ตอนที่แล้วบทที่ 192 ข่าวร้าย 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 194 แต้มอันน่าทึ่ง 

บทที่ 193 ความคิดสับสน 


“หลัวเฉิงนะหรือฆ่าหลินจินไท่?”

ผู้อาวุโสเหอระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นประหนึ่งว่าได้ฟังเรื่องเหลวไหลที่สุดในโลก เขาส่ายศีรษะครั้งกล่าวน้ำเสียงเคล้าหัวเราะ

“ผู้อาวุโสเหยียนคงล้อเล่นกระมัง หากท่านจะล้อเล่นเช่นนี้เหตุใดจึงไม่บอกว่าไอ้ขยะนั่นได้อันดับหนึ่งในการทดสอบชิงอวิ๋นไปเลยเล่า ฮ่าๆๆ”

เนื่องจากตัวเขาเองรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินจินไท่เป็นอย่างดี ว่าศิษย์เขานี้มีฝีมือมากขนาดไหน แม้ในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าด้วยกัน ก็ยังนับว่าเขานั้นเป็นยอดฝีมือทีเดียว!

แค่ไอ้ขยะนั่น!

หลินจินไท่ศิษย์ข้าใช้เพียงนิ้วเดียวก็สามารถสังหารมันได้แล้วกระมัง!

ตามการคาดเดาของผู้อาวุโสเหอ หลัวเฉิงคงถูกสับร่างเป็นหมื่นๆ ชิ้นบนเกาะชิงอวิ๋นไปแล้ว

แม้แต่กระดูกและเศษชิ้นเนื้อเขาก็คงถูกสัตว์อสูรกลืนกินจนหมดสิ้น

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ต่อให้มีไอ้คนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมามากถึงสิบคน ก็เกรงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินจินไท่เป็นแน่”

ผู้อาวุโสที่อยู่รอบข้างได้ยินก็พลันกล่าวแทรกขึ้น

เมื่อได้ฟังคำพูดของบรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้น ผู้อาวุโสเหยียนก็แสดงสีหน้าจริงจังแล้วกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น! ตัวข้าเองได้ทราบข่าวมาว่าหลินจินไท่และจั่วฉางซานมิได้กลับขึ้นเรือสำเภา ข้าก็เลยไปตามสืบดู”

ผู้อาวุโสเหอเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้กล่าววาจาล้อเล่น จึงขมวดคิ้วถามกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“แล้วเรื่องนี้แท้จริงเป็นอย่างไร?”

ผู้อาวุโสเหยียนสูดหายใจลึกหนึ่งครั้ง มองไปรอบๆ ก่อนจะพูดว่า

“ข้าสืบทราบมาว่า พวกเขาเจอต้นหยวนหลิงบนเกาะชิงอวิ๋น เพื่อที่จะแย่งชิงผลหยวนหลิงเหล่านั้น หลินจินไท่กับหลัวเฉิงจึงเกิดความขัดแย้ง จากนั้นทั้งสองก็เข้าปะทะกัน”

ผู้อาวุโสเหยียนกล่าวน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ

“ผลก็คือ หลินจินไท่ถูกตัดแขนทั้งสองข้างและคาดว่าคงตายไปในตอนนั้น ส่วนจั่วฉางซานก็ถูกงูยักษ์เกล็ดดำที่เฝ้าผลหยวนหลิงรัดจนตาย”

ปัง!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสเหอก็ทนทานรับมิได้พลันปาดมือตบโต๊ะหินดังฉาด พานให้โต๊ะหินแตกเป็นเสี่ยง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเกรี้ยวกราดแล้วตวาดลั่น

“เป็นไปไม่ได้! ไอ้ขยะนั่น ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินจินไท่แน่นอน! เป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี!”

ผู้อาวุโสเหยียนถอนหายใจ “ตอนแรกที่ข้าได้ยินก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกับท่านตอนนี้ แต่ลูกศิษย์หลายคนเห็นเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจนจึงยากจะปฏิเสธได้”

“หลัวเฉิงผู้นี้เหมือนจะมิใช่มีฝีมือธรรมดาอย่างที่พวกเราคิดก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นไหนเลยอวิ๋นเหมิงลี่จะแนะนำให้เขาเข้าสำนักเรากัน”

ระหว่างนั้นเอง ผู้อาวุโสฉินเหมยที่ดูแลเรือสำเภาหมายเลขห้าได้กล่าวแทรกขึ้น

“เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหนข้าเองก็มิอาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ คือหลัวเฉิงได้กลับมาอย่างปลอดภัย อีกทั้งพลังยุทธของเขาก็มิใช่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม แต่เป็นระดับห้าต่างหาก ไม่แน่ว่าบางที…”

ผู้อาวุโสฉินเหมยกล่าวยังไม่ทันจะจบก็มีเสียงอุทานแทรกดังขึ้น

“ไอ้เด็กนั่นยังมีชีวิตอยู่งั้นรึ!”

ผู้อาวุโสเหอสะดุ้งเฮือกไปชั่วขณะ เมื่อได้สติสัมปชัญญะกลับมาจึงหันไปมองผู้อาวุโสฉินเหมย แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“เมื่อครู่ท่านบอกว่า พลังยุทธ์ของเขามิใช่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม แต่เป็นระดับห้างั้นหรือ?”

ผู้อาวุโสฉินเหมยพยักหน้าเล็กน้อย “สิ่งที่ข้ากล่าวนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน”

“เป็นไปไม่ได้! นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ข้าเห็นเองกับตาว่าเขาเพิ่งอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามเท่านั้น…”

ข่าวใหญ่นี้ทำให้ผู้อาวุโสเหอสับสนเป็นที่สุด ในหัวก็ก่อเกิดคำถามมากมายขึ้น

ไอ้ขยะนั่นไม่กี่วันก่อนมันยังอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามอยู่เลย แต่เพราะเหตุใด จู่ๆ มันจึงกลายเป็นระดับห้าได้!

ยิ่งไปกว่านั้น หลัวเฉิงยังได้สังหารลูกศิษย์ที่เขารักที่สุดอย่างหลินจินไท่อีกต่างหาก!

มันยังมีเรื่องอะไรบ้าไปกว่านี้หรือไม่?

ดวงตาของฉินเหมยแวววับขึ้นทันที ไม่ช้านางก็เผยอปากเอ่ยว่า “ดูนั่นสิ เขาลงจากเรือแล้ว!”

ในระยะไม่ไกลภายในคลองจักษุ ที่สะพานเดินเรือของเรือสำเภาหมายเลขห้า ปรากฏร่างหลัวเฉิงกำลังเดินลงมา

“เป็นมันจริงๆ ด้วย! นี่มันยังไม่ตายอีกรึ!”

เมื่อผู้อาวุโสเหอเห็นหลัวเฉิง ดวงตาก็หรี่เล็กลงเผยให้เห็นความอำมหิต ดุจเดียวกับแววตาอสรพิษในยามราตรีกาล

“หืม?”

หลังจากหลัวเฉิงกลืนกินวิญญาณยุทธ์ไปแล้วมากมาย ประสาทสัมผัสการรับรู้เขาก็ยกระดับเป็นเฉียบคมขึ้นยิ่ง

ขณะเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเยือกเย็นที่เจาะจงมาทางเขายามนี้ เมื่อหันไปมองตามทิศทางจิตสังหารนั้น ก็พบว่าเป็นผู้อาวุโสเหอที่ยืนอยู่บนแท่นสูง

“ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ เจ้าคงประหลาดใจมากงั้นสิที่เห็นว่าข้ายังไม่ตาย รอให้ข้าแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนเถอะ แล้วข้าจะตามไปคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!”

หลัวเฉิงแย้มยิ้มอำมหิตภายในใจ

หลังจากที่เขาได้เป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ เขาก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์ฝ่ายนอกทันที และผู้อาวุโสเหอจะไม่มีทางจัดการเขาได้ง่ายๆ อีกต่อไป

โอ้!

ในเวลาเดียวกันนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงฮือฮาดังมาจากทิศทางของเรือสำเภาหมายเลขสอง

เมื่อหลัวเฉิงหันไปดู ก็ปรากฏว่าเป็นกู่หลิงเฟิงที่ลงจากเรือสำเภาแล้วกำลังลงทะเบียนแต้มในตอนนี้

กู่หลิงเฟิงเป็นเพียงความหวังเดียวที่มีโอกาสคว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบชิงอวิ๋น!

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงจับตาเขาว่าจะได้แต้มสูงขนาดไหน มันจะสามารถสูงโด่งนำโจวรั่วและขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้หรือไม่

มิใช่แค่ลูกศิษย์บำรุงสำนักที่ให้ความสนใจเท่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการบันทึกแต้มก็หยุดกระทำสิ่งต่างๆ และหันไปมองเช่นเดียวกัน

ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก กู่หลิงเฟิงก็กำลังยื่นป้ายหยกประจำตัวของเขา

เมื่อผู้อาวุโสหลังโต๊ะหินนำป้ายหยกประจำตัวไปวางบนสมุดหยก ทั้งสองสิ่งก็ส่องแสงเจิดจ้าออกมาพร้อมกัน

ทันใดนั้น นามของกู่หลิงเฟิงก็ปรากฏขึ้นในอันดับบนกระดานประกาศแต้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด