ตอนที่แล้วตอนที่ 24: อุปกรณ์สำนักสายนอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26: โถงพิทักษ์กฎ

ตอนที่ 25: งานทั่วไป


ตอนที่ 25: งานทั่วไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หวังฝูจึงเดินออกมาจากตำหนักด้านข้าง

เฝิงต้าฟู่จากไปแล้ว เหลือเพียงซ่งจิ่งถังผู้ยังยืนอยู่กับที่โดยเอามือไพล่หลัง

“เลือกได้หรือยัง?”

“ขอบคุณศิษย์พี่ซ่งที่อดทนรอ ข้าเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว” หวังฝูส่งหนังสือสองเล่มกับแผ่นหยกหนึ่งแผ่นด้วยความเคารพ

นอกจากของต้องมีอย่าง “วิชาปฐพีปึกแผ่น” แล้ว หวังฝูยังนำ “ชุดยันต์พื้นฐาน” ที่มีหน้ากระดาษสีทองมาด้วย ถึงอย่างไรมันก็เป็นหน้ากระดาษสีทอง ถ้าไม่ใช่ของดีแล้วจะเป็นอะไรไปได้? หรือต่อให้ไม่มีอะไร แต่ถ้าเกิดอยากเรียนรู้การสร้างยันต์ขึ้นมา “ชุดยันต์พื้นฐาน” ย่อมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

ส่วนแผ่นหยก มันคือสิ่งที่รวบรวมวิชาพื้นฐานระดับต่ำที่ไม่มีคุณสมบัติเอาไว้เป็นจำนวนมาก

มันบันทึกวิชาพื้นฐานระดับต่ำรวมทั้งสิ้นห้าวิชา ได้แก่วิชารวมลมปราณ วิชาเนตรสวรรค์ วิชาควบคุมวัตถุ วิชาซ่อนกายาและวิชาเพลิงวิญญาณ

วิชาทั้งห้านี้ไม่มีข้อกำหนดคุณสมบัติวิชาแต่อย่างใด แม้จะเป็นเพียงวิชาพื้นฐานระดับต่ำ แต่พวกมันมีประสิทธิภาพสูงและใช้งานได้จริงแม้ว่าจะเป็นการฝึกฝนระดับสูงก็ตาม

วิชารวมลมปราณสามารถรวบรวมปราณวิญญาณเพื่อปกปิดระดับการฝึกฝนได้ ทำให้ผู้ฝึกตนที่มีพละกำลังต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกันมองไม่ออกความตื้นลึกหนาบางของผู้ใช้

วิชาเนตรสวรรค์ตรงกันข้ามกับวิชารวมลมปราณ มันสามารถมองเห็นระดับการฝึกฝนของคนอื่นได้ อีกทั้งยังมีผลบางอย่างต่อผู้ฝึกตนที่มีระดับการฝึกฝนสูงกว่าตัวเองอีกด้วย

วิชาควบคุมวัตถุเป็นการควบคุมวัตถุจากระยะไกล

วิชาซ่อนกายาเกี่ยวข้องกับการใช้พลังวิญญาณปกคลุมทั่วร่างกาย จากนั้นเปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นสีป้องกันที่คล้ายกับสภาพแวดล้อมโดยรอบเพื่อซ่อนตัวตนและสร้างผลที่ยากต่อการตรวจจับได้ด้วยตาเปล่า หากใช้ควบคู่กับวิชาปฐพีหลบลี้ มันจะกลายเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการสังหารและปล้นชิง

ส่วนวิชาเพลิงวิญญาณ มันคือการใช้พลังวิญญาณในการสร้างเปลวเพลิงขึ้นมา ทำให้สามารถปลดปล่อยเพลิงวิญญาณซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณได้ อีกทั้งยังนำไปใช้ในการหลอมยาเม็ดและอาวุธ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำลายซากศพกับปกปิดร่องรอย

“ไม่เลว แต่แต้มความดีมีไม่พอ เจ้าต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อนเพื่อชดเชย” ซ่งจิ่งถังพยักหน้าแล้วเอ่ยคำต่อ “ใช้จิตเทวะของเจ้าเพื่อเปิดใช้งานแผ่นป้าย โอนแต้มความดีมาให้ข้า จากนั้นจ่ายหินวิญญาณเพิ่มถึงจะไปได้”

หวังฝูทำตามที่บอก แม้จะรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ต้องโอนแต้มความดีให้ จากนั้นล้วงเงินเดือนของเดือนนี้จากถุงเก็บของก่อนจะส่งให้ซ่งจิ่งถัง

ซ่งจิ่งถังพลิกฝ่ามือ แล้วหินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อนจึงหายไป เขาเงยหน้ามองหวังฝูผู้กำลังจะจากไปก่อนจะเอ่ยเตือนด้วยรอยยิ้ม “อ้อ เกือบลืมเตือนเจ้าไปเลย ไม่ว่าศิษย์สำนักขนนกร่วงโรยจะเป็นสายในหรือสายนอกต่างก็มีงานทั่วไปของสำนักที่ต้องทำ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาหนึ่งปี หากลืมขึ้นมา ศิษย์พิทักษ์กฎจะเข้ามาจัดการ ถึงตอนนั้นก็อย่าหาว่าไม่เตือน”

“งานทั่วไปของสำนักสายนอกอยู่ในตำหนักด้านข้างทางฝั่งซ้ายของตำหนักกิจการทั่วไป เจ้าสามารถไปดูด้วยตัวเองได้”

“ขอบคุณศิษย์พี่ซ่งที่แจ้งให้ทราบ เช่นนั้นก็ขอตัวก่อน”

หวังฝูตกตะลึงขณะรีบขอบคุณด้วยความเคารพ จากนั้นจึงออกจากประตูตำหนักกิจการทั่วไปด้วยสีหน้าหมองหม่น เขามีความเข้าใจใหม่ต่อศิษย์พี่ซ่งผู้ชั่วร้ายคนนี้ ไม่เพียงแต่สูบความมั่งคั่งที่เขาเพิ่งได้รับมาเท่านั้น แต่ยังเก็บเอาไว้เองบางส่วนด้วย แต่ถ้าเขาไม่นำวิชาทั้งสามเล่มจากตำหนักด้านข้างจนเงินเดือนไม่เหลือ เกรงว่าคงไม่บอกเขาเรื่องงานทั่วไปของสำนักเป็นแน่

หากไม่มีใครบอกเขา ศิษย์พิทักษ์กฎจะมาที่บ้านเพื่อบังคับให้เลือก แบบนั้นคงรู้สึกแย่ไม่ใช่น้อย

“ถือว่าเป็นการใช้เงินขจัดปัญหาแล้วกัน”

หวังฝูทำได้เพียงปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้เท่านั้น

หลังเดินออกจากประตูหลักของตำหนักกิจการทั่วไป หวังฝูจึงเตรียมไปที่ตำหนักด้านข้างทางฝั่งซ้ายเพื่อจะดูเสียหน่อย

ศิษย์สายนอกจำนวนมากเดินเข้าออกตำหนักด้านข้าง หวังฝูเหมือนกับศิษย์คนอื่นที่เดินเข้าไปในตำหนักก่อนจะเห็นแผ่นหยกขาวลอยอยู่ใจกลาง หยกส่องแสงสว่างเจิดจ้าขณะแสดงข้อมูลจำนวนมากออกมา โดยตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัว “รายการงานทั่วไป” ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าแผ่นหยกขาวนี้เป็นอาวุธวิเศษที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน

ด้านล่างรายการคืองานทั่วไปของสำนักที่ศิษย์สายนอกจำเป็นต้องทำ

ดูแลสัตว์วิญญาณ ดูแลทุ่งวิญญาณ เลี้ยงแมลงวิญญาณ ปลูกสมุนไพรวิญญาณ คุ้มกันประตูสำนักและตำหนักสาขาย่อย ตรวจสอบสำนัก หลอมอุปกรณ์วิเศษกับโอสถระดับต่ำ สร้างยันต์ จัดการงานจิปาถะภายในและภายนอกสำนัก รวมถึงคุ้มกันทรัพย์สินบางส่วนภายนอกสำนัก…

ค่าตอบแทนน้อยนิด

สรุปก็คืองานจิปาถะของสำนักคืองานที่ต้องใช้แรงซึ่งไม่มีคำขอบคุณ มีเพียงความเหนื่อยล้าและความสกปรก ที่สำคัญยิ่งกว่าคือต้องใช้เวลาค่อนข้างนานจึงจะเสร็จสมบูรณ์

ยกตัวอย่างเช่นศิษย์รับใช้จากงานทั่วไปที่เลี้ยงแมลงวิญญาณต้องไปรับแมลงวิญญาณมาจากตำหนักกิจการทั่วไปก่อน จากนั้นต้องเลี้ยงพวกมันด้วยพลังวิญญาณกับวัตถุวิญญาณเฉพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งปี เมื่อทำให้แมลงวิญญาณก้าวหน้าได้ตามที่กำหนดย่อมได้รับรางวัล จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าแมลงวิญญาณตายขึ้นมาก็จะมีบทลงโทษ

ในที่สุดหวังฝูเข้าใจว่างานทั่วไปของสำนักเหล่านี้บั่นทอนเวลาการฝึกฝนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสำหรับศิษย์ธรรมดา พวกเขามีแนวโน้มสูงที่จะติดอยู่ในวังวนงานทั่วไปของสำนักอันไร้ที่สิ้นสุด ต้องมาเสียเวลาจำนวนมากเพื่อมีส่วนร่วมกับการพัฒนาสำนัก

แน่นอนว่าหากมีภูมิหลังและมีฐานะมากพอ ย่อมสามารถซื้ออาวุธวิเศษระดับต่ำ โอสถหรือแม้แต่แมลงวิญญาณสายพันธุ์เดียวกันก่อนจะส่งมอบในช่วงสิ้นปีได้ แบบนั้นก็ถือว่าเป็นการทำงานเสร็จสิ้นภายในหนึ่งปีเช่นกัน

แต่ศิษย์น้อยคนนักที่จะมีฐานะขนาดนั้น

หวังฝูแตะหน้าอก เขายิ่งรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองมีหม้อขนาดเล็กอยู่กับตัว

“กลายเป็นว่าชีวิตในสำนักเซียนไม่ได้มีอิสระอย่างที่คิด มันถูกจำกัดโดยกฎระเบียบจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้น เหตุใดผู้คนถึงยังรีบเร่งที่จะเข้าสำนักเซียนกัน?” หวังฝูมองงานจำนวนมากบนแผ่นหยกก่อนจะถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ดูท่าว่าชีวิตของศิษย์ทางการจะไม่ได้ดีอย่างที่จินตนาการเอาไว้

“ทำไมน่ะหรือ? แน่นอนว่าเพื่อสร้างรากฐาน เพื่อมรดกอันแข็งแกร่ง เพื่อเส้นทางสู่ความเป็นอมตะที่ยากจะเข้าใจ”

เสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้างหวังฝู

ชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนตัวตรง เขาสวมชุดคลุมสีดำขณะแบกกระบี่ยาวสีดำสนิทไว้บนหลัง คิ้วหนาตาต่ำ ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มราวกับไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้

“สร้างรากฐานหรือ”

ขอบเขตสร้างรากฐานยังถือว่าห่างไกลสำหรับหวังฝู

“ยาเม็ดสร้างรากฐานใช้ในการสร้างรากฐานสำหรับวิถีมนุษย์ ส่วนเส้นปราณปฐพีแห่งต้าเซี่ยใช้สร้างรากฐานสำหรับวิถีปฐพี สองสิ่งนี้ถูกควบคุมโดยหกสำนักเซียนหลัก”

ชายหนุ่มคิ้วหนายิ้มหยัน “หากไม่เข้าสำนักเซียนก็เป็นได้เพียงมดตัวใหญ่ แม้แต่ตระกูลที่ฝึกตนเป็นเซียนที่ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่กล้าหาเรื่องยังต้องพึ่งสำนักเซียน”

“หกสำนักเซียนหลักคือราชันของโลกการฝึกตนเป็นเซียนแห่งต้าเซี่ย”

“ราชันของโลกการฝึกตนเป็นเซียน…” หวังฝูลอบตกตะลึง พอเงยหน้ามองอีกครั้งจึงพบว่าชายหนุ่มคิ้วหนาเดินไปไกลแล้ว ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวและภาคภูมิ

“ช่างเป็นคนที่แปลกนัก…”

หลังออกจากตำหนักด้านข้าง หวังฝูจึงหยิบแผนที่ออกมาจากถุงเก็บของขณะทำตามคำแนะนำบนแผนที่จนมาถึงหนึ่งในพื้นที่อาศัยจำนวนมากบนยอดเขาขนนกโบยบิน สาเหตุหลักเป็นเพราะสถานที่นี้ถูกทำเครื่องหมายว่าใหญ่ที่สุดบนแผนที่

รอบข้างเต็มไปด้วยเทือกเขา

ลานกว้างปรากฏทุกหนแห่ง กระจัดกระจายอยู่บนหน้าผาของขุนเขา ซึ่งลานกว้างบางส่วนถึงขั้นลอยอยู่กลางอากาศครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ ศิษย์ทั้งหลายใช้วิชาเพื่อเคลื่อนไหวไปมา การกระโดดแต่ละครั้งสามารถไปได้ไกลหลายจั้ง

หวังฝูส่ายหน้า เขาไม่กล้าอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเลือกสถานที่อื่นเท่านั้น

ในที่สุดก็พบลานกว้างว่างเปล่าในพื้นที่ราบเรียบเล็กน้อย ทันทีที่เปิดใช้งานแผ่นป้าย แสงสว่างวาบจึงปรากฏพร้อมกับค่ายกลจำกัดของลานกว้างที่เปิดใช้งานเอง ทำให้มีเพียงเจ้าของลานกว้างที่ถือครองแผ่นป้ายเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

ลานกว้างประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องอ่านหนังสือ ห้องครัว… มันมีทุกสิ่งที่ต้องการ ซึ่งดีกว่าหุบเขาร้อยหญ้าและผาไม้ดำมาก เปรียบได้กับบังกะโลขนาดเล็กและคฤหาสน์ขนาดใหญ่

ตอนนี้เที่ยงวันแล้ว ท้องของหวังฝูจึงเริ่มเกิดอาการปั่นป่วน โชคยังดีที่มีข้าวเหลืออยู่ในห้องครัว ดังนั้นหวังฝูจึงเริ่มหุงข้าวทันที หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ข้าวก็สุกจนส่งกลิ่นหอม

“โอ้ ข้าวนี่แตกต่างจากที่ยอดเขาเหมันต์น้อยนิดหน่อย…”

เมื่อได้กลิ่นหอม หวังฝูจึงอดไม่ได้ที่จะกัดเข้าไปหนึ่งคำ จากนั้นดวงตาจึงทอประกาย “ข้าววิญญาณ ฮ่าฮ่า… มันถึงกับเป็นข้าววิญญาณ นึกไม่ถึงว่าข้าววิญญาณที่ปลูกโดยศิษย์รับใช้จะเป็นของธรรมดาที่นี่…”

ในตอนนี้ ความหนักอึ้งจากงานทั่วไปของสำนักจึงมลายหายไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด