั้งความวุ่นวายของพวกเขา
มีเพียงผู้ที่สามารถยอมรับความจริงได้อย่างใจเย็นเท่านั้นที่จะได้ความทรงจำคืนมา
นั่นเป็นเหตุผลที่เหล่าวีรบุรุษที่เกิดมาพร้อมกับ 4 หรือ 5 ดาวสามารถรักษาความทรงจำของพวกเขาไว้ได้
'ทำไมอารอน เดลเคิร์ดถึงแสวงหาพลัง'
ตอนที่ถูกอัญเชิญมา อารอนจำช่วงเวลานั้นไม่ได้
แต่ความทรงจำไม่ได้หายไปเพียงเพราะถูกลืม
จุดจบอันเจ็บปวดของสองพี่น้อง
ความทรงจำที่หายไปนั้นฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของอารอน
'ถ้าไม่มีพลัง ก็ไม่มีความสุข'
เขาคงคิดแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว
อารอนคิดว่าเขาทำตามการตัดสินใจของตัวเอง แต่จริงๆ แล้วความทรงจำที่ซ่อนอยู่ต่างหากที่ควบคุมเขา
แน่นอนว่า เขาไม่ได้ยึดติดกับมันตั้งแต่แรก
มันก็แค่รุนแรงกว่าคนอื่นเล็กน้อย
ดังนั้น ในสายตาของคนอื่น อารอนจึงดูเหมือนเป็นคนที่พยายามอย่างหนัก
ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นเช่นนั้น
สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นหลังจากที่เขาผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มา
ตอนนี้อารอนสามารถตัดสินอดีตของตัวเองได้อย่างใจเย็น
'ชั้นที่ 15 สินะ'
เขาย้อนกลับไปยังอดีตอันเลือนราง
ภารกิจในทาวน์เนียชั้นที่ 15
ภารกิจคือการช่วยเหลือและคุ้มกันเจ้าหญิงให้ออกนอกเมือง
อารอนเข้าร่วมภารกิจนั้นกับเพื่อนร่วมทีม
'แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น'
บางที เหตุการณ์นั้นอาจเป็นจุดเริ่มต้น
ในช่วงกลางของภารกิจ พวกเขาสามารถช่วยเหลือเจ้าหญิงได้และกำลังจะหลบหนี
แต่อารอนได้รับบาดเจ็บจากอาวุธที่มียาพิษ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อารอนต้องตายแน่ๆ
ฮาน หัวหน้าทีมได้เปลี่ยนแผนการหลบหนี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารอนหรือเพราะเหตุผลอื่น
แต่ภารกิจที่ควรจะราบรื่นกลับยากลำบากขึ้นหลังจากนั้น
'...'
เกือบ 100 ปีผ่านไปแล้ว
ความรู้สึกในตอนนั้นควรจะลืมไปแล้ว
แต่เขายังจำได้
ภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเหวี่ยงและแทงหอกอย่างบ้าคลั่งในลานฝึกซ้อมร้างตอนรุ่งสาง
"บ้าเอ๊ย... บ้าเอ๊ย..."
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แขนขาที่หนักอึ้งไม่เชื่อฟังเขา
ชายหนุ่มฝืนขยับร่างกายที่ขัดขืนคำสั่ง
ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากัน แน่น
เขาเหวี่ยงหอกต่อไปโดยไม่สนใจเลือดที่ไหลออกมา
ชายหนุ่มกำลังร้องไห้
"ทำไม... ฉันถึงอ่อนแอ... ทำไม..."
นับจากนั้นเป็นต้นมา
อารอนที่เคยเป็นคนขยันธรรมดาๆ ก็เปลี่ยนไป
เขายึดติดกับเป้าหมายที่จะแข็งแกร่งขึ้น จนเสียสมดุลในชีวิต
ในตอนนั้น
ชีวิตในห้องพักของอารอนนั้นยากลำบาก แต่ก็มีความสุขเล็กๆ น้อยๆ
การได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อใจได้
แต่ความสุขนั้นพังทลายลง
อารอนที่ไร้ความสามารถไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้
'ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว'
คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังไม่ใช่แค่อารอน
มีฮีโร่บางคนที่ไม่ชอบการต่อสู้ตั้งแต่แรก และบางคนก็ต้องออกจากทีมไปกลางคันด้วยเหตุผลหลายประการ
พวกเขาก็มีเส้นทางของตัวเอง
หรือที่เรียกกันว่าอาชีพที่ไม่ใช่สายต่อสู้
มีวิธีที่จะช่วยเหลือโดยไม่ต้องต่อสู้
แม้จะไม่ได้เป็นผู้ฝึกสอน แต่อารอนก็มีประสบการณ์เป็นพ่อค้า
เขาสามารถใช้ความสามารถอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือห้องพักได้
แน่นอนว่า การไม่ได้อยู่กับเพื่อนร่วมทีมเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
มันคงทำให้เขาเจ็บปวดพอๆ กับการที่ความฝันพังทลาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีทางไปต่อ
ฮานและพรรคพวกเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเขาจึงไม่เคยตำหนิเหล่าฮีโร่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
พวกเขาสนับสนุนอนาคตของคนเหล่านั้น
เหล่าวีรบุรุษที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็เช่นกัน
พวกเขายอมรับความจริงที่ว่าตัวเองไม่เก่งพอ และหลีกทางให้เพื่อนร่วมทีมโดยไม่ขวางทางพวกเขา
แต่ฮีโร่อย่างอารอนนั้นแปลก
คนที่ความสามารถใกล้เคียงกันเลิกไปนานแล้ว
มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังอยู่และต่อสู้กับกำแพงที่อยู่ตรงหน้า
มันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยความพยายามหรือความขยันเพียงอย่างเดียว
การใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง มุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างเดียว
มันคือความบ้าคลั่งที่เหนือกว่าความหลงใหล
ไม่มีใครรู้
ไม่มีใครรู้เลย
มีเพียงฮาน อิสรัตเท่านั้นที่เห็นเค้าลางของมัน
มันก็ไม่ได้ไร้ผลเสียทีเดียว
แม้จะไม่มีพรสวรรค์ แต่อารอนก็สามารถอยู่ในกลุ่มสมาชิกประจำไปจนถึงชั้นที่ 20 ได้
แต่อารอนรู้
เขารู้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ในความเป็นจริงเวคิสฮีโร่คนใหม่ ใช้เวลาและความพยายามน้อยกว่าเขามาก แต่ก็เกือบจะไล่เขา ทันแล้ว
'แต่เขาก็ไม่หยุด'
แม้จะรู้
เขารู้ว่ายิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น
อารอนยกตำแหน่งในปาร์ตี้ที่ 1 ให้กับเวคิส แต่เขาก็ยังไม่ยอมออกจากการเป็นสมาชิกทีมต่อสู้
เขายังคงพยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้น แม้จะอยู่ในสภาพนั้น
'พี่...เขารู่อยู่แล้วใช่ไหม?
ในตอนนั้น เขาไม่ใช่อารอนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ก่อนที่จะถูกอัญเชิญมาที่นี่ ในใจของชายหนุ่มมีเมล็ดพันธุ์อยู่หนึ่งเมล็ด
มันคือเมล็ดพันธุ์แห่งความเจ็บปวดที่ฝังลึก ที่เขาต้องสูญเสียความสุขไปถึงสองครั้งเพราะความอ่อนแอ
ในตอนแรก เขาคงจะยังปกติดี
ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น บางทีเมล็ดพันธุ์นั้นอาจจะไม่งอกออกมาเลยตลอดชีวิตของเขา
แต่ห้องรอไม่ใช่สถานที่ธรรมดา
มันคือสถานที่แห่งความเป็นความตาย
มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น
มันหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ในใจของเขา
เมล็ดพันธุ์เริ่มหยั่งรากและเติบโตในโลกแห่งจิตใต้สำนึก
และแล้ว เมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่
ต้นไม้นั้นทะลุออกจากโลกแห่งจิตใต้สำนึกและแทรกซึมเข้าสู่โลกแห่งจิตสำนึก
ในที่สุด จิตสำนึกของอารอนก็ถูกต้นไม้นั้นครอบงำ
"..."
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
ที่ผ่านมา อารอนคิดว่าการที่เขาพยายามแข็งแกร่งขึ้นเป็นเรื่องของการเลือกของเขาเอง
<จงแก้ไขความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ในตัวนายเสียก่อน>
เด็กชายคนนั้นพูดกับอารอนแบบนั้นตอนที่เขาเข้ามาที่นี่ครั้งแรก
เขาบอกให้อารอนแก้ไขความขัดแย้งในใจ
ซึ่งมันก็จริง
แม้จะรู้ว่าเขาไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ แม้จะรู้ว่ามีเส้นทางอื่น อารอนก็ยังคงฝืนที่จะแข็งแกร่งขึ้น
'แต่มันก็... ไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ นั่นแหละ'
ในห้องของกระท่อม
อารอนยืนมองภาพเหมือนของน้องสาว
ในที่สุดเขาก็สามารถตอบคำถามของเด็กชายได้แล้ว
"ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมแพ้..."
แต่ฉันทำไม่ได้ต่างหาก