บทที่ 67 : ความคิดผิดๆของลู่จื่อเยว่
บทที่ 67 : ความคิดผิดๆของลู่จื่อเยว่
"ผลลัพธ์ดีมาก!"
หลินเสวียนพอใจกับผลลัพธ์ของพลังสายฟ้าเป็นอย่างมาก
เเต่แน่นอนว่าหลินเสวียนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน
เพราะทั้งวิชาะฆังทองคำเพลิงอมตะและวิชาปราณน้ำแข็งเพลิง แม้จะได้รับความสามารถใหม่…แต่ก็ยังคงไม่เลื่อนระดับเป็นระดับลึกลับขั้นกลาง
"เอาเถอะ….แม้จะยังไม่เลื่อนระดับ แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี"
"หาโอกาสให้พวกเขาโดนพลังสายฟ้าอีกสักสองสามครั้ง, ก็น่าจะเลื่อนระดับได้แล้ว!" หลินเสวียนยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
จากนั้นเขาก็มองไปยังหนูสายฟ้าที่ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างยากลำบาก…ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น
เห็นได้ชัดว่า…การปลดปล่อยสายฟ้าขนาดใหญ่เช่นนี้ ทำให้หนูสายฟ้าต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วง
เเน่นอนว่ามันไม่สามารถปลดปล่อยออกมาติดต่อกันสองครั้งได้…หลินเสวียนจึงปล่อยให้หนูสายฟ้าพักผ่อน
ส่วนตัวเขาเองหยิบโอสถหลอมลมปราณและโอสถก่อกำเนิดมากินอย่างละหนึ่งเม็ด จากนั้นก็นอนหลับไปพร้อมกับศิลาวิญญาณสองก้อน
….……
[วิชาปราณน้ำแข็งเพลิงได้รับพลังจากโอสถและศิลาวิญญาณ, มันฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งคืนจนบ่มเพาะพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดออกมาได้อีกหนึ่งสาย!]
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสวียนก็บ่มเพาะพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดออกมาได้อีกหนึ่งสาย!
[นายท่าน ข้าเก่งไหมล่ะ!]
[ทว่าตอนนี้โอสถสองเม็ดกับศิลาวิญญาณสองก้อนต่อหนึ่งคืน มันไม่เพียงพอแล้ว]
[นายท่านควรจะกินโอสถเพิ่มอีกสักสองสามเม็ด แล้วก็เอาศิลาวิญญาณมาวางไว้ข้างๆตัวตอนนอนด้วย]
วิชาปราณน้ำแข็งเพลิงพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
"เจ้าทำได้ดีมาก!"
"แค่หนึ่งคืนก็บ่มเพาะพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดออกมาได้อีกหนึ่งสาย, ดูเหมือนว่าอีกไม่นานข้าคงจะทะลวงสู่ขอบเขตก่อกำเนิดเเก่นเเท้ได้แล้ว!"
หลินเสวียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
[นายท่าน พวกเรากลับไปที่ตระกูลหลินกันเถอะ!]
[ข้าหลอมรวมวิชาดาบตัดวิญญาณของสำนักธาราได้ทั้งหมดแล้ว, ถ้าหากได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง ข้าอาจจะค้นพบโอกาสในการทะลวงระดับก็ได้!]
ดาบคลั่งสังหารวิญญาณถามขึ้นด้วยความคาดหวัง
มันเป็นเคล็ดวิชาแรกที่ได้เลื่อนเป็นระดับลึกลับ
แต่ตอนนี้มันเริ่มมองเห็นว่าวิชาปราณน้ำแข็งเพลิงและวิชาะฆังทองคำเพลิงอมตะกำลังไล่ตามมันมาได้อย่างรวดเร็วจนเกือบจะแซงหน้ามันไปแล้ว!
ดังนั้น, ตอนนี้มันจึงทนไม่ไหวแล้ว
"ไม่ต้องรีบ!"
"พวกเรากลับไปรายงานที่สำนักก่อน…รอให้มีโอกาสแล้วค่อยกลับไป!"
หลินเสวียนยกยิ้ม จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
"หลินเสวียน, พวกเรากลับสำนักกันเถอะ"
องครักษ์สิบสามรออยู่ข้างนอกนานแล้ว
"ตกลง!" หลินเสวียนพยักหน้า
จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เรียกเหยี่ยวปีกสีเขียวออกมา
ภายใต้สายตาที่เคารพของทุกคนในตระกูลตู้…พวกเขาก็บินตรงไปยังท้องนภาในทันที
………..
ครึ่งวันต่อมา หลินเสวียนและองครักษ์สิบสามก็กลับมาถึงสำนักเทียนเซียว!
"ไปกันเถอะ หลินเสวียน…พวกเราไปส่งภารกิจกัน!"
องครักษ์สิบสามพาหลินเสวียนไปที่หอลงทัณฑ์เพื่อส่งมอบภารกิจ
เพราะภารกิจของหอลงทัณฑ์แตกต่างจากภารกิจของหอภารกิจอย่างสิ้นเชิง
……
"สิบสาม, คารวะผู้อาวุโส!"
เมื่อองครักษ์สิบสามพาหลินเสวียนมาถึงหอลงทัณฑ์, เขาก็โค้งคำนับชายชราที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
"เจ้าสิบสามไม่ต้องเกรงใจข้าขนาดนั้นหรอก!" ชายชราโบกมือ
"หลินเสวียน ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสหอลงทัณฑ์สายนอก, รหัสลับของเขาคือหนึ่งลงทัณฑ์!"
องครักษ์สิบสามแนะนำให้หลินเสวียนได้รู้จักชายชรา
ภายในหอลงทัณฑ์ ทุกคนจะมีรหัสลับเป็นตัวเลข…องครักษ์สิบสามก็คือสิบสามลงทัณฑ์
"หลินเสวียนคารวะผู้อาวุโส!"
"หลินเสวียน?"
"เป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์จริงๆ!"
ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์มองหลินเสวียนด้วยความเอ็นดู
"ผู้อาวุโสชมข้าเกินไปแล้ว!"
"เอาล่ะ…มาๆๆ!"
"ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามาส่งภารกิจ, งั้นก็มาทางนี้!"
"รางวัลภารกิจของเจ้า คือโอสถก่อกำเนิดหนึ่งเม็ด, ศิลาวิญญาณสิบก้อน, และคะแนนสะสมอีกห้าพันคะแนน"
"เอาป้ายประจำตัวมาสิ ข้าจะโอนรางวัลให้"
ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์หยิบม้วนคัมภีร์ออกมาตรวจสอบทีละอย่างแล้วพูดขึ้น
"เยอะขนาดนี้เลยหรือ?" หลินเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย
รางวัลของหอลงทัณฑ์ช่างใจกว้างมาก!
"มันก็เป็นแบบนี้แหละ!"
"ภารกิจของหอลงทัณฑ์นั้นเยอะ, และอันตรายมาก!"
"ตอนที่เจ้าสิบสามเข้าร่วมหอลงทัณฑ์สายนอก…เรามีองครักษ์ลงทัณฑ์อยู่ยี่สิบสี่คน"
"แต่ตอนนี้เหลือแค่สิบแปดคนแล้ว" ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์ถอนหายใจ
"มีคนกล้าฆ่าคนของหอลงทัณฑ์ด้วยหรอครับ?"
หลินเสวียนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง!
"ทำไมจะไม่กล้าล่ะ?"
"ศัตรูของหอลงทัณฑ์สายนอก ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตก่อกำเนิดเเก่นเเท้ทั้งนั้น!"
"มีทั้งคนทรยศในสำนัก และผู้แข็งแกร่งจากสำนักอื่นๆ…เเค่พลาดนิดเดียวก็ถึงตายเเล้ว"
"ด้วยความเสี่ยงเเบบนี้…ถ้ารางวัลไม่สูงเเล้วใครจะอยากทำกัน?" องครักษ์สิบสามเบ้ปาก
เมื่อหลินเสวียนได้ยินดังนั้น, เขาก็พยักหน้ารับ
มิน่าล่ะ, หอลงทัณฑ์ถึงได้อนุญาตให้องครักษ์เก็บศิลาวิญญาณและเคล็ดวิชาที่ถูกขโมยไปไว้กับตัวได้
จากนั้น…หลินเสวียนก็หยิบป้ายประจำตัวออกมา แล้วมอบให้กับผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์
ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์โอนคะเเนนภารกิจห้าพันแต้มให้หลินเสวียน, ส่วนโอสถก่อกำเนิดกับศิลาวิญญาณสิบก้อน เขาส่งมอบให้หลินเสวียนด้วยตัวเอง
"ขอบคุณผู้อาวุโส!" หลินเสวียนรีบกล่าวขอบคุณ
"ไม่ต้องเกรงใจ!"
ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์โบกมือ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง
"หลินเสวียน เจ้าสนใจที่จะมาเป็นผู้ช่วยของหอลงทัณฑ์ไหม?"
"ผู้ช่วย?"
หลินเสวียนสับสนเล็กน้อย!
"ใช่ ผู้ช่วย!"
"ถ้าเป็น, เจ้าสามารถมาขึ้นทะเบียนกับหอลงทัณฑ์ของเราได้"
"ถ้าหากมีภารกิจที่ปลอดภัยเหมือนกับครั้งนี้…เจ้าก็สามารถมารับได้"
"เจ้าก็น่าจะรู้ว่า คนของเรามันไม่พอ"
"เเละผู้ช่วยก็ไม่ใช่คนของหอลงทัณฑ์เต็มตัว…แต่พวกเขาสามารถรับภารกิจของหอลงทัณฑ์ได้"
"แบบนี้ก็ได้หรือ?" หลินเสวียนตกตะลึง
นี่มันไม่เท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้รับรางวัลให้กับเขาหรือ?
"ได้สิ แต่ปกติแล้วพวกเราไม่รับผู้ช่วยหรอกนะ"
ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์พูดอย่างเย็นชา
คำพูดของเขา, แสดงให้เห็นถึงความหมายบางอย่างที่ซ่อนอยู่
"หลินเสวียน!"
"ภารกิจของหอลงทัณฑ์ ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มต้นที่สามพันคะแนนสะสม!"
"ตอนนี้เจ้าสามารถบ่มเพาะพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดออกมาได้แล้ว…อีกไม่นานเจ้าก็ต้องเข้าร่วมสายใน"
"เมื่อเข้าร่วมสายในแล้ว เงินทองก็แทบจะไม่มีประโยชน์"
"ประโยชน์ของศิลาวิญญาณและคะแนนสะสมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก"
"การที่เจ้าหาคะเเนนสะสมได้เยอะๆ ในสายนอก…มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเริ่มต้นในสายในของเจ้า"
ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์อธิบายอย่างละเอียด
"ถ้างั้น, โปรดให้ข้าได้เป็นผู้ช่วยของหอลงทัณฑ์ด้วย!"
หลินเสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม
"ได้!"
เมื่อผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์ได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ้มแล้วพยักหน้า
จากนั้นเขาก็หยิบป้ายประจำตัวของหอลงทัณฑ์ออกมาหนึ่งอัน แล้วมอบให้กับหลินเสวียน
"นี่คือป้ายประจำตัวของผู้ช่วยหอลงทัณฑ์!"
"บนนี้จะมีภารกิจของหอลงทัณฑ์อัพเดทอยู่ตลอดเวลา เจ้าสามารถติดตามได้ตลอด…เเละถ้าหากมีภารกิจที่เหมาะสม เจ้าก็สามารถรับได้เลย"
"ถ้าหากมีอะไรไม่เข้าใจ หรือไม่มั่นใจ ก็สามารถถามเจ้าสิบสามได้" ผู้อาวุโสหนึ่งลงทัณฑ์พูดด้วยรอยยิ้ม
"ครับผู้อาวุโส!"
หลินเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับองครักษ์สิบสาม
………
"องครักษ์สิบสาม, รางวัลในครั้งนี้…"
หลังจากที่หลินเสวียนเดินออกมาจากหอลงทัณฑ์, เขาก็คิดจะแบ่งรางวัลให้องครักษ์สิบสามส่วนหนึ่ง
"ไม่เป็นไร!"
"มันแค่รางวัลภารกิจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น!"
"เเต่ถ้าหากเจ้ารู้สึกเกรงใจ, ก็ขอแค่เจ้าช่วยปรุงยาให้ข้าสักหนึ่งเตาในอนาคตก็พอแล้ว" องครักษ์สิบสามยิ้มแล้วโบกมือ
เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องรางวัลนี้เลย
"ไม่มีปัญหาครับ!"
เมื่อเห็นดังนั้น, หลินเสวียนก็ไม่เกรงใจเเละรีบพยักหน้า
"ดี!"
"ไว้ข้ารวบรวมสมุนไพรได้ครบแล้ว ข้าจะไปหาเจ้าเอง!"
องครักษ์สิบสามพูดขึ้นอย่างพึงพอใจ
หลังจากนั้น หลินเสวียนก็กลับไปที่พักของตัวเอง
"ศิษย์พี่ลู่!"
เมื่อหลินเสวียนกลับมาถึง, เขาก็เห็นลู่จื่อเยว่ยืนอยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง
"ศิษย์พี่หลิน!"
ลู่จื่อเยว่ได้ยินหลินเสวียนเรียกเขาว่าศิษย์พี่…เขาก็รีบลุกขึ้นด้วยความตกใจ
ตอนนี้, ในใจของลู่จื่อเยว่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย!
ลำดับที่สิบ!
สิ่งนี้ลู่จื่อเยว่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน!
หนึ่งเดือนก่อน หลินเสวียนยังเป็นแค่ศิษย์ฝึกหัดอยู่เลย…แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นศิษย์สายนอกลำดับที่สิบไปแล้ว
แถมยังเป็นผู้ปรุงโอสถอีกด้วย!
แม้แต่ศิษย์มีลำดับเหมือนกัน…เมื่อพวกเขาเจอหลินเสวียน, ก็ยังต้องสุภาพ
"ศิษย์พี่ลู่ไม่ต้องประหม่า!"
"ศิษย์น้อง…ก็ยังคงเป็นศิษย์น้องคนเดิม!"
หลินเสวียนเห็นลู่จื่อเยว่ประหม่า เขาก็ยิ้มแล้วชี้ไปที่เก้าอี้ในห้องโถง
"ศิษย์พี่ลู่….เชิญนั่งคุยกันก่อนเถอะ!"
"ขอบใจศิษย์น้องหลิน!"
เมื่อเห็นหลินเสวียนเป็นเช่นเดิม, ลู่จื่อเยว่ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมาก
"ศิษย์น้องหลิน!"
"นี่คือธนบัตรสามแสนตำลึงเงิน!"
"เป็นเงินครึ่งหนึ่งที่ข้าได้จากการขายวิชาะฆังทองคำอมตะ" ลู่จื่อเยว่มอบเงินให้กับหลินเสวียน
"ขายได้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย!"
หลินเสวียนยกยิ้ม, เขารับธนบัตรสามแสนตำลึงเงินมาโดยไม่เกรงใจ
"ศิษย์น้องหลิน นี่อีกหนึ่งแสนตำลึงเงิน….ข้าอยากมอบให้กับเจ้า"
ลู่จื่อเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง, ก่อนจะหยิบธนบัตรอีกหนึ่งแสนตำลึงเงินออกมา
"ศิษย์พี่ลู่ นี่มันหมายความว่ายังไง?" หลินเสวียนขมวดคิ้ว
"ศิษย์น้องหลิน อย่าเข้าใจผิด!"
"หนึ่งแสนตำลึงเงินนี้ ข้าอยากจะขอเป็นผู้ติดตามของเจ้า"
ลู่จื่อเยว่เห็นหลินเสวียนไม่พอใจ เขาก็รีบพูดขึ้น
"ลู่จื่อเยว่!"
"ถ้าหากท่านคิดแบบนี้ ข้าแนะนำให้เก็บเงินไว้…แล้วก็ออกไปจากที่นี่ซะ!"
หลินเสวียนที่ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เย็นชาลงในทันที
………………………