OS ตอนที่ 18 เพอร์โซน่า
อีควิน็อกซ์รับภารกิจเนื่องจากไม่มีการจำกัดเวลา เขารู้ว่าเขาคงปล่อยให้ภารกิจอยู่ในแถบภารกิจของเขาเป็นเวลานาน โดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ได้ แต่อย่างน้อย ๆ มันก็มีโอกาสสำเร็จได้ในสักวันหนึ่ง
“ดีมาก ฉันดีใจที่คุณรับคำขอของฉัน แต่ดูเหมือนว่าคุณจะต้องแข็งแกร่งขึ้นก่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ฉันมอบให้” อัสคาลอร์กล่าว
==
[แจ้งเตือนภารกิจ: จงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอนที่ 1]
อัสคาลอร์ต้องการให้คุณบรรลุความแข็งแกร่งที่เหมาะสมเพื่อปลดล็อกความสามารถเฉาพะของอิมป์
เงื่อนไข: ไปถึงเลเวล 10
รางวัล: เพิ่มความสนิทของอัสคาลอร์
==
จู่ ๆ อีควิน็อกซ์ก็ได้รับภารกิจจากอัสคาลอร์ เขาประหลาดใจเพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปยังโลกภายนอกได้อย่างไร จากการสังเกตของอีควิน็อกซ์ ที่ราบพาราดิกซ์เป็นเพียงแค่เมืองขนาดใหญ่ และไม่มีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเลย ยกเว้นสัตว์ประหลาดที่เรียกโดยนักอัญเชิญกับพวกสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
ต่อมาอัสคาลอร์บอกเขาว่าเขาสามารถออกจากที่นี่ได้อย่างไร ราวกับว่าอ่านใจอีควิน็อกซ์ได้
“มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของที่นี่ คุณจะเห็นสถานที่ที่มีหินรูปร่างเป็นวงกลม ถ้าคุณหลงทาง คุณสามารถถามทหารยามในบริเวณใกล้เคียงได้
ที่นั่นจะมีรอยแยกมิติที่จะนำคุณไปสู่ดันเจี้ยน และพื้นที่อื่นที่มีความยากแตกต่างกัน คุณสามารถบอกดันเจี้ยนที่ต้องการไปกับผู้ดูแลประตูได้ ไม่ใช่แค่ดันเจี้ยนเท่านั้น แต่รอยแยกมิติบางส่วนเหล่านี้ยังนำไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของทวีปได้อีกด้วย”
อัสคาลอร์กล่าว
“ก่อนที่ฉันจะไป ผมมีบางอย่างที่อยากถามคุณครับ” อีควิน็อกซ์กล่าว
“ไม่มีปัญหา เชิญถามมาได้เลย” อัสคาลอร์ตอบ
“การแบ่งประเภทเขียนไว้ข้าง ๆ สายพันธุ์ของเราคืออะไรเหรอครับ? ของผมเป็นคำว่าปีศาจระดับล่างน่ะครับ” อีควิน็อกซ์ถาม
“อ๋อ นั่นน่ะเหรอ ในโลกของเรา เรียกสิ่งนั้นว่า เพอร์โซน่า” อัสคาลอร์ตอบอย่างมีความสุข
อัสคาลอร์พูดต่อ
“เพอร์โซน่า ภาษาชาวบ้านเรียกว่าสถานะ ซึ่งสถานะนั้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณสามารถมีอิทธิพลต่อโลก และสิ่งมีชีวิตรอบข้างได้มากเพียงใด มันคล้าย ๆ กับออร่าน่ะ
ในอาณาจักรหรือกลุ่มอื่น ๆ ออร่าอาจกำหนดลำดับชั้นของคุณได้เช่นกัน ยิ่งเพอร์โซน่าของคุณแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร อำนาจของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้น มันก็แค่ตัวบ่งบอกสถานะ และเพิ่มพลังขึ้นเล็กน้อยงั้นเหรอครับ?” อีควิน็อกซ์ถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่แค่เล็กน้อย แต่มากมายต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นปีศาจระดับล่างและใช้คาถา พลังจะอยู่ที่ระดับหนึ่ง หากเป็นปีศาจระดับกลาง เวลาร่ายคาถา มันจะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และหากเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงอย่างฉัน เวลาร่ายคาถา มันจะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า”
อัสคาลอร์กล่าวเสริม
อีควิน็อกซ์ตกใจมากเพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในเว็ปบอร์ดหรือข้อมูลเชิงลึกใด ๆ ที่เขาได้ยินมาก่อนเลย เขาถามว่าเรื่องนี้ใช้ได้แค่ห้าเผ่าพันธุ์หรือไม่? ปรากฏว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งนี้มันใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาลนี้
จากนั้น เขาถามต่อว่าระดับเพอร์โซน่าของตัวละคร ‘เผ่ามนุษย์’ มีอะไรบ้าง และอัสคาลอร์ตอบว่ามี มนุษย์-ฮีโร่, นักปราชญ์-ผู้กอบกู้ และจอมเวทย์สูงสุด-ครึ่งเทพ ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับสายอาชีพที่พวกเขาเลือก อย่างเช่นสายนักรบกับสายเวทมนตร์ชื่อของระดับเพอร์โซน่าจะไม่เหมือนกัน
สำหรับเผ่าเดมอสจะเป็น ปีศาจระดับล่าง, ปีศาจระดับกลาง, ปีศาจระดับสูง และขุนนาง ดูเหมือนว่าเงื่อนไขสำหรับเผ่าอื่นจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นหลักการเดียวกันเกือบทั้งหมด
อัสคาลอร์ยังบอกเขาด้วยว่าสำหรับเผ่าทั้งห้า การเพิ่มเพอร์โซน่านั้นเหมือนหรือคล้ายกับการวิวัฒนาการ เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของพวกเขาเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงจะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเพอร์โซน่าอยู่ในระดับที่สูงขึ้น
เมื่ออัสคาลอร์พูดอย่างนั้น อีควิน็อกซ์ก็มองเขาด้วยความสงสัย อัสคาลอร์เพียงแค่ยิ้ม และบอกให้เขาออกเดินทางได้แล้ว เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะสอนเขาหลังจากทำภารกิจนี้สำเร็จ
...
อีควิน็อกซ์มาถึงบริเวณหินรูปร่างแปลกตาและรู้สึกทึ่งมาก เขาเห็นรอยแยกมิติในอวกาศหรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือรอยแยกมิติทั้งหมดนี้ลอยละล่องอยู่ในอากาศ
เขาเข้าไปถามผู้ดูแลประตูว่าในบรรดารอยแยกมิติทั้งหมด มีดันเจี้ยนไหนเหมาะสำหรับเลเวลของเขาบ้าง? จากนั้นผู้ดูแลประตูก็ชี้ไปที่รอยแยกมิติตรงมุมหนึ่ง อีควิน็อกซ์มองตามมือของผู้ดูแลประตูไป และใช้ทักษะตรวจสอบเพื่อทราบรายละเอียดของดันเจี้ยน
==
ดันเจี้ยน: ทุ่งหญ้าเงียบงัน
เลเวลที่ต้องการ: 5~10
==
อีควิน็อกซ์ยิ้มแล้วเอามือไปใกล้รูรอยแยกมิติ จากนั้นก็เขากับซิริอุสก็ถูกดูดเข้าไปในรอยแยกมิตินั้น
เมื่ออีควิน็อกซ์กลับมามองเห็นอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่าเขาอยู่นอกดันเจี้ยน เขาเห็นป้ายไม้ที่มีข้อความว่า 'ทุ่งหญ้าเงียบงัน' เขารู้จักดันเจี้ยนแห่งนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากมันเป็นหนึ่งในดันเจี้ยนระดับต่ำที่ไม่ค่อยเป้นที่นิยมมากนัก เพราะข้างในมีแต่มอนสเตอร์แมลงขนาดยักษ์ ซึ่งดูเหมือนว่าสาเหตุที่ผู้เล่นจำนวนมากไม่ชอบดันเจี้ยนแห่งนี้ เพราะพวกเขากลัวพวกแมลง
อีควิน็อกซ์มองไปข้างหลังเขาเพื่อตรวจสอบว่ารอยแยกมิตินั้นยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?
‘หื้ม? ดูเหมือนว่ามันจะมีอยู่ แต่ฉันจำได้ว่าไม่มีใครในเว็ปบอร์ดพูดถึงรอยแยกพวกนี้เลย’ อีควิน็อกซ์คิด
อัสคาลอร์บอกเขาว่ามีเพียงเผ่าเดมอสเท่านั้นที่สามารถมองเห็นรอยแยกมิติเหล่านี้ได้ และดูเหมือนว่าเขาจะพูดถูก
จากนั้น อีควิน็อกซ์กับซิริอุสเข้าไปในดันเจี้ยน โดยที่พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนสามคน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย กำลังจ้องมองเขาอยู่
จากจุดที่พวกเขายืนอยู่ พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างเต็ม ๆ ตาว่าอีควิน็อกซ์ได้ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย นั่นทำให้พวกเขาต่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก...