(ฟรี) บทที่ 170 เธอสวยมาก
เสิ่นหมินเหยาไม่เข้าใจ ถังเว่ยเว่ยมองเห็นความใกล้ชิดระหว่างเซียวโหยวหรานและสวี่ชิวเหวินอย่างชัดเจน แล้วทำไมเธอไม่ถามอะไรเลย?
แต่ถังเว่ยเว่ยเลือกที่จะทำเช่นนี้ และเธอที่เป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องก็ไม่มีคุณสมบัติจะไปตั้งคำถามกับสวี่ชิวเหวิน
เสิ่นหมินเหยาหายใจเข้าลึกๆและไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นความเงียบของเสิ่นหมินเหยา เซียวโหยวหรานก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี่ยวสวี่ ไม่เช่นนั้นคงไม่สงบขนาดนี้
สวี่ชิวเหวินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเขาตั้งสติได้และเห็นว่าถังเว่ยเว่ยไม่ได้พูดอะไร เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาแงะมือของเซียวโหยวหรานออกก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “หยุดเกาะติดได้แล้ว เธอไม่รู้เหรอว่าชายและหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันแบบนี้?”
เซียวโหยวหรานคิดว่าเขาแค่ล้อเล่น และเนื่องจากบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว เธอจึงไม่คัดค้านและปล่อยแขนก่อนจะถอยกลับ
เมื่อมีหญิงสาวทั้งเจ็ดอยู่รอบๆ สวี่ชิวเหวินก็ไม่สามารถทำหรือพูดอะไรได้
ทันใดนั้นตงจุนก็แนะนำให้พวกเขากลับไปพักผ่อนก่อนเพราะทุกคนคงเหนื่อยจากการแข่ง
สวี่ชิวเหวินเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว “ตงจุนพูดถูก กลับไปพักผ่อนกันเถอะ หากมีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
แน่นอนว่าไม่มีใครคัดค้าน
ผู้เล่นทุกคนต่างก็หมดแรง และถ้าไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นจากชัยชนะ พวกเขาคงล้มตัวลงนอนไปแล้ว
สวี่ชิวเหวินหันไปพูดกับสาวๆ “ฉันเหนื่อยมาก ฉันจะกลับไปพักผ่อนก่อน พวกเธอก็ควรรีบกลับด้วย”
หลังจากพูดอย่างนั้นสวี่ชิวเหวินก็รีบเดินไปหาจินฮ่าวหนานและคนอื่นๆโดยไม่ให้โอกาสสาวๆพูดอะไร
หญิงสาวคนอื่นๆในชั้นเรียนก็ทยอยจากไปทีละคน
สาวๆจาก 601 และ 301 เห็นว่าสวี่ชิวเหวินจากไปแล้ว พวกเธอจึงเตรียมตัวกลับเช่นกัน
ก่อนออกเดินทาง ถังเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้นมองเซียวโหยวหรานอย่างลับๆ หลังจากเห็นรูปลักษณ์อันงดงามของอีกฝ่าย เธอก็ก้มหน้าลงทันทีและจมอยู่กับความคิด
เซียวโหยวหรานและอันซือซือยืนนิ่ง รอให้ซ่งซือหยูและแฟนของเธอคุยกัน
แต่ซ่งซือหยู่ไม่ได้พูดอะไรกับหวังจวิ้นไฉมากนัก เพียงกล่าวว่า “กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันจะไปแล้ว” จากนั้นเธอก็หันหลังและเดินออกจากสนามฟุตบอล
ระหว่างทางกลับหอพัก ถังเว่ยเว่ยก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรเลย ซูหยานหยานเองก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติและปิดปากอย่างเชื่อฟัง
ทันใดนั้น เสิ่นหมินเหยาก็พูดกับไป๋เยว่เอ๋อร์ “เยว่เอ๋อร์ เธอเคยเจอเซียวโหยวหรานมาก่อน?”
ไป๋เยว่เอ๋อร์หยุดชั่วขณะแล้วพยักหน้า “ใช่ ฉันเคยเห็นเธอครั้งหนึ่ง”
“แล้วทำไมเธอไม่บอกฉัน... ไม่บอกเว่ยเว่ย?”
ไป๋เยว่เอ๋อร์ตอบสนองด้วยความประหลาดใจ “ทำไมต้องบอกด้วยล่ะ?”
เสิ่นหมินเหยาพูดด้วยความโกรธ “เธอไม่เห็นมันจริงๆหรือแค่แสร้งทำเป็น? ใครๆก็บอกได้ว่าสวี่ชิวเหวินกับเซียวโหยวหรานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาเป็น... ถึงตอนนั้นเว่ยเว่ยจะเป็นยังไง?”
ไป๋เยว่เอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วอธิบาย “ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีมากเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็ก พวกเขารู้จักกันมาสิบแปดปีแล้ว หากมีอะไรจริงๆ มันคงจะเกิดขึ้นนานแล้ว พี่หมินเหยา คุณกังวลมากเกินไป”
เสิ่นหมินเหยาไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เมื่อคิดว่าถังเว่ยเว่ยยังคงเงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้ เธอก็หันไปมองด้วยความหงุดหงิด “เว่ยเว่ย ทำไมเธอไม่กังวลเลย? เธอไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?”
ถังเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินเสิ่นหมินเหยา ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนร่วมห้องและกระซิบเบาๆ “เธอสวยมาก”
เสิ่นหมินเหยาพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวใช้ในวังที่กำลังกังวลแทนราชินี
ในฐานะเพื่อนร่วมห้องของถังเว่ยเว่ย เธอกังวลแทบตาย แต่ถังเว่ยเว่ยกลับไม่กังวลแม้แต่น้อย และถึงกับชื่นชมความงามของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
เธออยากจะเข้าไปในหัวของถังเว่ยเว่ยจริงๆและดูว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน
ไป๋เยว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของถังเว่ยเว่ย
เดิมทีเธอคิดว่าถังเว่ยเว่ยแม้จะไม่แสดงอารมณ์ออกมาแต่ก็คงโกรธอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ออกมาจากปากกลับกลายเป็นการชื่นชมรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย
นี่เป็นสิ่งที่เธอทำไม่ได้
ความใจกว้างของถังเว่ยเว่ยทำให้เธอทั้งประหลาดใจและชื่นชม ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “เว่ยเว่ย เธอไม่กังวลเลยจริงๆเหรอ? จะเป็นยังไงถ้าสวี่ชิวเหวินชอบคนอื่น หรือมีผู้หญิงคนอื่นมาชอบเขาล่ะ?”
ถังเว่ยเว่ยส่ายหัวเบาๆ “นั่นเป็นเรื่องของเขา เราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน”
เสิ่นหมินเหยาถอนหายใจอย่างหมดคำพูด “เอาล่ะ เว่ยเว่ย เธอสามารถหลอกตัวเองด้วยคำว่า ‘เพื่อนที่ดี’ ได้ตามต้องการ แต่เมื่อมีคนแย่งสวี่ชิวเหวินไป อย่าเสียใจและตำหนิที่เราไม่เตือนเธอ”
ถังเว่ยเว่ยยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัว “มันจะไม่เกิดขึ้น พี่หมินเหยา ฉันเชื่อใจเขา”
ซูหยานหยานอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นในเวลานี้ “พี่เว่ยเว่ย ใครก็ตามที่เป็นแฟนของคุณจะต้องโชคดีมาก”
ไป๋เยว่เอ๋อร์ก็เห็นด้วยกับความคิดของซูหยานหยาน
ในเวลาเดียวกัน สวี่ชิวเหวินกลับมาถึงหอพักพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ และทั้งหกก็ปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อพักผ่อน
เกมช่วงบ่ายเหนื่อยมาก
สวี่ชิวเหวินฟื้นตัวได้เร็วที่สุดและเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมา
หลังจากเช็คโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแต่ความมืดมิด
เมื่อนึกถึงมื้อเย็น สวี่ชิวเหวินก็รีบปลุกเพื่อนร่วมห้องของเขา
จินฮ่าวหนานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นข้อความจากตงจุน จึงพูดกับเพื่อนร่วมห้องทันที “ตงจุนถึงร้านแล้ว รีบไปที่นั่นกันเถอะ”
ทั้งหกคนจาก 412 ลุกขึ้นและเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิวเหวินอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ แล้วเดินตามเพื่อนร่วมห้องไปที่ร้านอาหาร
ตงจุนพบร้านใหม่ แต่ร้านนี้ไม่มีห้องส่วนตัว ดังนั้นจึงนั่งกันที่ห้องโถง
เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่คนจากสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ก็มารับประทานอาหารที่ร้านนี้ด้วย
เมื่อทั้งหกจาก 412 มาถึงร้านอาหารและเห็นนักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ พวกเขาต่างก็ประหลาดใจ
ตงจุนเดินตรงเข้ามาหา “เราย้ายไปร้านอื่นกันดีไหม”
สวี่ชิวเหวินไม่สนใจ แต่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆอาจไม่อยากทานอาหารร้านเดียวกับสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
แต่หยางไป่ซานพูดขึ้นก่อนว่า “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก เราเป็นแชมป์ และพวกมันคือผู้แพ้ หากมีใครต้องเปลี่ยนก็ควรเป็นพวกมัน!”
ตงจุนและจินฮ่าวหนานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเห็นด้วยกับประเด็นของหยางไป๋ซาน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดถึงการเปลี่ยนร้านอีก
ทั้งหมดนั่งลงและสั่งอาหารแล้วเริ่มพูดคุยกัน
อาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเร็วมาก แต่บรรยากาศในห้องโถงถูกแบ่งออกเป็นสองอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฝ่ายของสวี่ชิวเหวินที่ชนะการแข่งขันพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินกับมื้ออาหารด้วยเสียงหัวเราะและความสุขบนใบหน้า
ในทางตรงกันข้าม ผู้แพ้มีสีหน้าเศร้าหมองและนั่งดื่มกันเงียบๆ โดยแต่ละคนดื่มมากกว่าและพูดน้อยลง
หยางไป่ซานยังจงใจเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ทีมฝ่ายตรงข้าม โดยเยาะเย้ยเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของพวกเขา
สิ่งนี้เป็นเพียงการกระตุ้นความโกรธของนักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์เท่านั้น
หลิ่วเหลียงทนไม่ไหวและกระแทกมือลงบนโต๊ะจนแก้วหลายใบล้มระเนระนาด “หยางไป่ซาน แกเรียกใครว่าขี้แพ้?”
หยางไป่ซานซึ่งดื่มจนใบหน้าแดงก่ำก็เริ่มมึนเมาแล้ว เขาจึงตอบโต้โดยตรง “ใครก็ตามที่ร้อนตัว!”
หลิ่วเหลียงยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นหลังจากได้ยิน เขาสบถออกมาและเดินมาทางโต๊ะของสวี่ชิวเหวิน
/////