ตอนที่แล้วตอนที่ 12 ผู้ใดเล่าจะไร้ค่าไปกว่าข้า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ลู่เหรินออกโรง

ตอนที่ 13 สันเขามังกรดำ


ตอนที่ 13 สันเขามังกรดำ

เมืองมังกรดำ ตั้งอยู่ติดกับสันเขามังกรดำ

ดังนั้นผู้คนที่เดินทางมาเมืองนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มาฝึกฝนที่สันเขามังกรดำ มีทั้งผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลต่าง ๆ และนักล่านับไม่ถ้วน

และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสันเขามังกรดำ อยู่ใกล้กับสำนักราชวงศ์และสำนักเมฆาขจี ศิษย์จากสองสำนักใหญ่นี้ก็จะเดินทางผ่านเมืองนี้เช่นกัน

ในเวลานี้ลู่เหริน ฉินอวี้ และคนอื่น ๆ อีกสองคน เดินทางมาถึงเมืองมังกรดำหลังจากใช้เวลาครึ่งวัน

“มาดู มาชม แก่นแท้ปีศาจแมวเงาที่เพิ่งเก็บมาจากสันเขามังกรดำ วัตถุดิบสำคัญในการสร้างยันต์ หนึ่งหมื่นเหรียญทองแดงต่อชิ้น!”

“สมุนไพรวิญญาณขั้นหนึ่ง หญ้ารวมวิญญาณ แปดพันเหรียญทองแดงต่อต้น ซื้อสิบต้นลดเหลือหกหมื่นเหรียญทองแดง!”

....

ยังไม่ทันเดินเข้าไปในเมืองมังกรดำ ลู่เหรินก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกจากข้างใน

เมื่อเดินเข้าไป ลู่เหรินเห็นร้านค้าต่าง ๆ ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง ผู้คนเดินขวักไขว่ หยุดดูสินค้าตามร้าน เสียงต่อรองราคาดังขึ้นต่อเรื่อง ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาก

“นี่แหละโลกแห่งยุทธ!”

ลู่เหรินอุทาน

ก่อนมาเขาได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสันเขามังกรดำใน “คู่มือศิษย์”

ส่วนใหญ่อธิบายเกี่ยวกับสัตว์อสูร

ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร แบ่งจากต่ำไปสูง เป็นขั้นหนึ่ง ขั้นสอง ขั้นสาม ขั้นสี่ และอื่น ๆ

แต่ละขั้นแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง

สัตว์อสูรขั้นหนึ่ง เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเปิดประตูพลัง

สัตว์อสูรระดับต่ำขั้นหนึ่งอย่างแมวเงา สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสันเขามังกรดำ เพียงแค่ฆ่ามันแล้วควักแก่นแท้ปีศาจในร่างกายออกมาก็สามารถขายได้หนึ่งหมื่นเหรียญทองแดง

หนึ่งหมื่นเหรียญทองแดง สำหรับคนทั่วไปถือเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้วเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยในการฆ่าสัตว์อสูรตัวหนึ่ง

“อวี้เอ๋อร์ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมาที่เมืองมังกรดำด้วย พวกเราจะร่วมทีมกันดีหรือไม่?”

ในขณะนั้น มีกลุ่มคนสี่คนเดินเข้ามา

คนนำเป็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี สวมเสื้อผ้าหรูหรา หน้าตาธรรมดา แต่ชอบมองคนด้วยหางตาโดยเฉพาะเวลาที่มองลู่เหรินทั้งสามคน ก็เผยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามฉายชัด

“ไม่จำเป็น!”

ฉินอวี้พูดจบก็เตรียมจะเดินผ่านชายหนุ่มไป

เมื่อเห็นว่าฉินอวี้ไม่สนใจเขา ชายหนุ่มก็โกรธขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ฉินอวี้เจ้าหยิ่งอะไรนักหนา? ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องเป็นของติงไห่เช่นข้าผู้นี้อยู่ดี!”

ลู่เหรินเดินตามหลังฉินอวี้ เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ศิษย์พี่หวังเถิง ติงไห่คือใคร?”

หวังเถิงพูดเสียงเบา “ติงไห่เป็นศิษย์ชั้นนอกของสำนักราชวงศ์ เปิดช่องจิตได้หกช่อง ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเมืองเดียวกับศิษย์พี่ฉินอวี้ ตระกูลติงเห็นว่าศิษย์พี่ฉินอวี้มีพรสวรรค์จึงอยากจะให้ติงไห่แต่งงานกับศิษย์พี่ฉินอวี้!”

“เข้าใจแล้ว!”

ลู่เหรินพยักหน้า

แต่หวังเถิงกลับพูดอย่างโมโห “แต่ติงไห่นั่นมันเป็นตัวอะไร? ยังฝันจะแต่งงานกับศิษย์พี่ฉินอวี้ พวกเราสามคนใครสู้มันไม่ได้?”

“ศิษย์พี่หวังเถิง อย่าลืมข้าด้วยล่ะ!”

ลู่เหรินโบกมือ

“ศิษย์น้องลู่เหริน เจ้าอย่าดูถูกตัวเองนะถึงเจ้าจะมีสายเลือดไร้ค่า แต่เจ้าก็เป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์รับไว้ ยังไงก็มีอาจารย์ดี!”

หวังเถิงพูด

“หวังเถิง ถ้าเจ้าไม่อยากไปฝึกภาคปฏิบัติก็กลับสำนักไปตอนนี้เลย!”

ฉินอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หวังเถิงรีบปิดปากไม่กล้าพูดอะไรอีก

ไม่นาน ลู่เหริน ฉินอวี้ และกลุ่มสี่คนของพวกเขาก็เดินผ่านเมืองมังกรดำ เข้าสู่สันเขามังกรดำ

สันเขามังกรดำมีต้นไม้โบราณสูงตระหง่านสูงกว่าสิบจั้ง เส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละต้นใหญ่มาก ต้องใช้คนสามคนโอบจึงจะรอบ

ใต้ต้นไม้โบราณ เต็มไปด้วยเถาวัลย์พันเกี่ยวพุ่มไม้ต่าง ๆ จะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรเป็นระยะ

ลู่เหรินได้ยินเสียงคำราม สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา

ในทางกลับกัน สีหน้าของหวังเถิงและจางเชิ่งกลับผ่อนคลายอย่างมาก ไม่เหมือนกับว่ามาฝึกภาคปฏิบัติทำภารกิจ แต่เหมือนมาท่องเที่ยวมากกว่า

“ลู่เหริน เจ้าผ่อนคลายหน่อย มีศิษย์พี่ฉินอวี้แล้วย่อมปลอดภัยแน่นอน!”

จางเชิ่งพูดอย่างสบาย ๆ

โฮก!

ทันใดนั้นเสือโคร่งขนาดใหญ่ที่มีลำตัวเหมือนหินแกรนิตก็พุ่งออกมา จ้องมองลู่เหริน ฉินอวี้ และอีกสองคนอย่างดุร้าย มุมปากที่น่ากลัวของมันยังมีเลือด ในปากยังเคี้ยวแขนของมนุษย์อยู่

ดวงตาสีเทาของมันจ้องเขม็งไปที่คนทั้งสี่ ปล่อยพลังแห่งสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

“นี่มันเสือลายหิน!”

ลู่เหรินอุทานออกมาด้วยความตกใจ

ในส่วนของสัตว์อสูรใน “คู่มือศิษย์” มีการแนะนำเกี่ยวกับเสือลายหิน มันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงขั้นหนึ่ง ลำตัวแข็งแกร่งดุจหินแกรนิต มีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดช่องจิตได้เจ็ดช่อง

แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่เปิดช่องจิตได้เจ็ดช่องทั่วไป ก็ไม่กล้าปะทะกับเสือลายหินซึ่ง ๆ หน้า

“ลู่เหรินแค่เสือลายหินเอง ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น”

หวังเถิงตบบ่าลู่เหริน บอกให้เขาผ่อนคลาย

แต่ลู่เหรินก็ยังคงตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรในโลกนี้อย่างแท้จริง มันดุร้ายกว่าสัตว์ทั่วไปเป็นสิบเท่า

โฮก!

เสือลายหินคำรามอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าใส่ฉินอวี้ กรงเล็บที่แหลมคมของมันกรีดอากาศส่งเสียงดัง ก่อนจะฟาดลงไปที่ฉินอวี้อย่างรุนแรง

การโจมตีนี้ ถือว่าน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

ฉินอวี้ก้าวเท้าหลบไปด้านข้างเอียงตัวเล็กน้อย หลบการพุ่งเข้าใส่ของเสือลายหินได้อย่างคล่องแคล่ว

เสือลายหินโจมตีพลาด ฟาดลงไปที่ต้นไม้โบราณจนหักโค่นลงมา

ทว่าเท้าของฉินอวี้เคลื่อนไหวราวกับผีเสื้อบินผ่านดอกไม้ มาถึงข้างกายเสือลายหินอย่างรวดเร็ว แล้วชกเข้าที่ท้องของมันอย่างแรง

ตูม!

หมัดที่ดูเหมือนอ่อนแอ แต่กลับเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ทะลวงผ่านท้องของเสือลายหินในพริบตา

อ๊าก!

เสือลายหินร้องโหยหวน แล้วล้มลงกับพื้นอย่างแรง ส่งเสียงครวญคราง ร่างกายดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง

ครู่หนึ่งเสือลายหินก็แน่นิ่ง ตายสนิท

ในตอนนี้ที่ท้องของเสือลายหินมีรูขนาดใหญ่ เลือดไหลออกมาไม่หยุด

“เป็นหมัดที่แข็งแกร่งจริง ๆ วิชาตัวเบาก็สุดยอดมาก”

ลู่เหรินอุทานออกมา

“ศิษย์พี่ฉินอวี้ฝึกฝนวิชากำปั้นวัชรระดับมนุษย์ขั้นสูงจนถึงระดับสูง วิชาก้าวเงาดาราขั้นกลางระดับมนุษย์ก็ฝึกฝนถึงระดับสูง แน่นอนว่าต้องเก่ง!”

หวังเถิงพูดออกมาอย่างสบาย ๆ

“ถ้าให้ข้าสู้กับเสือลายหินตัวนี้ตัวต่อตัว ข้าก็น่าจะฆ่ามันได้ ถ้าข้าฝึกฝนพยัคฆ์ก้าวพริบตาจนถึงระดับสัมบูรณ์ บางทีอาจจะพอสู้กับศิษย์พี่ฉินอวี้ได้!”

ลู่เหรินคิดในใจ

แต่ว่าภารกิจครั้งนี้ ศิษย์พี่ฉินอวี้คงไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสลงมือ ส่วนเขาก็ขี้เกียจจะลงมือแล้ว

ครั้งนี้มาเพื่อเปิดหูเปิดตา สัมผัสความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเท่านั้น

หลังจากจัดการเสือลายหินแล้ว หวังเถิงก็รีบวิ่งเข้าไปหยิบมีดออกมา แล้วควักผลึกขนาดเท่ากำปั้นที่แข็งเหมือนหินแกรนิตออกมาจากหัวของมัน

นี่คือแก่นแท้ปีศาจของสัตว์อสูร ขายได้อย่างน้อยหนึ่งหมื่นเหรียญทองแดง

พวกเขาสามคนไม่ต้องทำอะไรเลยก็สามารถแบ่งเงินได้สองพันห้าร้อยเหรียญทองแดงแล้ว

ฉินอวี้เห็นว่าทำความสะอาดสนามรบเสร็จแล้วจึงพูดว่า “ภารกิจของข้าครั้งนี้ คือการตามหาสมุนไพรวิญญาณขั้นสองในเขตรอบนอกของสันเขามังกรดำ ระหว่างทางจะต้องเจอสัตว์อสูรขั้นหนึ่งไม่น้อย แต่พวกเจ้าไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่สัตว์อสูรพวกนั้นทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ พวกเราไปกันต่อเถอะ!”

พูดจบฉินอวี้ก็เดินต่อไปข้างหน้า ลู่เหรินและอีกสองคนก็เดินตามไป

ระหว่างทาง ลู่เหริน ฉินอวี้ และคนอื่น ๆ ได้พบกับสัตว์อสูรขั้นหนึ่งมากมาย ทั้งหมาป่าพายุที่มีความเร็วสูง ลิงยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาล

แต่สัตว์อสูรเหล่านี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินอวี้ก็ไม่สามารถต้านทานได้เกินสามกระบวนท่า

คนทั้งสี่ค้นหาในเขตรอบนอกของสันเขามังกรดำเป็นเวลาสามวันสามคืน ฆ่าสัตว์อสูรไปเกือบยี่สิบตัว

ในวันที่สี่ ฉินอวี้ก็พบสมุนไพรสีเขียวมรกตต้นหนึ่งใต้ต้นไม้โบราณ

สมุนไพรต้นนั้นเหมือนโคมไฟเล็ก ๆ มีกลิ่นหอมจางโชยออกมาโดยรอบ

“ในที่สุดก็เจอแล้ว!”

ดวงตาของฉินอวี้เป็นประกาย ด้วยสมุนไพรต้นนี้ บางทีนางอาจจะสามารถเปิดช่องจิตที่แปดได้สำเร็จ

แต่ทว่าเมื่อนางเด็ดมันขึ้นมาก็พบว่ามีพิษสีเขียวมรกตซึมเข้าไปในฝ่ามือของนาง

“ทำไมสมุนไพรนี้ถึงมีพิษ?”

สีหน้าของฉินอวี้เปลี่ยนไป

“ศิษย์พี่หญิง เกิดอะไรขึ้น?”

ลู่เหรินก้าวไปข้างหน้าถาม

“ข้าโดนพิษ คงมีคนต้องการเล่นงานข้า!”

ฉินอวี้ขมวดคิ้ว พยายามรวบรวมปราณจากช่องจิตทั้งเจ็ดเพื่อขับพิษที่ฝ่ามือออก แต่กลับพบว่าพิษนั้นซึมลึกเข้าไปเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอนว่าเป็นฝีมือของข้า!”

ในเวลานั้นมีเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไกล ๆ เห็นเงาคนสี่คนพุ่งออกมาจากป่า เป็นติงไห่และพรรคพวกนั่นเอง

ติงไห่เดินมาถึงหน้าฉินอวี้ มองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “ฉินอวี้ ข้าเดาว่าเจ้ามาที่สันเขามังกรดำเพื่อเก็บสมุนไพร จึงใส่ยาพิษลงไปนิดหน่อย แต่เจ้าไม่ต้องห่วง พิษชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเจ้า แค่ทำให้เจ้าหมดแรงเท่านั้น ฮ่าฮ่าฮ่า!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด