บทที่ 64 : โอกาสในการวิวัฒนาการของหมัดสวรรค์ห้าสายฟ้า!
บทที่ 64 : โอกาสในการวิวัฒนาการของหมัดสวรรค์ห้าสายฟ้า!
“พลังปราณขอบเขตก่อกำเนิด?”
องครักษ์สิบสามมองหลินเสวียนด้วยความตกตะลึง
เขาไม่คิดว่าหลินเสวียนจะสามารถฝึกฝนพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดออกมาได้ภายในเวลาสั้นๆแบบนี้
การฝึกฝนพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดออกมาได้….หมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้เริ่มทะลวงสู่ขอบเขตก่อกำเนิดเเก่นเเท้แล้ว!
เเละเมื่อผู้ฝึกยุทธ์ฝึกฝนพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดได้ครบเก้าสาย ก็จะสามารถเปลี่ยนร่างกายเป็นร่างกายก่อกำเนิด…เเล้วก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดเเก่นเเท้ได้อย่างเป็นทางการ
…..
[การก่อตัวของพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิดสายแรก ส่งผลกระทบต่อวิชาระฆังทองคำอมตะ!]
[วิชาระฆังทองคำอมตะได้รับการกระตุ้นจากพลังปราณขอบเขตก่อกำเนิด….ทะลวงขั้นสุดท้ายสำเร็จ, เลื่อนระดับเป็นระดับลึกลับขั้นต้น พลังป้องกันเพิ่มขึ้นสองเท่า!]
[วิชาระฆังทองคำอมตะเปลี่ยนชื่อเป็น ระฆังทองคำเพลิงอมตะ!]
………
ในขณะเดียวกันนั้น, วิชาระฆังทองคำอมตะก็เลื่อนระดับได้สำเร็จ!
“เยี่ยมมาก!” หลินเสวียนดีใจมาก
หลินเสวียนไม่คิดว่า แค่การปรุงยาไม่กี่เตาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการทะลวงระดับสู่ขอบเขตก่อกำเนิดเเก่นเเท้ของเขา…กลับทำให้คัมภีร์เตาหลอมโลหิตค้นพบหนทางในการเลื่อนระดับ!
แถมวิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานและวิชาระฆังทองคำอมตะก็ยังเลื่อนระดับได้สำเร็จ
[ในขณะที่พระน้อยกำลังหลับใหล เหมือนจะได้ยินว่ามีใครบางคนกำลังดูถูกระดับสีเหลือง?]
[ระดับลึกลับมันแข็งแกร่งมากเหรอ?]
[พระน้อยถึงจะเป็นคนพิการ, แต่ตอนนี้ก็เป็นระดับลึกลับแล้ว]
[พวกที่อวดอ้างว่าแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าจะแค่ระดับเดียวกับคนพิการอย่างพระน้อยเท่านั้น]
วิชาระฆังทองคำเพลิงอมตะที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา…ก็หาเรื่องดาบคลั่งสังหารวิญญาณทันที!
“หึ…รอดูกันไปเถอะ!” ดาบคลั่งสังหารวิญญาณพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จากนั้น, มันก็ไม่สนใจวิชาระฆังทองคำเพลิงอมตะอีก
หลินเสวียนยกยิ้มกับการทะเลาะกันของเหล่าเคล็ดวิชา
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นโค้งคำนับองครักษ์สิบสามแล้วพูดว่า
“ขอบคุณท่านองครักษ์สิบสามมาก…ที่คอยช่วยคุ้มกันข้า”
“หลินเสวียน, เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก!” องครักษ์สิบสามโบกมือ
“จริงสิ ท่านองครักษ์สิบสาม…ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ายังมีอีกภารกิจที่อยากให้ข้าทำใช่ใหม?”
“ใช่เเล้ว…เเละเวลามันใกล้จะหมดแล้ว, พวกเรารีบออกเดินทางไปทำภารกิจนั้นกันเถอะ!”
เมื่อองครักษ์สิบสามพูดจบ, เขาก็หยิบขลุ่ยออกมาเป่าเบาๆ
จากนั้น, นกอินทรีปีกสีเขียวตัวหนึ่งก็บินลงมาจากก้อนเมฆ
ทางด้านหลินเสวียนก็เรียกนกอินทรีปีกสีเขียวของเขามาเช่นกัน!
ทั้งคู่กระโดดขึ้น, ไปอยู่บนหลังของนกอินทรีปีกสีเขียว
เเล้วองครักษ์สิบสามก็นำทางมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง
……
“ภารกิจครั้งนี้ไม่ยาก”
“แค่ไปจัดการสัตว์อสูรระดับหลอมรวมลมปราณขั้นที่เก้าตัวหนึ่งเท่านั้น”
องครักษ์สิบสามอธิบายบนหลังของนกอินทรีปีกสีเขียว
“สัตว์อสูรเหรอครับ?” หลินเสวียนถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว!”
“ที่เมืองเทียนเป่ยมีตระกูลหนึ่งที่ชื่อว่าตระกูลตู้”
“สถานะของพวกเขาในเมืองเทียนเป่ยก็เหมือนกับตระกูลหลินของเจ้า ในเมืองหลางหยา”
“ตระกูลตู้ทำงานให้กับพวกเรามาตลอด…เเละส่วนใหญ่ก็คือขุดศิลาวิญญาณ” องครักษ์สิบสามอธิบาย
“ขุดศิลาวิญญาณเหรอครับ?”
หลินเสวียนรู้สึกสนใจขึ้นมทันที
เขาเองก็พอจะรู้ที่มาของศิลาวิญญาณอยู่บ้าง
ศิลาวิญญาณ…มักจะเกิดขึ้นในภูเขา
เเละส่วนใหญ่มักจะเกิดควบคู่ไปกับแร่ชนิดอื่นๆ
ยกตัวอย่างเช่น, บริเวณที่มีเหมืองเหล็กหรือเหมืองทองแดงขนาดใหญ่
บริเวณพวกนั้นมักจะมีศิลาวิญญาณปรากฏขึ้น
ยิ่งเป็นแหล่งแร่ล้ำค่ามากเท่าไหร่, โอกาสที่จะเกิดศิลาวิญญาณก็ยิ่งสูง เเละคุณภาพของศิลาวิญญาณก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น
“อืม!”
“สำนักเทียนเซียวมีเหมืองเหล็กแห่งหนึ่ง….และที่นั่นมันมีศิลาวิญญาณปรากฏขึ้นควบคู่ไปด้วย”
“ปริมาณศิลาวิญญาณไม่มาก เดือนละประมาณสามร้อยก้อน, เเต่ถ้าโชคดีก็อาจจะขุดเจอศิลาวิญญาณระดับกลางบ้าง”
“เเละตระกูลตู้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด” องครักษ์สิบสามอธิบายต่อ
การขุดศิลาวิญญาณนั้นยุ่งยากมาก
แหล่งแร่ทอดยาวตามภูเขาไปหลายลูก….เรียกได้ว่ายากที่จะหาพบ
บางครั้ง, ขุดลึกลงไปเป็นร้อยเมตรก็ยังหาศิลาวิญญาณไม่เจอ
งานหนักเเละเสียเวลาแบบนี้, ผู้ฝึกยุทธปกติ์ไม่ค่อยอยากจะทำหรอก
แต่สำหรับคนธรรมดา, มันกลับเป็นงานที่ทำกำไรมหาศาล…เพราะสำนักเทียนเซียวให้ค่าตอบแทนสูงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้รับการคุ้มครองจากสำนักเทียนเซียวอีกด้วย!
“แต่เดือนที่แล้ว, ศิลาวิญญาณที่ตระกูลตู้นำมาส่งกลับน้อยลงไปครึ่งหนึ่ง”
“จากรายงานของตระกูลตู้ พวกเขาบอกว่าทุกครั้งที่ขุดศิลาวิญญาณได้…พวกเขาก็จะถูกปล้น”
“เเละคนที่ลงมือ…เป็นสัตว์อสูร!”
“สัตว์อสูรตัวนี้รวดเร็วมาก, พวกเขามองไม่ทันว่ามันเป็นตัวอะไร”
“แค่เห็นแสงวาบหนึ่ง คนงานเหมืองหลายคนก็ถูกไฟฟ้าช็อตตาย…เหลือไว้แค่ศพไหม้เกรียม” องครักษ์สิบสามเล่าเรื่องราวคร่าวๆ
“เป็นแบบนี้นี่เอง!”
“ภารกิจของพวกเราคือการกำจัดสัตว์อสูรตัวนั้นใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว!”
“แต่สัตว์อสูรตัวนี้ เจ้าเล่ห์มาก”
“มันลงมือมาหลายครั้ง ปล้นศิลาวิญญาณของเราไปเยอะ….แต่จนถึงตอนนี้ คนงานเหมืองก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร”
“พวกเราแค่คาดเดาว่ามันน่าจะมีระดับพลังขอบเขตหลอมรวมลมปราณขั้นที่เก้าเป็นอย่างน้อย!” องครักษ์สิบสามอธิบาย
“งั้นเราก็คงต้องไปตามหามันให้เจอก่อน!” หลินเสวียนยิ้ม
“ถูกต้อง….เอาล่ะ, เรามาถึงแล้ว!”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน
องครักษ์สิบสามก็ชี้ไปที่ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าที่ทอดยาวอยู่เบื้องล่าง
ในภูเขาเหล่านั้น, มีภูเขาบางลูกที่ถูกขุดจนกลวงไปแล้ว
ส่วนภูเขาบางลูก, ก็กำลังอยู่ในระหว่างการขุด
หลินเสวียนมองลงไปจากมุมสูง ก็เห็นคนงานเหมืองกำลังขุดแหล่งแร่อยู่ทั่วทุกทิศทาง!
“ไปกันเถอะ!”
“ศูนย์บัญชาการอยู่ทางนั้น!”
องครักษ์สิบสามชี้ไปที่บ้านเรือนหลังหนึ่ง และควบคุมนกอินทรีปีกสีเขียว บินไปพร้อมกับหลินเสวียน
……
“เซียน!”
“เซียนจากสำนักเทียนเซียวมาแล้ว!”
นกอินทรีปีกสีเขียวสองตัวร่อนลงมา พร้อมลมแรงพัดกระหน่ำ
ฉากนี้, ทำให้คนงานเหมืองหลายคนต่างก็ร้องตะโกนด้วยความเคารพ
คนงานเหมืองหลายคน, ถึงกับคุกเข่ากราบไหว้!
จากนั้น, ภายในบ้านเรือนก็มีคนวิ่งออกมายืนรอต้อนรับหลินเสวียนและองครักษ์สิบสามด้วยความเคารพ
“ฟุบ!”
“พวกข้า, คารวะท่านเซียน!”
เมื่อหลินเสวียนและองครักษ์สิบสามลงสู่พื้น, ทุกคนต่างก็โค้งคำนับ
“ใครเป็นผู้รับผิดชอบดูแลที่เเห่งนี้!”
องครักษ์สิบสามกวาดสายตามองทุกคนแล้วถาม
ท่าทางของเขาดูเย่อหยิ่ง ต่างจากตอนที่อยู่ที่ตระกูลหลินโดยสิ้นเชิง
“ตู้คง, คารวะท่านเซียนทั้งสอง!”
ท่ามกลางฝูงชน ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดหรูหรารีบเดินออกมทันที
เขาค้อมศีรษะ, ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเเละไม่กล้าสบตากับองครักษ์สิบสาม
เขาคือตู้คง…เจ้าบ้านตระกูลตู้!
“ตู้คง?”
“เจ้าน่าจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลตู้!”
“ในเมื่อรู้ตั้งนานแล้วว่าจะมีสัตว์อสูรมาแย่งชิงศิลาวิญญาณ, ทำไมถึงไม่รีบรายงาน?”
องครักษ์สิบสามพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แค่ประโยคเดียวของเขา, ก็ทำให้เจ้าบ้านตระกูลตู้เหงื่อตก!
“ตระกูลตู้ไร้ความสามารถ…ขอท่านเซียนอภัยให้ด้วย!”
ตู้คงรีบคุกเข่าลง
เเละคนที่อยู่ด้านหลังที่เห็นดังนั้นต่างก็รีบคุกเข่าตาม…เเละไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจ!
“ขอโทษแล้วจะได้อะไร?”
“พวกเจ้าทำให้ชื่อเสียงสำนักเทียนเซียวของข้าเสียหาย…ตระกูลตู้ของพวกเจ้ารับผิดชอบไหวเหรอ?”
“ถ้าตระกูลตู้ทำไม่ได้ ก็ให้ตระกูลจ้าว ตระกูลหลี่มาทำแทน…ยังไงก็ต้องมีคนที่ทำได้”
องครักษ์สิบสามพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ข้า ข้าไม่กล้า!”
“ขอท่านเซียนอภัยให้ด้วย!”
“ถ้าหากเรื่องนี้ได้รับการแก้ไข ตระกูลตู้ของพวกเรายินดีมอบของกำนัลล้ำค่าเพื่อไถ่โทษ!”
ตู้คงก้มหน้าลงและโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าขององครักษ์สิบสามก็ผ่อนคลายลง
เขาหันไปมองหลินเสวียนและพูดว่า
“ไปขอร้องข้าก็ไม่มีประโยชน์, ครั้งนี้ ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เป็นผู้รับผิดชอบ”
“ขอท่านเซียนเมตตาด้วย!”
“ไม่ว่าท่านเซียนจะมีคำสั่งใด, ตระกูลตู้ของพวกเรายินดีทำตามอย่างเต็มที่!”
ตู้คงได้ยินดังนั้น, ก็รีบโค้งคำนับให้หลินเสวียนทันที
“พอแล้ว!”
“รีบเล่าเรื่องราวโดยละเอียดมาเถอะ!”
หลินเสวียนพูดอย่างแผ่วเบา
“ขอบพระคุณท่านเซียน!”
ตู้คงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะพูดว่า
“สัตว์อสูรตัวนี้ มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย”
“ทุกครั้งที่พวกเราขุดศิลาวิญญาณได้…มันก็จะปรากฏตัวขึ้นทันที”
“เช้าวันนี้, ก็มีศิลาวิญญาณถูกปล้นไปอีก…แถมยังมีคนงานเหมืองตายไปสามคน!”
ตู้คงพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“มีศิลาวิญญาณถูกปล้นไปอีกแล้วงั้นเหรอ?”
บนใบหน้าขององครักษ์สิบสามเผยความโกรธออกมา
ส่วนเรื่องที่คนงานเหมืองตาย… องครักษ์สิบสามไม่สนใจแม้แต่น้อย!
“ใช่ครับ!”
“แต่ครั้งนี้ไม่มาก แค่สามก้อนเท่านั้น!”
ตู้คงรีบพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว
“ส่วนใหญ่แล้ว, มันเกิดเหตุที่ไหน?”
หลินเสวียนถามอย่างใจเย็น
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหมืองแถวนั้น!”
ตู้คงรีบชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่ง, ที่ถูกขุดไปแล้วหนึ่งในสาม
“พาพวกเราไปยังจุดที่เกิดเหตุเมื่อเช้านี้!” หลินเสวียนพูดอย่างเฉยเมย
“ขอรับ!”
ตู้คงไม่กล้าลังเล
เขาลุกขึ้น…พาหลินเสวียนและองครักษ์สิบสาม มุ่งหน้าไปยังเหมืองที่เกิดเหตุ
จากนั้นไม่นานนัก!
หลินเสวียนและองครักษ์สิบสามก็มาถึงเหมืองที่เกิดเหตุ
บนภูเขานั้นมีอุโมงค์เหมืองมากมาย
ที่ปากทางเข้าอุโมงค์เหมืองแห่งหนึ่ง…มีศพไหม้เกรียมสามศพที่ยังไม่ได้รับการจัดการ
“เรียนท่านเซียน!”
“เมื่อเช้าเกิดเหตุในอุโมงค์เหมืองแห่งนี้!” ตู้คงพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ไปกันเถอะ!”
“ลงไปดูข้างในกัน!”
หลินเสวียนพยักหน้า, จากนั้นก็เดินเข้าไปในอุโมงค์เหมือง
…….
ตลอดทาง…องครักษ์สิบสามพยายามสัมผัสร่องรอยของสัตว์อสูร แต่เขาก็ไม่พบอะไรเลย
“มันซ่อนตัวเก่งจริงๆ!” องครักษ์สิบสามขมวดคิ้ว
ทุกครั้งที่เขาทำภารกิจ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดก็คือต้องเจอกับเรื่องแบบนี้
ต้องเสียเวลาและพลังงานเพื่อการตามล่าเป้าหมาย!
“ลำบากท่านเซียนทั้งสองแล้ว!”
“จุดที่เกิดเหตุเมื่อเช้าอยู่ตรงนี้!”
ไม่นานนัก, เจ้าบ้านตระกูลตู้ก็ชี้ไปที่บริเวณที่ไหม้เกรียมและพูดขึ้น
ตรงนี้เป็นผนังเหมืองที่ถูกขุดไปแล้ว….เเต่ตอนนี้มันยังมีร่องรอยไหม้เกรียมและยังคงมีกลิ่นอายของศิลาวิญญาณอยู่
“อืม!”
หลินเสวียนพยักหน้า, หยิบศิลาวิญญาณออกมาห้าก้อนและเริ่มปล่อยพลังปราณออกมา
“ตูม!”
หลินเสวียนที่เพิ่งจะปล่อยพลังปราณจากศิลาวิญญาณ!
ทันใดนั้น, ภายในอุโมงค์เหมืองอีกแห่งก็มีรังสีเเห่งความเกรี้ยวกราดปะทุขึ้น!
จากนั้น…เงาร่างขนาดเท่าฝ่ามือก็พุ่งเข้าหาหลินเสวียนอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสว่างเจิดจ้า!
“หมัดสวรรค์ห้าสายฟ้า!”
“ตูม!”
หลินเสวียนเตรียมตัวไว้แล้ว เขาจึงปล่อยหมัดออกไปพุ่งชนแสงสว่างเจิดจ้านั้น!
ตูมมมมม!
หมัดของหลินเสวียนกระแทกเข้ากับร่างของสัตว์อสูร
ร่างของมันสั่นสะเทือนเเละปล่อยลำแสงสายฟ้าเจิดจ้าออกมา!
[หมัดสวรรค์ห้าสายฟ้าได้รับการชำระล้างจากสายฟ้า…เกิดความรู้สึกเข้าใจบางอย่าง!]
ในที่สุด!
โอกาสในการวิวัฒนาการของหมัดสวรรค์ห้าสายฟ้าก็มาถึงแล้ว!
………………