ตอนที่ 1 : ผีกลับบ้าน
“ฉันเป็นใคร…?”
.
บูมม!
.
ฟ้าร้องแสงสีขาวซีดวิ่งผ่านก้อนเมฆที่เหมือนหมึก
ฝนตกกระหน่ำ พายุฝนฟ้าคะนองอันเกรี้ยวกราดก็เทลงมาบนพื้นโคลน ในเงาสะท้อนระลอกคลื่นของแอ่งน้ำ ร่างสีแดงชาดแตกสลาย
เป็นชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมงิ้วสีแดงสด เขาสะดุดบนพื้นโคลนราวกับคนเมา แขนเสื้อกว้างของเขาปลิวไปตามลมแรง สีแดงสดไม่ต่างกับเลือด มันสะท้อนออกมาในคืนอันมืดมิด
“ตั้งสติ... ตั้งสติ!”
“เงียบ!”
“ฉันต้องจำได้เร็วๆ นี้…ต้องจำมันให้ได้เร็วที่สุด…”
“ฉันมีชื่อ...นั่นเป็นชื่อของฉัน ชื่อของฉัน!”
ผมสีดำเปียกของชายหนุ่มห้อยลงมาที่คิ้ว ดวงตาที่เฉื่อยชาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก ในขณะที่มือกุมศีรษะไว้ราวกับว่าเขาพยายามดิ้นรนที่นึกถึงบางสิ่ง
เสียงคำรามของเขาดังก้องไปตามถนนร้าง และก่อนที่มันจะขยายออกไปไกลเกินไป มันก็จมหายไปในสายฝนที่ไม่มีที่สิ้นสุด
.
ตึ่ง-
.
ในความมืด เขาสะดุดก้อนหินล้มลงบนพื้นอย่างแรง!
เลือดสีแดงไหลลงมาจากหน้าผากของชายหนุ่ม เขาล้มลงบนพื้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะจำอะไรบางอย่างได้ แสงสว่างขึ้นภายในดวงตาขุ่นมัวของเขา
"เฉินหลิง…"
จู่ๆ ชื่อหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจของเขา
ขณะที่เขาพูดสองคำนี้ ความทรงจำส่วนหนึ่งก็ไหลเข้ามา เขาพึมพำกับตนเองเงียบๆ หัวเขามันปวดแทบจะระเบิดหัว ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป
“นี่คือ… การเดินทางข้ามเวลา?”
เฉินหลิงขมวดคิ้ว เขาพยายามย่อยความทรงจำของร่างกายนี้ เขารู้สึกราวกับว่าสมองตนเองกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ชื่อของเขาคือเฉินหลิง เขาอายุ 28 ปี และเขาเป็นผู้กำกับการแสดงในโรงละครแห่งหนึ่งในปักกิ่ง
การแสดงละครวันนั้น เขาอยู่คนเดียวบนเวทีเพื่อออกแบบและจัดการการเคลื่อนไหวของนักแสดง จู่ๆ เขารู้สึกว่าเจ็บศีรษะ จากนั้นก็หมดสติไป
ทีนี้ลองคิดดูให้ดี เขาอาจจะถูกไฟสปอตไลท์ตกลงมาทับตาย...
ในเวลานี้ เฉินหลิงกำลังย่อยความทรงจำทีละน้อย สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเจ้าของร่างนี้ก็ชื่อเฉินหลิงเช่นกัน
แต่ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโลกมันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ความทรงจำที่แตกต่างมันกำลังทะเลาะกัน เฉินหลิงรู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังจะระเบิด
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามลุกจากพื้น เสื้อคลุมงิ้วที่เขาสวมอยู่เป็นสีดำแดง
เขารู้สึกอายมาก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ร่างกายนี้รู้สึกหนักมาก ราวกับว่า เขาอ่อนเพลียจากการนอนดึกสี่หรือห้าวันเพื่อเขียนบทละคร...
"กลับบ้านก่อนเถอะ..."
การมีร่างกายที่อ่อนเพลีย และความคิดกระจัดกระจาย ทำให้เขารู้สึกเหนื่อย
เขาแทบจะคิดอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงอาศัยสัญชาตญาณของร่างกาย เพื่อเดินกลับ 'บ้าน'
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง แต่เจ้าของร่างนี้มีความทรงจำกับสถานที่นั้นอยู่ เขาใช้เส้นทางสายนี้ทุกวัน
หลังกลับจากดูแลน้องชายที่คลินิก โดยปกติเขาจะใช้เวลาเพียงสองสามนาทีก็เดินถึงบ้านแล้ว
แต่สำหรับเขาในเวลานี้ การเดินทางครั้งนี้ช่างยาวนานกว่าที่เคย
หยาดน้ำฝนไหลผ่านร่างกายเฉินหลิง ด้วยความหนาวเย็นทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
หลังจากเดินท่ามกลางสายฝนเป็นเวลาสิบนาที มันทั้งหนาวและเหนื่อยล้า ในที่สุดเขาก็มาถึงประตูบ้านในความทรงจำเสียที
เฉินหลิงคลำหาของในกระเป๋าอยู่พักหนึ่ง และพบว่าเขาไม่มีกุญแจ
ดังนั้นเขาจึงหยิบกุญแจสำรองมาจากด้านล่างกล่องหนังสือพิมพ์ข้างประตู แล้วเปิดประตู
.
เสียงเอี๊ยด -
.
แสงไฟอันอบอุ่นส่องเข้ามาจากภายในบ้าน แสงไฟสว่างมุมหนึ่งของบ้าน ในคืนฝนตกอันมืดมิด ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวซีดของเฉินหลิงเด่นชัดขึ้นไปอีก
ทันทีที่เขาเห็นแสงนี้ เส้นประสาทที่ตึงเครียดพลันผ่อนคลายลงตามธรรมชาติ
ความหนาวเย็นและความเหนื่อยล้าในร่างกายก็ดูเหมือนจะหายไปบ้างเล็กน้อย
เขาก้าวเข้าไปในห้องเห็นคนสองคนนั่งอยู่ข้างของโต๊ะอาหาร ดวงตาแดงก่ำอย่างกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ทั้งสองตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันศีรษะมามองพร้อมๆ กัน
“พ่อ...แม่...ผมกลับมาแล้ว”
เฉินหลิงเอาศีรษะพิงผนังด้วยความง่วง เตรียมที่จะเปลี่ยนรองเท้าตรงประตู แต่กลับพบว่าเขาเดินเท้าเปล่าตั้งแต่แรก ฝ่าเท้าและระหว่างนิ้วของเขาแทบจะเต็มไปด้วยโคลนตม รอยเท้าสีดำขนาดใหญ่สองรอยยังทิ้งร่องรอยไว้ที่พื้น
ในขณะที่เห็นเฉินหลิงในชุดแดงผลักประตูเข้ามา คนทั้งสองซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ม่านตาพลันหดลงอย่างรุนแรง!
“เธอ...เธอ...”
ลูกแอปเปิลของอดัมกลิ้งไปมา อีกฝ่ายอ้าปากกว้างด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“แม่...ที่บ้านมีน้ำมั้ยครับ ผมหิวน้ำมาก”
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เฉินหลิงก็ผ่อนคลายลง สติสัมปชัญญะของเขาเกือบจะวูบแล้ว เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่เขาเดินโซเซเข้าไปในครัว จากนั้นยกถังบนตู้กดน้ำดื่มขึ้นมา
.
อึกๆ อึกๆ อึกๆ...
.
ภายในห้องครัว ร่างที่สวมชุดสีแดงดูเหมือนสัตว์ป่ากำลังดื่มน้ำอย่างตะกละตะกลาม
น้ำที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขาไกลลงไปที่พื้นและก่อตัวเป็นแอ่งน้ำ สะท้อนใบหน้าที่หวาดกลัวและซีดขาวของสองสามีภรรยาภายในห้องนั่งเล่น
“อา... อาหลิง?” ฝ่ายหญิงรวบรวมความกล้าและพูดอย่างสั่นเทา “...ลูกกลับมาได้ยังไง”
เฉินหลิงเอาแต่ยกถังขึ้นกระดกน้ำอย่างบ้าคลั่ง จึงไม่ได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเลย
เขารู้สึกว่าการดื่มแบบนี้มันช้าเกินไป ดังนั้นจึงเอาหัวถังน้ำซึ่งหนาเท่ากำปั้นยัดเข้าปาก จากนั้นกัดแตกเป็นชิ้น ๆ ในคำเดียว!
พลาสติกสังเคราะห์ถูกเคี้ยวอย่างแรง และน้ำที่ไหลทะลักเข้าปากของเขา เทลงมาอย่างรวดเร็ว!
"ผมกลับมาแล้ว“ มีเสียงมาจากด้านหลังเฉินหลิง”
ใช่...จากข้างหลัง
ในขณะนั้น เฉินหลิงยังคงกระดกน้ำอยู่ แต่เสียงของเขาดังก้องไปถึงหูสองสามีภรรยาอย่างชัดเจน
ราวกับว่าด้านข้างมีเฉินหลิงอีกคนที่สวมชุดสีแดง กำลังผายมือออก ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
“ฝนตกหนักนิดหน่อย เหมือนผมจะหลงทาง”
“ล้มไปสองสามครั้ง รองเท้าก็เลยขาด...”
“แม่ครับ ผมทำให้พื้นสกปรก ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร... รอผมตื่นมาทำความสะอาดพรุ่งนี้…ตอนนี้ผมง่วงแล้ว”
เมื่อมองภาพที่น่าสยดสยองตรงหน้า ชายหญิงในห้องนั่งเล่นก็รู้สึกหนาวสั่น
ตะเกียงน้ำมันก๊าดในแก้วสั่นไหว ราวกับว่ามือที่มองไม่เห็นกำลังเล่นกับไส้ตะเกียงอย่างสนุกสนาน
ใบหน้าพวกเขาซีด แต่พวกเขาเอายืนอยู่ที่นั่นตัวแข็งทื่อโดยไม่กล้าขยับตัว
ในที่สุดน้ำในถังก็หมด
เฉินหลิงเช็ดปากของเขาและวางถังลง จากนั้นก็หันหลังกลับ แล้วเดินขึ้นบันไดทีละขั้น พร้อมทิ้งรอยเท้าสีดำไว้เบื้องหลัง เดินโซเซไปที่ประตูห้องนอนของตนเอง...
“พ่อครับ แม่ครับ...รีบนอนนะครับ ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดอย่างคลุมเครือแล้วปิดประตูห้อง ต่อมาก็มีเสียงเอี๊ยดจากเตียงดังขึ้น เพราะมีของหนักหล่นลงบนเตียง
.
ห้องนั่งเล่นตกอยู่ในความเงียบงัน
.
หลังจากนั้นในเวลาไม่นาน คนทั้งสองซึ่งกลายร่างเหมือนประติมากรรม ก็หันหน้ามามองกันและกันอย่างแข็งทื่อ...
ไส้ตะเกียงที่สั่นไหวกลับมามั่นคงอีกครั้งตะเกียงน้ำมันก๊าดกลับมาส่องสว่างให้กับห้องนั่งเล่นที่สลัวอีกครั้ง
พวกเขายังคงนั่งตัวสั่นบนเก้าอี้ โดยไม่มีเลือดบนใบหน้า
“เขา...กลับมาแล้ว” ฝ่ายสามีพูดเสียงแหบแห้ง “เป็นไปได้ยังไง…”
“ถ้าเขาคืออาหลิงจริงๆ…” ภรรยาพูด
“แล้วใครล่ะ…ที่เราฆ่าเมื่อคืนนี้?”
.
.
.