บทที่ 194 แต้มอันน่าทึ่ง
อันดับที่สองกู่หลิงเฟิง สี่พันเก้าสิบสามแต้ม!
“ขนาดกู่หลิงเฟิงยังมีแต้มเพียงสี่พันเก้าสิบสามแต้มเท่านั้น!”
“ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า อันดับหนึ่งของการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ต้องเป็นโจวรั่วไม่ผิดแน่!”
“ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดสามารถมีแต้มสูงกว่ากู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานได้แล้ว นั่นเท่ากับสามอันดับแรกเป็นที่แน่ชัดแล้ว แต่เพราะเหตุใดจึงไม่ปรากฏเห็นฟางรุ่ยเลย เขาชอบแสดงตัวโจ่งแจ้งตลอด แต่ไยยามนี้กลับไม่โผล่หน้ามาให้เห็น”
เมื่อแต้มของกู่หลิงเฟิงถูกเปิดเผย ทุกคนก็มั่นใจว่าอันดับหนึ่งคือโจวรั่วเป็นที่แน่ชัดแล้ว จากนั้นก็ต่างให้ความสนใจกับอันดับสองและสามแทน
ระหว่างนั้นเอง ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าฟางรุ่ยที่ชอบทำตัวโดดเด่นมาตลอดยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น
“ไม่ใช่แค่ฟางรุ่ยคนเดียว แต่จั่วฉางซาน เฉาเชิง หลินจินไท่ และอู๋หาน ก็ยังไม่โผล่มาเช่นเดียวกัน”
เมื่อจับสังเกตได้ก็มีคนอุทานด้วยความตกใจ
เนื่องจากว่ายามนี้คนส่วนใหญ่ล้วนลงจากเรือสำเภาใกล้จะหมดแล้ว
การที่ตัวเต็งสิบอันดับแรกหลายคนยังไม่กลับมา ก็ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกฉงนสงสัย พานให้วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา
“คงมิใช่ว่าพวกเขาตายกันหมดแล้วหรอกกระมัง!”
“มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร ตัวเต็งสิบอันดับแรกมีความแข็งแกร่งขนาดไหนทุกคนล้วนรู้ดี ผู้ใดจะสามารถสังหารเขาได้กัน? เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะโชคร้ายได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขั้นสูงสุดสองดาว ซึ่งเป็นราชาของสัตว์อสูรระดับเดียวกันเท่านั้นจึงจะสามารถสังหารพวกเขาได้”
“โอ้สวรรค์! หากพวกเขาตายกันทั้งหมดจริง นั่นก็แสดงว่าสามอันดับแรกของการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้ว อันดับหนึ่งคือโจวรั่ว อันดับสองคือกู่หลิงเฟิง และอันดับสามคือหยวนจื่อหลาน!”
“นั่นต้องไม่ผิดแน่ แต่ช่างน่าเสียดายนัก อู๋หานติดตามโจวรั่วมาหลายปี ยามนี้คงไม่มีโอกาสได้เข้าสู่สามอันดับแรกแล้ว”
การลงทะเบียนผลลัพธ์ดำเนินต่อไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน จู่ๆ ก็มีเสียงลมหวีดหวิว และมีเงาสีดำลอยออกมาจากเรือสำเภาหมายเลขห้า และกระโดดขึ้นไปบนแท่นหินที่ลงทะเบียนแต้มในทันที
เป็นหลัวเฉิงที่มาปรากฏตัวหน้าโต๊ะหินในยามนี้
หลังจากมีคนเห็นหลัวเฉิง ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่เขา
คนส่วนใหญ่จำเขาได้ เพราะเขาเป็นไอ้ขยะที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดขึ้นมา หลัวเฉิง!
หลังจากโจวรั่วมีขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการทดสอบชิงอวิ๋นแล้ว ก็ไม่มีใครให้ความสนใจต่อคนไร้ค่าคนนี้แม้แต่น้อย
ทว่ายามนี้ หลัวเฉิงกลับไม่แยแสต่อสิ่งใด แล้วไปลงบันทึกแต้มของตนประหนึ่งว่าไม่สนว่าตนจะอับอายหรือไม่!
การกระทำของเขาเช่นนี้พานให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง จึงต่างพากันจับจ้องมองเขาว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่า หลัวเฉิงจะลงบันทึกแต้มไปเพื่ออะไร ก็จริงที่เขาอาจจะพอมีแต้มอยู่บ้าง แต่มันจะสามารถเทียบกับโจวรั่วและกู่หลิงเฟิงได้งั้นหรือ?
“ป้ายหยกประจำตัว!”
บุคคลที่รับผิดชอบในการลงทะเบียนแต้มคือผู้อาวุโสในอาภรณ์เขียว เขาเอ่ยเร่งเร้าหลัวเฉิงโดยไม่แหงนหน้าขึ้นมามอง
หลัวเฉิงมอบป้ายหยกประจำตัวให้ทันที
“หลัวเฉิง!”
เมื่อเห็นนามบนป้ายหยก ผู้อาวุโสในชุดเขียวก็ตกตะลึงไปครู่ จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ที่แท้ คนที่อวิ๋นเหมิงลี่แนะนำให้เข้าสำนักก็คือเจ้างั้นหรือ”
หลัวเฉิงคล้ายไม่ได้ยิน และมิได้ตอบคำถามนั้น
ผู้อาวุโสชุดเขียวพลันตะคอกน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้ามันเป็นความน่าอับอายของสำนักซวนหยวน เพราะเป็นเพียงคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาเท่านั้น! หากเจ้าไม่รู้จักรักชีวิตตนและหวงแหนโอกาสที่ได้มา ไหนเลยจะกล้าอวดดีเอาชีวิตไปเสี่ยงในการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่สำนัก ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เจ้าควรขอบคุณสวรรค์ที่มอบโอกาสให้เจ้าได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้ง กลับไปซะแล้วตั้งใจฝึกฝนให้หนัก!”
หลังกล่าวเช่นนั้น ผู้อาวุโสในชุดเขียวก็โยนป้ายหยกประจำตัวกลับไปให้หลัวเฉิง
หลัวเฉิงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามว่า “ท่านจะไม่บันทึกแต้มงั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสชุดเขียวโบกมือปัดแล้วกล่าวน้ำเสียงไม่แยแส “ในการทดสอบชิงอวิ๋นนี้ เฉพาะผลลัพธ์ของผู้ที่อยู่ในร้อยอันดับแรกเท่านั้นจึงจะนับว่าสำคัญ แล้วคนเยี่ยงเจ้าไหนเลยจะเข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้”
หลัวเฉิงแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ท่านลองบันทึกดูก่อนเถิด ไม่แน่ว่าข้าอาจจะโชคดีเข้าสู่ร้อยอันดับแรกก็เป็นได้”
“เจ้าคิดว่าโชคดีจะร่วงหล่นทับเจ้าง่ายๆ งั้นหรือ? เจ้าคิดว่าการทดสอบชิงอวิ๋นคืออะไร? เช่นนั้นก็รีบส่งมาให้มันจบๆ ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมีสักกี่แต้มกันเชียว!”
ผู้อาวุโสชุดเขียวส่ายศีรษะพร้อมแสดงสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นจึงวางป้ายหยกประจำตัวของหลัวเฉิงลงบนสมุดหยก
ทันใดนั้น แสงอันสุกใสก็โผล่ออกมาจากป้ายหยกประจำตัว
นามของหลัวเฉิงถูกบันทึกเข้าไปในสมุดหยก แน่นอนว่ารวมถึงอันดับของเขาด้วย
“หือ? นี่มัน...”
ในตอนแรกผู้อาวุโสชุดเขียวเพียงมองมันยังไม่ใส่ใจ แต่ทันใดก็ก้มศีรษะลงมองบนสมุดหยกอีกครั้งให้ชัดเจน จากนั้นดวงตาของเขาเบิกกว้างพลันสะดุ้งเฮือกลุกจากเก้าอี้
ในเวลาเดียวกัน
ทั่วทั้งจัตุรัสแต่เดิมที่มีเสียงฮือฮาก็พลันเงียบสงัด
สายตาทุกคนต่างจับจ้องยังบนกระดานประกาศแต้ม แววตาเบิกกว้างประหนึ่งว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยประสบพบสิ่งใดน่าตกตะลึงเช่นนี้ จนปากของพวกเขาล้วนอ้าค้างไม่แตกต่างกัน!
บนกระดานประกาศแต้มแต่เดิมที่มีนามของโจวรั่วเป็นอันดับหนึ่ง ยามนี้มันกลับร่วงลงเป็นอันดับสอง
อันดับหนึ่งนั้นถูกแทนที่โดยหลัวเฉิง ซึ่งมีแต้มสูงกว่าโจรรั่วหนึ่งหลัก!
หลัวเฉิง สองหมื่นห้าพันหกร้อยหกสิบหกแต้ม!!!
“อะไรนะ!?”
“หลัวเฉิงได้อันดับหนึ่งงั้นรึ!!”
ตอนที่ทุกคนได้เห็นคะแนนของหลัวเฉิง ก็ต่างพากันตกตะลึงจนลำคอตีบตันมิอาจกล่าวคำใดออก!