ตอนที่ 24: อุปกรณ์สำนักสายนอก
ตอนที่ 24: อุปกรณ์สำนักสายนอก
นี่คือตำหนักโอ่อ่าขนาดใหญ่ บนแผ่นป้ายโลหะปรากฏตัวอักษรสามตัวที่มีความหมายว่า “ตำหนักกิจการทั่วไป” เป็นรูปตะขอเงิน ดูเรียบร้อยเป็นระเบียบ
“ไง นั่นศิษย์น้องเฝิงไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงสนใจที่จะมายอดเขาขนนกโบยบินกันเล่า หรือว่าหาความสนุกที่ยอดเขาเหมันต์น้อยไม่เจอแล้ว?”
ทันทีที่เข้าสู่ตำหนักกิจการทั่วไป ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมจึงเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรู้จักของเฝิงต้าฟู่
“นึกว่าใคร เป็นศิษย์พี่ซ่งจิ่งถังนี่เอง ข้าไม่ได้มาตำหนักกิจการทั่วไปเพราะไม่มีเหตุผลเสียหน่อย วันนี้ศิษย์พี่เป็นผู้ดูแลใช่หรือไม่?” เฝิงต้าฟู่กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
ซ่งจิ่งถังพยักหน้าขณะมองหวังฝูผู้ยืนอยู่ข้างเฝิงต้าฟู่
“ศิษย์น้องคนนี้หน้าตาไม่คุ้นเลย”
“นี่คือหวังฝูผู้เพิ่งทะลวงไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่ ข้าพาเขามาที่นี่เพื่อทำตามขั้นตอนทั้งหลาย” เฝิงต้าฟู่เอ่ยคำ
“คารวะศิษย์พี่ซ่ง” หวังฝูโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“ศิษย์รับใช้หรือ?” ซ่งจิ่งถังประหลาดใจ มีศิษย์รับใช้ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนจนมาถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่ได้ พวกเขาส่วนใหญ่จะถูกส่งลงเขาหลังจากผ่านไปสิบปี ยิ่งกว่านั้นหวังฝูยังหนุ่มยังแน่นนัก
“เดี๋ยวนะ หวังฝู? ศิษย์รับใช้?”
“เจ้าบอกว่าเขาชื่ออะไรนะ?”
“หวังฝู…”
“หวังฝูคนนั้นน่ะหรือ?”
“ใช่ หวังฝูคนนั้นแหละ”
“ทั้งที่ไม่ได้มีสามหัวหกแขน แต่การฝึกฝนรากฐานวิญญาณผสมห้าธาตุให้ไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่ไม่ใช่เรื่องง่าย” ซ่งจิ่งถังมองหวังฝูตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นส่ายหน้า “มากับข้า ในเมื่อเจ้าไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่แล้ว ย่อมถือว่าเป็นศิษย์สายนอก”
หวังฝูรีบเดินตาม ส่วนเฝิงต้าฟู่ก็ไม่รีบร้อนจากไป แต่ยังเดินตามหลังด้วยความใจเป็นอย่างมาก
“ศิษย์สายนอกคือศิษย์ทางการของสำนักและปราศจากการทำงานหนักทั้งหลาย อุปกรณ์วิเศษและชุดคลุมต่างเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นี่คือถุงเก็บของสองชั้นที่ประกอบไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์โจมตีระดับต่ำหนึ่งชิ้น อุปกรณ์เวทมนตร์ป้องกันระดับต่ำหนึ่งชิ้น ชุดคลุมระดับต่ำหนึ่งชุด แผนที่สำนักโดยสังเขปหนึ่งแผ่นและค่าจ้างรายเดือนเป็นหินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อน” ซ่งจิ่งถงหยิบถุงผ้าสีเทาใบเล็กมาจากโต๊ะแล้วโยนให้หวังฝู จากนั้นหยิบแผ่นป้ายที่มีขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือออกมา “นี่คือแผ่นป้ายต้องห้าม อีกทั้งยังเป็นแผ่นป้ายแสดงตัวตนของศิษย์สายนอก”
“หากมีแผ่นป้ายนี้ก็จะสามารถค้นหาลานกว้างไร้ผู้อาศัยแห่งใดก็ได้บนยอดเขาขนนกโบยบินเพื่ออยู่อาศัย แต่เจ้ามีโอกาสเลือกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีค่ายกลขนาดเล็กอยู่บนแผ่นป้ายที่สามารถบันทึกความดีได้ มันเอาไว้แลกเป็นสมบัติทั้งหลายในสำนัก”
“ขอบคุณศิษย์พี่ซ่ง” หวังฝูรับแผ่นป้ายขณะขอบคุณทันที
ซ่งจิ่งถังพยักหน้าแล้วเอ่ยคำต่อ “เจ้าสามารถลองขัดเกลาแผ่นป้ายดูได้ มันมีแต้มความดีสำนักเริ่มต้นที่สิบแต้ม สามารถเอาไปแลกเป็นวิชากับหนังสือพื้นฐานห้าธาตุในตำหนักกิจการทั่วไปได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังฝูจึงทำตามทันที
จิตเทวะเคลื่อนไปตามแผ่นป้ายเพื่อทำการขัดเกลาในพริบตา แล้วตัวอักษร “(十 สิบ)” จึงปรากฏบนแผ่นป้ายเช่นกัน
“เจ้าอยากแลกวิชาเลยหรือไม่?” ซ่งจิ่งถังถาม
“คือว่า ข้าขอถามศิษย์พี่ซ่งหน่อยได้หรือไม่ว่าวิชาพื้นฐานห้าธาตุต้องใช้ความดีเท่าไหร่?” หวังฝูถามกลับ
ศิษย์รับใช้เพียงฝึกฝนวิชายุทธ์ได้สี่ระดับเท่านั้น ซึ่งหวังฝูไม่ใช่ข้อยกเว้น ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องแลกวิชายุทธ์เล่มต่อของ “วิชาปฐพีปึกแผ่น” ทว่าเมื่อซ่งจิ่งถังบอกราคา สีหน้าของเขาจึงซับซ้อนมากขึ้น
ซ่งจิ่งถังเอ่ยคำ “วิชาพื้นฐานห้าธาตุมีค่าเท่ากับความดีสำนักห้าแต้ม ส่วนวิชาพื้นฐานระดับกลางมีค่าเท่ากับความดีห้าแต้มเช่นกัน”
เท่ากับความดีสิบแต้ม?
แต่นี่คือสิ่งที่วางแผนไว้นานแล้วไม่ใช่หรือ?
ศิษย์คนไหนที่เพิ่งเข้าสำนักสายนอกมาแล้วไม่ต้องการชุดวิชาพื้นฐานสมบูรณ์บ้าง ไม่มีใครอยากเรียนรู้วิชาพื้นฐานระดับกลางจริงหรือ? ความดีสำนักสิบแต้มที่เพิ่งได้มาต้องถูกใช้ไปก่อนจะทันได้เริ่มต้นเสียอีก
ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ได้
ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความเกี่ยวกับวิชายุทธ์ ส่วนวิชาพื้นฐานระดับกลาง หากศิษย์คนอื่นมีแต่เราไม่มี นั่นไม่เท่ากับเป็นการถูกผู้อื่นรังแกหรอกหรือ?
“哈哈哈……”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เฝิงต้าฟู่ผู้เดินตามหลังมาเห็นสีหน้าสับสนของหวังฝูแล้วอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “ศิษย์พี่ซ่ง เวลาผ่านมาหลายปีแล้ว แต่กฎการเข้าสำนักสายนอกยังคงเหมือนเดิม ท่านพอจะมีความคิดแปลกใหม่บ้างหรือไม่?”
“เจ้านี่นะ…” ซ่งจิ่งถังเมินเฝิงต้าฟู่ขณะจ้องมองหวังฝู “ศิษย์น้องหวัง เจ้าอยากแลกหรือไม่?”
“แลก” หวังฝูแทบกัดฟันขณะเค้นคำพูดดังกล่าวออกมา
ช่างชั่วร้ายนัก ให้ความดีมาสิบแต้มแล้วเอากลับคืนไปทันที แบบนี้แทบไม่ต่างอะไรกับการต้มตุ๋นเลย
“ฉลาดมาก”
ซ่งจิ่งถังยิ้ม
“มากับข้า”
ต้องหัดปรับตัว
หวังฝูเดินตามด้วยสีหน้าขมขื่นไปจนถึงตำหนักด้านข้างของตำหนักกิจการทั่วไป
“เล่มนี้ประกอบด้วยบันทึกของวิชายุทธ์พื้นฐานห้าธาตุของสำนักขนนกร่วงโรย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชาพื้นฐานระดับกลางลงไป เจ้าสามารถเข้าไปเลือกได้ตามสบาย ใช้เวลาได้มากสุดครึ่งชั่วโมง หากเจอเล่มที่ถูกใจแล้วก็หยิบออกมาเท่าที่ต้องการก็สามารถแลกพวกมันด้วยหินวิญญาณได้ เนื่องจากเจ้าเป็นเด็กใหม่ของสำนักสายนอก หินวิญญาณระดับต่ำสิบก้อนก็นับว่าเกินพอแล้ว…”
โดยไม่รอให้ซ่งจิ่งถังพูดจบ หวังฝูรีบเดินเข้าไปในตำหนักด้านข้าง เขาไม่อยากฟังศิษย์พี่ซ่งพูดจาไร้หัวใจอีกต่อไปแล้ว
ตำหนักด้านข้างค่อนข้างกว้างขวาง ชั้นหนังสือไม้เนื้อแข็งสีน้ำเงินเข้มถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ หนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าถูกจัดวางบนชั้นหนังสือ ซึ่งชั้นหนังสือบางแห่งถึงขั้นเต็มไปด้วยแผ่นหยกที่ใช้บันทึกข้อมูลเอาไว้โดยเฉพาะ
หลังจากทำตามคำแนะนำแล้ว หวังฝูจึงพบ “วิชาปฐพีปึกแผ่น” อย่างรวดเร็ว ตัวหนังสือหนากว่าเล่มที่เฝิงต้าฟู่เคยมอบให้เขา พอเปิดออกจึงพบว่ามันมีทั้งสิ้นสิบสามระดับ ซึ่งมันเทียบเท่ากับขอบเขตกลั่นลมปราณทั้งสิบสามระดับ
สี่ระดับแรกเหมือนกับ “วิชาปฐพีปึกแผ่น” ที่เขากำลังฝึกฝนในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือไม่มีการบันทึกวิชาเพิ่มเติมในวิชานี้
“ดูท่าว่าวิชาระดับต้นลงไปจะเป็นประโยชน์กับศิษย์รับใช้เท่านั้น”
หวังฝูส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ จากนั้นเขาเก็บ “วิชาหนามปฐพี” แล้วไปพื้นที่วิชาเพื่อทำการเลือกวิชา
มีทั้งวิชาพื้นฐานระดับต่ำ วิชาพื้นฐานระดับกลาง… บางวิชามีคุณสมบัติ บางวิชาไม่มีคุณสมบัติ… วิชามีมากมายหลายหลาก แม้กระทั่งคู่มือการฝึกฝนพื้นฐานอย่างหลอมอุปกรณ์กับยาก็มีเช่นกัน หวังฝูกวาดสายตาอ่านดูก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้
“มีมากเกินไป คงต้องอาศัยโชคเท่านั้น”
หวังฝูกำลังจะเลือกวิชาธาตุดิน แต่แล้วกลับมีแสงจางกะพริบในมุมที่ไม่เด่นชัด
มันดึงดูดความสนใจของเขา
ในเวลาเดียวกัน แสงสว่างแบบเดียวกันจึงปรากฏบนฝ่ามือขวาของหวังฝู
“เกิดอะไรขึ้น?” หวังฝูรีบมองฝ่ามือของตัวเอง แล้วใบหน้าของชายชราผู้หนึ่งพลันปรากฏขึ้นในใจ แม้จะเพียงชั่วขณะ แต่หวังฝูจำได้ว่าชายชราผู้นี้เคยปรากฏตัวตอนที่เขาปีนขั้นบันไดหินพันผา ในตอนนั้นเขาตกอยู่ในภวังค์จนจำได้ไม่ชัดเจนหากไม่ได้เจอหน้าค่าตาอีกหน
“หรือว่ามันคือสิ่งที่ชายชราคนนั้นทิ้งเอาไว้…”
หวังฝูไม่มีข้อสงสัยแต่อย่างใด เขาทราบดีว่าชายชราผู้นี้จะต้องเป็นผู้อาวุโสระดับสูงเป็นแน่
เขาหยิบหนังสือเล่มบางที่มีชื่อว่า “ชุดยันต์พื้นฐาน” ขึ้นมา แล้วแสงสว่างจึงปลดปล่อยออกมาจากภายใน เมื่อเปิดหนังสือออกก็พบหน้ากระดาษสีทองซีดคั่นอยู่ข้างในอย่างไม่เข้าพวก
“หน้าหนังสือสีทอง นี่มันอะไรกัน”
“”บทที่หนึ่งของคัมภีร์ยันต์สวรรค์“… วิธีวาดยันต์ นี่คือโอกาสที่ชายชราคนนั้นมอบให้เรางั้นหรือ?”
บนหน้ากระดาษสีทองของหนังสือมีตัวอักษรขนาดเล็กเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อนิ้วของหวังฝูสัมผัสหน้ากระดาษ ตัวอักษรเหล่านั้นคล้ายกับมีชีวิตขึ้นมาในพริบตาก่อนจะกลายเป็นกระแสคำพูดที่ไหลหลั่งเข้าสู่หน้าผากของหวังฝู แล้วข้อมูลจำนวนมากจึงไหลผ่านจิตใจของหวังฝูประหนึ่งกระแสน้ำ
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ แสงสว่างจึงหายไป แล้วหน้ากระดาษจึงหายไปจากสายตา
“วิถีแห่งยันต์นั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต…”
ดวงตาของหวังฝูทอประกายประหนึ่งแสงตะวัน