บทที่ 62 : คัมภีร์เตาหลอมโลหิตพบหนทางในการเลื่อนระดับ!
บทที่ 62 : คัมภีร์เตาหลอมโลหิตพบหนทางในการเลื่อนระดับ!
เมื่อรั่วหยุนเห็นเม็ดโอสถทั้งสี่เม็ดที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ในมือของสุ่ยหนิง
เขาก็เบิกตากว้าง, เเละร้องออกมาด้วยความตกตะลึงทันที!
โอสถเม็ดแล้วเม็ดเล่าต่างก็เปล่งประกายระยิบระยับ, เเละมีกลิ่นหอมของสมุนไพรฟุ้งกระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญที่สุดคือบนเม็ดโอสถแต่ละเม็ดล้วนมีลวดลายที่ดูคล้ายกับหมอกปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์!
“ลวดลายโอสถ!”
“เป็นลวดลายโอสถจริงๆด้วย!”
รั่วหยุนรีบคว้าเม็ดโอสถจากมือของสุ่ยหนิง เเละจ้องมองลวดลายโอสถบนเม็ดโอสถด้วยความตื่นเต้นจนแทบบ้าคลั่ง!
“ลวดลายโอสถ…มันคืออะไร?”
องครักษ์สิบสามอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
องครักษ์สิบสามและรั่วหยุนเคยปะทะกันมาหลายครั้งแล้ว…เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะใจร้อน แต่จริงๆแล้วเป็นคนรอบคอบ เเละไม่เคยแสดงท่าทีเสียอาการแบบนี้มาก่อน
“ลวดลายโอสถหนึ่งเส้น แสดงว่าสรรพคุณของโอสถจะเพิ่มขึ้นจากโอสถปกติหนึ่งส่วน!”
สุ่ยหนิงมองหลินเสวียนด้วยสีหน้าสับสน
เรื่องลวดลายโอสถ, เธอเคยได้ยินผู้อาวุโสจื่อหลิงพูดถึงแค่ครั้งเดียว
เมื่อความสามารถในการปรุงโอสถของนักปรุงโอสถพัฒนาไปถึงระดับหนึ่งแล้ว…โอสถก็จะปรากฏลวดลายโอสถขึ้น
ลวดลายโอสถหนึ่งเส้น ก็คือสรรพคุณของโอสถที่เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน!
มันมีประโยชน์อย่างมากต่อการทะลวงระดับพลังลมปราณ
ก่อนหน้านี้ สุ่ยหนิงแค่เคยได้ยินมาเท่านั้น…ไม่เคยได้เห็นยาลวดลายโอสถกับตาตัวเองมาก่อน
เเละที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือหลินเสวียนไม่เพียงแต่ปรุงโอสถลวดลายโอสถได้เท่านั้น…เเต่เขายังปรุงโอสถก่อกำเนิดได้ถึงสี่เม็ดในคราวเดียวอีกด้วย!
นี่มันเกินขีดจำกัดของสามัญสำนึกไปแล้ว!
“ฮู้ว!”
ในตอนนี้เอง…รั่วหยุนที่กำลังคลั่งก, ก็พุ่งเข้าหาหลินเสวียน พร้อมกับพูดว่า
“บอกข้ามา บอกข้ามาเร็ว เจ้าทำได้ยังไง?”
พูดจบ, รั่วหยุนก็ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าคอเสื้อของหลินเสวียน!
เมื่อเห็นดังนั้น, องครักษ์สิบสามก็รีบก้าวเท้าไปข้างหน้า เเละใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ข้อมือของรั่วหยุน
“ปัง!”
พลังอันแข็งแกร่ง ทำให้รั่วหยุนเซถอยหลังไปหลายก้าว!
“รั่วหยุน ผลแพ้ชนะก็เห็นชัดอยู่แล้ว…เจ้าอย่าทำอะไรเกินเลยจะดีกว่า!”
องครักษ์สิบสามจ้องมองรั่วหยุน พลางปกป้องหลินเสวียนเอาไว้ด้านหลัง
“ข้า…”
ความเจ็บปวดที่ข้อมือ รวมถึงคำพูดที่เต็มไปด้วยความอาฆาตขององครักษ์สิบสาม…ทำให้รั่วหยุนที่กำลังคลุ้มคลั่งสงบสติอารมณ์ลงได้
“ขออภัย!”
“ข้าเสียมารยาทไปหน่อย”
รั่วหยุนรีบเอ่ยปาก…แต่เขาก็มองหลินเสวียนด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ท่านผู้อาวุโสรั่วหยุน, คุณหนูสุ่ยหนิง”
“ข้าคิดว่าผลแพ้ชนะ คงไม่ต้องพูดแล้วกระมังครับ?” หลินเสวียนเอ่ยอย่างแผ่วเบา
พลางยื่นโอสถก่อกำเนิดในมือให้กับสุ่ยหนิง
“อืม…พวกข้าแพ้แล้ว!”
สุ่ยหนิงรับยาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
บนใบหน้าอันงดงามของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
“ในเมื่อยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว…ทำไมยังไม่รีบคืนโอสถให้กับหลินเสวียนอีก?”
องครักษ์สิบสามจ้องมองรั่วหยุนอย่างเย็นชา
“อืม!”
รั่วหยุนมองโอสถอย่างอาลัย, ก่อนจะยื่นคืนให้กับหลินเสวียน
“ยังขาดอีกหนึ่งเม็ด!”
“พวกเจ้าแพ้…ต้องจ่ายเพิ่มหนึ่งเม็ด!”
องครักษ์สิบสามกล่าวเสริม
“รู้เเล้วน่า!”
คราวนี้รั่วหยุนกลับปฏิบัติตามแต่โดยดี
เขาหยิบโอสถก่อกำเนิดออกมาหนึ่งเม็ดเเล้วยื่นให้หลินเสวียน!
“ขอบคุณมากขอรับ, ท่านผู้อาวุโส!”
หลินเสวียนไม่เกรงใจ…เเละเก็บโอสถก่อกำเนิดทั้งห้าเม็ดกลับไป
“ตามข้อตกลง…พวกเจ้ารีบไสหัวไปได้แล้ว!”
องครักษ์สิบสามพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แต่จริงๆแล้วในใจของเขากำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
งานนี้สะใจ!
สะใจมากจริงๆ!
องครักษ์สิบสามกับรั่วหยุนไม่ใช่เพิ่งจะมาต่อสู้แย่งชิงกันเป็นครั้งแรก
พวกเขาเผชิญหน้ากันมาหลายครั้ง…มีทั้งแพ้ทั้งชนะ
แต่ไม่เคยมีครั้งไหน, ที่เขาจะสะใจเท่าครั้งนี้มาก่อน!
ถ้าหากเล่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้ให้กับเหล่าผู้อาวุโสสายในที่เคยเสียรู้ให้กับรั่วหยุน…พวกเขาคงจะดีใจจนนอนไม่หลับแน่ๆ
“อสูรโลหิตทองคำเป็นของพวกเจ้า, พวกข้าไม่มีข้อโต้แย้ง…แต่ว่า”
บนใบหน้าของรั่วหยุนเผยความลังเลออกมา
“แต่อะไร?”
บนใบหน้าขององครักษ์สิบสาม, เผยถึงความรำคาญอย่างยิ่ง!
“คุณชายหลิน ไม่ทราบว่า ท่านพอจะขายยาที่ท่านปรุงให้ข้าสักเม็ดได้หรือไม่?”
รั่วหยุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันพูดออกมา
“โอ้โห!”
“สำนักเสินโหยวที่อวดอ้างว่าเป็นอันดับหนึ่งด้านการปรุงโอสถแห่งมณฑลกว่างหลิงถึงกับต้องมาขอซื้อยาจากศิษย์สายนอกของสำนักเทียนเซียวเชียวหรือ?”
องครักษ์สิบสามเยาะเย้ย
“เจ้า….เจ้ามัน…” รั่วหยุนโกรธจนหน้าเขียว!
จริงๆแล้ว, ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากเขาก็รู้ดีว่าจะต้องโดนองครักษ์สิบสามเยาะเย้ยแน่ๆ
แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะเอ่ย!
ลวดลายโอสถ!
เรื่องนี้มีความหมายอย่างมากต่อนักปรุงโอสถ
มันเรียกได้ว่าเป็นสิ่งล่อตาล่อใจที่ยากจะต้านทาน
ถึงแม้รั่วหยุนจะรู้ดีว่าไม่มีใครสามารถล่วงรู้เคล็ดวิชาปรุงโอสถของคนอื่นได้จากการดูเม็ดโอสถ…แต่เขาก็ยังอยากจะลอง
“หลินเสวียน!”
“ถือว่าข้ารั่วหยุน…เป็นหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง!”
“ส่วนราคาเท่าไหร่ เจ้าก็ตั้งมาได้เลย!” รั่วหยุนพูดอย่างจริงใจ
“นี่มัน…”
หัวใจของหลินเสวียนสั่นไหว
โอสถก่อกำเนิดลวดลายโอสถหนึ่งเส้นสำหรับหลินเสวียนแล้ว, มันไม่ได้มีค่าอะไรมากมายเลย
ยิ่งถ้าได้เลือดของอสูรโลหิตทองคำมา, หลินเสวียนอาจจะปรุงโอสถที่มีลวดลายโอสถสิบเส้นได้ก็ได้!
แค่ตอนนี้เขากำลังขาดแคลนวัตถุดิบ!
ก่อนหน้านี้, เพราะคะแนนสะสมมีจำกัด…หลินเสวียนจึงซื้อวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถก่อกำเนิดมาแค่ชุดเดียว
และเพิ่งจะใช้ไปในการประลองเมื่อครู่
แน่นอนว่า…หลินเสวียนสามารถขอให้องครักษ์สิบสามหาวิธีก็ได้
แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้…นอกจากนี้ถ้าหากอสูรโลหิตทองคำหนีไปจากที่นี่ล่ะ, จะทำยังไง?
“ขายให้หนึ่งเม็ด ก็ไม่ใช่ไม่ได้…”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเสวียนจึงพูดออกมาอย่างลังเล
“เรื่องราคาไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้าจ่ายไหว…ข้าก็ยินดี!”
เมื่อเห็นท่าทีของหลินเสวียนดูเหมือนจะคุยง่าย รั่วหยุนจึงรีบพูดขึ้นทันที
“ราคาคือ…วัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถก่อกำเนิดสามชุด!”
หลินเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง, ก่อนจะพูดขึ้น
“บวกกับศิลาวิญญาณระดับต่ำยี่สิบห้าก้อน!”
หลินเสวียนพูดยังไม่ทันจบประโยค, องครักษ์สิบสามก็เสริมขึ้นมาทันที
“อย่าคิดว่าพวกเจ้าขาดทุน!”
“ศิลาวิญญาณระดับต่ำยี่สิบห้าก้อนก็แค่พอซื้อโอสถก่อกำเนิดธรรมดาๆ หนึ่งเม็ดเท่านั้น”
“ส่วนวัตถุดิบสามชุดนั่น, เป็นราคาของลวดลายโอสถ!”
ถึงแม้องครักษ์สิบสามจะไม่เข้าใจเรื่องการปรุงโอสถ…แต่เขาก็รู้จักการต่อรองผลประโยชน์อย่างยิ่ง
เเละเมื่อหลินเสวียนได้ยินดังนั้น, เขาก็รู้สึกตื้นตันใจ
ว่าเเต่…โอสถก่อกำเนิดมีราคาแพงขนาดนั้นเชียวเหรอ?
โอสถก่อกำเนิดธรรมดาๆหนึ่งเม็ด ขายได้ถึงยี่สิบห้าก้อนศิลาวิญญาณ?
“ตกลง!”
องครักษ์สิบสามพูดยังไม่ทันจบ รั่วหยุนก็รีบตอบตกลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ถึงแม้จะเจ็บปวด…แต่เขาก็ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย!
“นี่!”
รั่วหยุนเป็นถึงนักปรุงโอสถของสำนักเสินโหยว
ฐานะของเขาร่ำรวยอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็วัตถุดิบหรือศิลาวิญญาณล้วนมีมากมาย
“ตกลง!”
หลินเสวียนมอบโอสถก่อกำเนิดให้กับรั่วหยุนทันที
“ลาก่อน!”
หลังจากทำธุรกรรมเสร็จสิ้น, รั่วหยุนก็มองอสูรโลหิตทองคำอย่างอาลัย ก่อนจะพาสุ่ยหนิงและสุ่ยหานจากไป
……
“หลินเสวียน!”
“มันซื้อโอสถของเจ้าไป…คงไม่ได้คิดจะขโมยเคล็ดวิชาของเจ้าหรอกนะ?”
หลังจากที่รั่วหยุนจากไป…องครักษ์สิบสามก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“เเค่โอสถเม็ดเดียววิเคราะห์อะไรไม่ได้หรอกครับ” หลินเสวียนส่ายหัว
ถ้าหากเคล็ดวิชาปรุงโอสถของรั่วหยุนไม่ได้พิเศษเหมือนกับคัมภีร์เตาหลอมโลหิตของเขาที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง…เอาโอสถไปเม็ดเดียวก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก
“แล้วมันต้องการอะไร?” องครักษ์สิบสามงุนงง
“เพราะความมุ่งมั่นครับ!” หลินเสวียนพูดอย่างแผ่วเบา
ตอนนี้เขาคิดถึงผู้อาวุโสหลิว
ที่ผู้อาวุโสหลิวมอบดาบวิญญาณเยือกแข็งให้เขา…ก็เพราะความมุ่งมั่นที่อยากเห็นดาบที่ตนสร้างขึ้นมาได้เปล่งประกาย
ส่วนที่รั่วหยุนซื้อยา, ก็เป็นเพราะความมุ่งมั่นในการปรุงโอสถเช่นกัน!
องครักษ์สิบสามพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้าง…ไม่เข้าใจบ้าง
จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงดัง, ก่อนจะกล่าวว่า
“ข้าไม่เข้าใจความคิดของอัจฉริยะอย่างพวกเจ้าหรอก…ข้ารู้แค่ว่าครั้งนี้ข้าสะใจมากจริงๆ!”
“เอาล่ะหลินเสวียน!”
“เรามาฆ่าอสูรโลหิตทองคำตัวนี้กันเลยใหม?” องครักษ์สิบสามถาม
“ฆ่าเลยครับ!” หลินเสวียนรีบพยักหน้า
“ให้เวลาข้าสามลมหายใจ!”
องครักษ์สิบสามพูดจบก็ชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว (ตบมอนเวลหนึ่งจะเเอ็คทำไม (-_-))
ฟุบ!
ทันใดนั้นร่างขององครักษ์สิบสามพุ่งออกไปราวกับภูตผี
ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ องครักษ์สิบสามก็หยิบหอกยาวสีดำออกมา เเล้วพุ่งตรงไปยังถ้ำที่อสูรโลหิตทองคำอาศัยอยู่
เมื่อมาถึงระยะเขาก็สะบัดหอกออกไป!
ฟุบ!
ฉั่วววว!!!
อสูรโลหิตทองคำยังไม่ทันจะได้ตอบสนอง…ก็ถูกหอกขององครักษ์สิบสามแทงทะลุจนพลังชีวิตดับวูบ!
หลังจากนั้น องครักษ์สิบสามก็แบกซากศพของอสูรโลหิตทองคำ กระโดดกลับมายังข้างกายหลินเสวียน!
สามลมหายใจ!
ไม่ขาดไม่เกิน!
“องครักษ์สิบสาม รบกวนท่านคุ้มกันข้าด้วย!”
หลินเสวียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จากนั้น, หลินเสวียนยกมือขึ้นเเละควบคุมให้เปลวเพลิงบัวแดงแยกออกเป็นสามส่วนไปห่อหุ้มวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถก่อกำเนิดทั้งสามชุดเอาไว้
ฟุบ!
หลินเสวียนสะบัดมืออีกครั้ง
ทันใดนั้นภายในร่างของอสูรโลหิตทองคำก็มีเลือดสีทองสามสายที่ถูกหลินเสวียนดึงออกมา…ก่อนจะผสานเข้ากับวัตถุดิบทั้งสามชุด
[คัมภีร์เตาหลอมโลหิตสมปรารถนาแล้ว…ในที่สุดก็ได้ใช้เลือดของอสูรโลหิตทองคำมาปรุงโอสถ!]
[คัมภีร์เตาหลอมโลหิตกำลังตื่นเต้น จนเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้!]
[คัมภีร์เตาหลอมโลหิตกำลังวิวัฒนาการ!]
[คัมภีร์เตาหลอมโลหิต ก้าวสู่ขั้นตอนสำคัญในการเลื่อนระดับ!]
หลินเสวียนเพิ่งจะเริ่มใช้วิชาหลอมสมุนไพรด้วยโลหิต…คัมภีร์เตาหลอมโลหิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเเล้ว
“คัมภีร์เตาหลอมโลหิตก็พบหนทางในการเลื่อนระดับงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นดังนี้, บนใบหน้าของหลินเสวียนก็เผยความยินดีออกมา!
…………………