บทที่ 196 ตัดไฟแต่ต้นลม
“บางทีเขาอาจมีความสามารถที่โดดเด่นในด้านอื่นๆ เช่น มีความสามารถในการเรียนรู้สูง เป็นอัจฉริยะด้านวรยุทธก็อาจเป็นได้...”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งคาดเดาแบบส่งๆ
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้า
อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดแต่กลับมีความสามารถโดดเด่นในด้านอื่นๆ เรื่องเช่นนี้นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“น่าเสียดาย...”
ผู้อาวุโสฉินเหมยถอนหายใจ
วิญญาณยุทธ์คือรากฐานของวิถีการฝึกยุทธ์ ทั้งยังเป็นรากฐานของทุกสิ่ง!
แม้จะมีความสามารถโดดเด่นในด้านอื่นๆ แต่หากวิญญาณยุทธ์ไม่ดีพอ วันใดที่ระดับพลังยุทธ์สูงขึ้นเรื่อยๆ ความโดดเด่นเหล่านั้นก็นับว่าไร้ประโยชน์
คนเช่นนี้จะเหมือนดาวตกที่แม้จะเจิดจ้าชั่วขณะ แต่ท้ายที่สุดแสงนั้นก็จะหายลับไป
นี่เป็นกฎเหล็กที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมาแต่ปางก่อน!
ผู้อาวุโสเหอนั่งอยู่ข้างๆ และเงียบปากมาเป็นเวลานาน ยามนี้เขาจ้องหลัวเฉิงด้วยแววตาเยือกเย็น ซึ่งในดวงตานั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
เมื่อครู่ เขาพึ่งไปพบศิษย์บำรุงสำนักคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดบนยอดเขา
จากคำบอกเล่าของศิษย์ผู้นั้น ทำให้ผู้อาวุโสเหอได้ทราบว่า หลัวเฉิงสังหารหลินจินไท่อย่างไร ทุกคำบอกเล่านั้นชัดเจนราวกับเขาได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง
ได้ฟังเช่นนั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่า ทุกแผนการของเขาถูกหลัวเฉิงมองออกทุกกลยุทธ์
“ไอ้เด็กบัดซบ ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ! ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าคงปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่ได้อีกต่อไป!”
ผู้อาวุโสเหอเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง เขาสูดลมหายใจลึก แววตาแสดงออกถึงความโหดเหี้ยมและอาฆาตมาดร้าย
ตอนนี้ อวิ๋นเหมิงลี่ได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์แท้จริงแล้ว สถานะของนางยามนี้นับว่าสูงส่งนัก
ผู้อาวุโสเหอเองก็ไม่กล้าเดิมพัน หากหลัวเฉิงเล่าเรื่องนี้ให้กับอวิ๋นเหมิงลี่ฟัง เกรงว่านางคงไม่อาจอยู่เฉยได้ แล้วต้องสืบสาวเรื่องนี้อย่างไม่วางมือเป็นแน่!
หากเป็นเช่นนั้นคงไม่เป็นการดีต่อตัวเขาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเหลือเพียงทางเลือกเดียว นั่นคือต้องสังหารหลัวเฉิงก่อนที่เขาจะได้พบกับอวิ๋นเหมิงลี่ ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อที่จะทำลายหลักฐานและไม่ให้นางสืบสาวมาถึงตัวเขาได้!
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนก็ลงจากเรือสำเภาและทำการบันทึกแต้มจนเสร็จสิ้น
อันดับของการทดสอบชิงอวิ๋นในครั้งนี้ก็ถูกกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว
หลัวเฉิงเป็นอันดับหนึ่งด้วยแต้มสองหมื่นห้าร้อยหกสิบหกแต้ม นับว่าสูงกว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก
อันดับสองคือโจวรั่ว
อันดับสามคือกู่หลิงเฟิง
อันดับสี่คือหยวนจื่อหลาน
อันดับห้าคือโจวปิ่งรุ่ย…
ในสิบอันดับแรก มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่เป็นตัวเต็งสิบอันดับแรก
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ก็ยังสามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกได้!
เรื่องเช่นนี้นับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทุกคนรวมตัวกันที่กลางจัตุรัส เพื่อรอฟังประกาศผลและรับรางวัล
“หลัวเฉิง ยินดีด้วย!”
หยวนจื่อหลานและกู่หลิงเฟิงเดินเข้ามาหาเขา
หยวนจื่อหลานมองเขาด้วยสายตาชื่นชมแล้วแย้มยิ้มหวานกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าแต้มของเจ้าจะต้องสูงมากแน่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะสูงขนาดนี้”
“จริงด้วย ข้าเองก็ตกใจเหมือนกัน”
กู่หลิงเฟิงหัวเราะเล็กน้อย แล้วถามว่า “เจ้าเป็นคนสังหารฟางรุ่ยและเฉาเชิงงั้นหรือ?”
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง หลัวเฉิงพยักหน้า “พวกเขามาหาเรื่องข้า ข้าไม่มีทางเลือกอื่นเลยต้องส่งพวกเขาทั้งสองไปสู่ปรโลกเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานต่างก็หยุดชะงัก ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เนื่องจากว่า ฟางรุ่ยและเฉาเชิงมีพลังยุทธ์และฝีมือเทียบเท่ากับพวกเขา แต่ในเมื่อทั้งสองถูกหลัวเฉิงสังหารได้ นั่นแสดงว่า…
หลัวเฉิงกวาดตามองไปรอบจัตุรัสแล้วถอนหายใจ “การทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ เกรงว่าจะมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากทีเดียว!”
หยวนจื่อหลานทอดถอนหายใจกล่าวว่า “ข้าพึ่งได้ยินจากผู้อาวุโสที่ลงทะเบียน ว่าศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบชิงอวิ๋นในครั้งนี้มีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน แต่คนที่รอดกลับมามีไม่ถึงเจ็ดพันคนเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่ามีอัตราการตายมากถึงสี่ในสิบส่วน!”
“มากขนาดนี้เชียว!”
แม้หลัวเฉิงจะคาดการณ์ไว้บ้าง แต่เมื่อได้ฟังผลลัพธ์เช่นนี้ก็ถึงกับผงะตกใจ
กู่หลิงเฟิงแสดงความเห็นใจ “พวกเราเป็นแค่ศิษย์บำรุงสำนัก ต่อให้เป็นข้าหรือพวกเจ้าที่ตายไปก็ไม่มีเหลียวแลทั้งนั้น”
หยวนจื่อหลานกล่าวว่า “ดังนั้นเรายิ่งต้องพยายามให้มากขึ้น มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นจึงจะได้รับการปกป้องจากสำนักและได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า ไม่ใช่แค่ตายอย่างไร้ค่าและถูกฝังในที่รกร้าง”
หลัวเฉิงพยักหน้า
ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ แม้แต่ในสำนักก็เช่นกัน ทั้งมันยังเลวร้ายยิ่งกว่าด้วย!
สำนักต้องการเพียงแค่ยอดฝีมือ เพียงหนึ่งยอดฝีมือก็มีค่ามากกว่าศิษย์บำรุงสำนักหลายพันคน!
ยิ่งยอดฝีมือแสดงความสามารถมากเท่าไหร่ สำนักก็จะยิ่งให้ความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นหากศิษย์หลักประสบปัญหา สำนักจะไม่ลังเลที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แม้ต้องทำสงครามก็ตาม
บนแท่นสูงผู้อาวุโสสิบคนลุกขึ้น เพื่อเตรียมประกาศผลแล้วมอบรางวัลให้ผู้เข้าทดสอบที่มีรายชื่ออยู่ในร้อยอันดับแรก
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสเหอก็ก้าวออกมาข้างหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน แผ่ก้องกังวานไปทั่วทั้งจัตุรัส
“หลัวเฉิงอยู่ที่ไหน ก้าวออกมา!”