กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 299 สถานการณ์อันตราย
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 299 สถานการณ์อันตราย
“รายนามอัจฉริยะหมื่นโลกา”
หยางเจี่ยนมองดูรายนาม
สายตาของเขาผ่านชื่อที่คุ้นเคยหลายชื่อ คนเหล่านี้ ล้วนมาจากโลกเซียน
หลายคนเคยพบกับเขา
หลายคนเคยพ่ายแพ้เขา
แม้แต่ผลงานในการต่อสู้ ก็ถูกบันทึกเอาไว้
จนกระทั่งสายตาของหยางเจี่ยนไปหยุดอยู่ที่ลำดับที่สิบเอ็ด ในดวงตาปรากฏความสงสัย เขามองชื่อนั้นอย่างละเอียด เอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ฟางหาน”
ตอนที่เดินทางมาจากโลกเซียน
ตบะของฟางหานอยู่ในระดับเปลี่ยนสวรรค์ระยะกลางเท่านั้น
เวลาผ่านไปไม่นาน ตบะของฟางหานก็มาถึงระดับเปลี่ยนสวรรค์ระยะปลาย แถมยังอยู่ในลำดับที่สิบเอ็ดของรายนามอัจฉริยะหมื่นโลกา
เบื้องหลังเขายังมีอัจฉริยะระดับเปลี่ยนสวรรค์ระยะสูงสุดหลายคน
เรื่องนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ
ตบะระดับเปลี่ยนสวรรค์ระยะปลาย กลับสามารถกดข่มอัจฉริยะรุ่นเดียวกัน แม้จะแตกต่างกันเพียงระดับเดียว ก็ยังคงน่าตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าศักยภาพของฟางหานนั้น ลึกลับซับซ้อน“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ฟางหานผู้นี้ ไม่อาจประมาท”
ชายวัยกลางคนกล่าว
แม้แต่เขา ยังคงรู้สึกถึงภัยคุกคามจากฟางหาน
การเติบโตของคนผู้นี้ รวดเร็วเกินไป ในอดีต เขามาจากโลกเซียน ได้รับการดูแลจากตระกูลฟาง
หมายความว่าฟางหานในอดีต มิใช่ผู้บำเพ็ญอิสระ
จุดเริ่มต้นของเขา สูงส่งกว่าคนอื่น
ตอนนี้ ตระกูลฟางพังทลาย แต่เขากลับได้รับสิ่งของล้ำค่าจากมรดกของเซียนแท้
สิ่งของที่บรรพบุรุษของตระกูลฟางทิ้งเอาไว้ ย่อมมิใช่สิ่งของธรรมดา แม้ว่าจะต้องใช้เวลาในการหลอมรวม แต่ตอนนี้ก็เริ่มแสดงพลังออกมา
หากฟางหานสามารถใช้อย่างถูกวิธี
เขามีโอกาสเข้าไปอยู่ในสิบลำดับแรกของรายนามอัจฉริยะหมื่นโลกา
แม้แต่สามลำดับแรกก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ตอนนี้ ฟางหานอยู่ที่ใด”
หยางเจี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถาม
“ไม่ทราบขอรับ”
ชายวัยกลางคนส่ายหน้า กล่าวว่า “ตอนที่อยู่ในดินแดนแห่งมรดกของเซียนแท้ เคยมีคนเห็นเขาใช้พลังของมหาจักรพรรดิ หลังจากนั้นก็หายตัวไป ไม่อาจติดตามได้”
“หากต้องการตามหาเขา คงต้องให้เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ช่วยเหลือ”
“พลังของมหาจักรพรรดิ?”
หยางเจี่ยนใจสั่น
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง
ฟางหานสามารถใช้พลังของมหาจักรพรรดิได้ ก่อนที่ดินแดนแห่งมรดกของเซียนแท้จะปรากฏ เคยมีมหาจักรพรรดิลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น สังหารคนของภูผาเมฆาล่อง ตำหนักเซียนผันยุค และสำนักที่เป็นศัตรูกับตระกูลฟาง
เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกัน
พวกเขาเคยคาดเดาว่าตระกูลฟาง อาจจะมีลูกหลานอยู่ในโลกอินทนิลเร้นลับ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่
คนที่ลงมือมีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นฟางหาน!
เพราะว่าเป้าหมายของมหาจักรพรรดิผู้นั้นชัดเจนยิ่งนัก มิได้ทำร้ายคนอื่น สังหารเพียงคนที่เป็นศัตรูกับตระกูลฟาง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ หากต้องการเป็นศัตรูกับฟางหานในตอนนี้ ต้องสังหารเขาให้ตายในครั้งเดียว หากทำไม่ได้ ตำหนักหยกสุญตา คงต้องผูกมิตรกับเขา!”
ชายวัยกลางคนกล่าว
ตำหนักหยกสุญตากับตระกูลฟาง ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆ แม้พวกเขาจะรับมรดกของบรรพบุรุษตระกูลฟางมา แต่ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่
เพราะว่าคนมากมายต่างก็ต้องการแย่งชิงมรดกของเซียนแท้
ตำหนักหยกสุญตาไม่รับ
คนอื่นก็ต้องรับ
ตอนนี้ ตำหนักหยกสุญตา ย่อมไม่เกรงกลัวฟางหานที่ยังไม่เติบโต เพราะตำหนักหยกสุญตามีเซียนแท้ปกป้อง
ในสายตาของพวกเขา
ฟางหาน แม้จะเก่งกาจเพียงใดก็สามารถเป็นเซียนแท้ได้
แต่ว่าหยางเจี่ยน ศิษย์รุ่นที่สามของตำหนักหยกสุญตา ก็มีโอกาสบรรลุระดับเซียนแท้เช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ตำหนักหยกสุญตากังวล มิใช่การเป็นศัตรูกับฟางหาน แม้ว่าฟางหานและหยางเจี่ยนจะบรรลุระดับเซียนแท้
แต่การมีศัตรูในระดับเดียวกัน ก็มิใช่เรื่องดี
“ตอนนี้ ดินแดนแห่งมรดกของเซียนแท้ เพิ่งจะปิดตัวลง ฟางหานคงยังหลอมรวมสิ่งของที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ไม่สำเร็จ หากเขาหลอมรวมสำเร็จ พลังของเขา ย่อมต้องเพิ่มพูนขึ้นอีกขั้น”
หยางเจี่ยนสองมือไพล่หลังมองไปยังที่ไกล ดวงตาล้ำลึก ราวกับดวงดาวมากมาย บนท้องฟ้า
ในโลกแห่งการบำเพ็ญ ไม่มีใครโง่เขลา
การชั่งน้ำหนักผลประโยชน์และความเสียหาย คือสิ่งที่ทุกคนต้องทำ
ภัยคุกคามจากฟางหาน กำลังเพิ่มขึ้น
ในช่วงเวลานี้ หากสามารถไม่เป็นศัตรู ก็อย่าเป็นศัตรู แม้ว่าหยางเจี่ยนจะไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน แต่เขาก็ไม่อยากมีศัตรูมากมาย
เพราะว่าเขาไม่มีความมั่นใจที่จะสังหารฟางหานได้
ฟางหานมีไพ่ตายของมหาจักรพรรดิ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถใช้ได้กี่ครั้ง หากพลาดท่า ตำหนักหยกสุญตาคงต้องเสียหายอย่างมาก
ในตอนนี้ รอจนกว่าช่องว่างมิติจะเปิดขึ้น นำมรดกของเซียนแท้กลับไปยังโลกเซียน นับว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
“บุตรศักดิ์สิทธิ์หมายความว่า...”
ชายวัยกลางคนมองหยางเจี่ยน กล่าวอย่างแผ่วเบา
“ตำหนักหยกสุญตาของพวกเรา ต้องผูกมิตรกับฟางหาน?”
“มิเช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่า”
หยางเจี่ยนเอ่ยสามคำ
เขากล่าวอีกครั้งว่า “ก่อนที่ฟางหานจะเดินทางมายังโลกอินทนิลเร้นลับ เขาไม่มีไพ่ตายเช่นนี้ หากมี เขาก็คงจะใช้ไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลฟางพังทลาย เขาจึงนำออกมาใช้ ในเรื่องนี้ ย่อมต้องมีบางอย่างผิดปกติ”
“หรือว่า...”
“หรือว่าเป็นเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ผู้นั้น ที่มอบไพ่ตายให้ฟางหาน?”
ชายวัยกลางคนดวงตาเป็นประกาย กล่าวอย่างแผ่วเบา
“ห้ามเอ่ย!”
หยางเจี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ส่ายหน้า กล่าวว่า “เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ผู้นั้น ลึกลับเกินไปสามารถตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่าง ภายในหอคอยกลไกสวรรค์ คำพูดของพวกเรา คงถูกเขารับรู้ทั้งหมดแล้ว!”
“แน่นอน”
หยางเจี่ยนเปลี่ยนน้ำเสียง กล่าวอีกครั้ง
“บางที ฟางหานอาจจะซื้อไพ่ตายจากเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ก็เป็นได้”
เรื่องนี้...ชายวัยกลางคนหน้าเสีย
ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ฟางหานมีสมบัติล้ำค่ามากมาย ตระกูลฟางพังทลาย คงต้องมอบสมบัติให้เขา นำไปสร้างฐานะใหม่
ใช้สมบัติเหล่านี้แลกเปลี่ยนกับพลังของมหาจักรพรรดิชั่วคราว ก็มิใช่เรื่องยาก
“การที่พวกเรารู้ความลับของฟางหาน ก็เพราะเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เช่นกัน”
หยางเจี่ยนถอนหายใจ
หากไม่มีรายนามนี้
บางทีเขาอาจจะลุ่มหลงในความแข็งแกร่ง ส่งคนไปไล่ล่าฟางหาน หากไม่รู้พลังที่แท้จริงของฟางหาน
คนเหล่านั้น คงกลายเป็นอาหารของฟางหาน
เพราะว่าสิ่งของที่อยู่ในมือฟางหาน ย่อมต้องเป็นสิ่งของล้ำค่า
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าฟางหานมีอะไร แต่สิ่งของที่บรรพบุรุษของตระกูลฟางทิ้งเอาไว้ ย่อมไม่ธรรมดา
ตอนนี้ มีรายนามนี้ปรากฏขึ้นมา ทำให้เขาคิดอย่างรอบคอบ รู้จักการเติบโตของฟางหาน คนเช่นนี้
หากสังหารไม่ได้จะเป็นภัยพิบัติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ตำหนักหยกสุญตาอาจจะถูกทำลายเพราะเขา
ในประวัติศาสตร์โลกเซียน เคยมีเซียนแท้ถูกสังหาร ตัวอย่างเช่น บรรพบุรุษของฟางหาน เคยสังหารเซียนแท้ระดับสูงสุดมาแล้ว
“ใช่ขอรับ”
ชายวัยกลางคนถอนหายใจเช่นกัน “หากไม่มีรายนามนี้ มีสักกี่คนที่รู้ว่าจักรพรรดิยมโลกได้บำเพ็ญเพียรจนถึงระดับมหาจักรพรรดิระยะสูงสุด”
“นางบรรลุระดับจักรพรรดิ”
“ดูเหมือนว่าจะไม่ถึงห้าหมื่นปี แต่อาจจะภายในหมื่นปี นางจะกลายเป็นเซียนแท้”
“ความเร็วเช่นนี้ นับหมื่นปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครเทียบได้”
“คนที่สามารถเทียบเคียงกับนาง ได้เพียงอวี้ชิงเซียนแห่งโลกสวรรค์ก่อกำเนิดเท่านั้น”