ตอนที่แล้วบทที่ 271 อย่าได้ลำพองใจนัก ระวังจะโดนอัดเอาได้!  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 273 หากไม่มา ก็ไม่มีปัญหา หากมา ก็ติดกับดัก!

บทที่ 272 อ๋องเจียงหนานคิดแย่งชิงเสบียง!


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 272 อ๋องเจียงหนานคิดแย่งชิงเสบียง!

พวกเขาไม่สบายใจ จึงจำต้องออกไปสืบข่าว

ผลที่ได้คือข่าวที่น่าตกใจ ปรมาจารย์ของพวกเขา หรือก็คือท่านผู้อาวุโสหมู่ ได้บุกเข้าไปในคุกจริง แต่ไม่ได้ไปช่วยองค์ชายรัชทายาท แต่กลับไปช่วยคนที่ปลอมตัวเป็นองค์ชายรัชทายาทคือ เย่เซียง

เย่เซียงปลอมตัวได้แนบเนียน ไม่มีใครจับพิรุธได้ตลอดทาง แถมยังซ่อนตัวเก่ง สามารถสังหารท่านผู้อาวุโสหมู่ระหว่างการช่วยเหลือได้

ในศึกที่ด่านหูเหลา เขายังสังหารปรมาจารย์อีกคนของอาณาจักรเซี่ย

ปรมาจารย์อาณาจักรเซี่ยสองคนตายด้วยน้ำมือของเขา น่ากลัวและน่าแค้นใจ

ดังนั้น ความพยายามที่จะช่วยเหลือองค์ชายรัชทายาทจึงล้มเหลวโดยธรรมชาติ

เมื่อทราบข่าวนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง ตัวชาไปทั้งตัว

“ท่าน บัดนี้พวกเราจะทำเช่นไรดี”

“เราไม่ได้ช่วยองค์ชายรัชทายาท แถมคนของอาณาจักรเซี่ยก็ตายในการปฏิบัติการครั้งนี้ เราจะอธิบายต่อฝ่าบาทอย่างไรเมื่อกลับไป”

“ฝ่าบาทต้องพิโรธแน่ พวกเราซวยแล้ว!”

“ท่านหวาง รีบคิดหาวิธีแก้ไข!” … ขุนนางอาณาจักรเซี่ยต่างตื่นตระหนก

ท่านหวางถอนหายใจและมีสีหน้าขมขื่น “จะทำอย่างไรได้อีก นอกจากกลับไปรับผิดต่อฝ่าบาท! ถ้าไม่ได้ช่วยองค์ชายรัชทายาท แถมท่านผู้อาวุโสหมู่ก็สิ้นชีพ เราขาดทุนย่อยยับ! หวังว่าฝ่าบาทจะทรงเมตตา ไม่ระบายโทสะใส่พวกเรา!”

คนอื่น ๆ พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

พวกเขาตบหน้าอก รู้สึกหนาวไปถึงกระดูก

ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ก็พุ่งเข้ามา มองกลุ่มคนอย่างเย็นชา พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะหาคนถูกแล้ว พวกเจ้าคงเป็นขุนนางอาณาจักรเซี่ยที่มาเจรจาคราวนี้ใช่หรือไม่”

สถานการณ์ตึงเครียด เมื่อเห็นคนที่มีลมปราณทรงพลังเข้ามา คณะทูตอาณาจักรเซี่ยต่างตกใจ

ขุนนางคนหนึ่งพูดติดอ่าง “ท่าน ท่าน… ท่านเป็นใคร ทำไม… ทำไมท่านถึงมาหาพวกเรา”

"ข้า กระทิงยักษ์ มือปราบแห่งสำนักพิทักษ์ธรรม!" กระทิงยักษ์ยืดอกผายไหล่ มือหนึ่งคาดเอว อีกมือหนึ่งกำดาบแน่น แววตาเฉียบคม "ข้ามาตามบัญชาของท่านเจ้านครเต๋อเทียน และท่านผู้อำนวยการหลินเป่ยฟานแห่งสำนักศึกษาหลวง! นำพระราชโองการมาแจ้งแก่พวกท่าน!"

คณะทูตแห่งอาณาจักรเซี่ยต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง ท่านหวางเป็นผู้เอ่ยถาม "มีอันใดให้พวกเราทราบหรือ?"

"ท่านหลินฝากข้ามาบอกว่า" กระทิงยักษ์เปล่งเสียงดังก้อง "จงจดจำไว้ นำสนธิสัญญาและพระราชโองการกลับไป และปฏิบัติตามข้อตกลงให้ครบถ้วน อย่าคิดอ่านเล่นเล่ห์ มิเช่นนั้น พวกท่านจะต้องเสียใจ! พวกเราสามารถสังหารปรมาจารย์ของพวกท่านสองคน และยังสามารถสังหารคนที่สามได้ แม้แต่ในพระราชวังของพวกท่าน พวกท่านก็จะต้องชดใช้!"

เหล่าทูตอาณาจักรเซี่ยถึงกับเหงื่อตก ท่านหวางประสานมือ ตัวสั่นเทิ้ม "ขอรับข้าน้อย... ท่านกระทิงยักษ์ ข้าน้อยจะจดจำไว้!"

"ดี ตราบใดที่พวกเจ้าจำได้ก็ดีไป ข้าไปล่ะ!" กระทิงยักษ์มองคณะทูตอย่างเย็นชา ก่อนผละจากไป

คณะทูตอาณาจักรเซี่ยนำสนธิสัญญาและพระราชโองการกลับไป รายงานทุกสิ่งต่อองค์จักรพรรดิอาณาจักรเซี่ย

องค์จักรพรรดิอาณาจักรเซี่ยทรงกลายเป็นผู้ว่าง่ายและเชื่อฟังมากขึ้น ปฏิบัติตามเงื่อนไขการชดใช้ค่าเสียหายอย่างเคร่งครัด ไม่กล้าคิดอ่านการใด พระองค์ทรงหวั่นเกรงว่าอาจจะต้องสูญเสียปรมาจารย์ไปอีกผู้หนึ่ง และพวกเขาอาจโจมตีนครหลวง

ผู้ที่สามารถสังหารปรมาจารย์ได้นั้น ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก!

ผลก็คือเสบียงจำนวนมากถูกส่งไปยังด่านหูเหลา จากนั้นจึงขนส่งทางน้ำไปยังนครเต๋อเทียนโจวของนครหลวงอู๋อันแสนยิ่งใหญ่

ท้องพระคลังของอู๋อันแสนยิ่งใหญ่จึงอุดมสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว

แต่นั่นกลับทำให้อ๋องเจียงหนานน้ำลายไหล

เพราะว่า สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้คือเสบียงอาหาร

ด้วยเหตุขาดแคลนเสบียงอาหาร เขาจึงต้องปล้นชิงจากผู้อื่น ทำให้เศรษฐกิจทางใต้พินาศย่อยยับ เพราะขาดเสบียง เขาจึงต้องส่งทหารไปทำไร่ไถนาและกินรากไม้ประทังชีวิต

แต่บัดนี้ ราชสำนักกลับมีอาหารและทรัพยากรมากมาย ทำให้เขาอิจฉาตาร้อน

หลังจากครุ่นคิดอยู่สองวัน อ๋องเจียงหนานก็กัดฟันกรอด "บุกปล้น!"

ท่านอ๋องหวังฟูกุ้ยร้องเสียงหลง "องค์ชาย นั่นอันตรายยิ่งนัก! ท่านต้องรู้ว่า ราชสำนักได้ส่งทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนาตามเส้นทางเพื่ออารักขาเสบียง หากเราพยายามปล้นชิง เราจะเผชิญหน้ากับราชสำนักโดยตรง! ราชสำนักเพิ่งได้รับชัยชนะ ขวัญกำลังใจของพวกเขาย่อมแข็งแกร่ง เราควรหลีกเลี่ยงคมดาบของพวกเขา! การเคลื่อนทัพของเราในตอนนี้คงไม่เป็นผลดี!"

"ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเราจะยึดเสบียงได้ แต่เราจะนำกลับมาได้อย่างไร การขนส่งเสบียงจำนวนมากจะทำให้เราเชื่องช้าลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะเทียบเท่ากับราชสำนักได้อย่างไร"

"และยังมีอีกประเด็นสำคัญ!" ท่านอ๋องหวังฟูกุ้ยกล่าวต่อ "องค์ชาย ไม่ควรที่จะยกทัพในตอนนี้! ราชสำนักยังอยู่ในฐานะที่เหนือกว่า เมื่อเราเผชิญหน้ากับราชสำนัก เราต้องบาดเจ็บล้มตายและสูญเสียอย่างแน่นอน ในท้ายที่สุด ผู้อื่นจะได้ประโยชน์!"

สีหน้าของอ๋องเจียงหนานขัดแย้ง นี่คือที่มาของความลังเลของเขา

การบุกปล้นเสบียงมีความเสี่ยงสูง มีโอกาสสูงที่จะเกิดการบาดเจ็บล้มตายและการสูญเสียที่จะมากกว่าผลประโยชน์

แต่ถ้าไม่มีเสบียง การพัฒนาของเขาก็จะหยุดชะงัก

"ดังนั้น ข้าจึงคิดกลยุทธ์อันแยบยลได้!"

"ท่านกุนซือ กลยุทธ์อะไร?"

"ในเมื่อการบุกปล้นเสบียงอันตรายเกินไป ทำไมเราไม่ร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อบุกปล้นด้วยกันเล่า ด้วยวิธีนี้ เราสามารถแบ่งปันความเสี่ยง และโอกาสในการประสบความสำเร็จของเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!"

อ๋องเจียงหนานมองกุนซือหวังฟูกุ้ยด้วยความคาดหวังพอสมควร

"นายท่าน แผนการนี้เลิศล้ำนัก แต่เราจะร่วมมือกับผู้ใด?"

"แน่นอนว่าต้องเป็นน้องชายของข้า อ๋องแห่งเหอเป่ยเหนือ!" อ๋องเจียงหนานหัวเราะร่วน "เขาอยู่ทางเหนือ ข้าอยู่ทางใต้ โจมตีจากทั้งสองทิศ โอกาสสำเร็จย่อมสูงขึ้น! ข้าจะเขียนสารถึงเขา ตราบใดที่เขายังมีความทะเยอทะยาน เขาจะไม่นิ่งเฉย บางทีเขาก็อาจจะหมายตาทรัพยากรเหล่านี้อยู่เช่นกัน!"

ยิ่งครุ่นคิด อ๋องแห่งเจียงหนานก็ยิ่งเห็นว่าแผนการนี้เป็นไปได้ ในที่สุดก็ตบต้นขาแล้วอุทานว่า "ตัดสินใจแล้ว!"

ดังนั้นพระองค์จึงเขียนสารถึงอ๋องแห่งเหอเป่ยทันทีเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการบุกปล้นเสบียงอาหาร

เมื่อเห็นสาร อ๋องแห่งเหอเป่ยก็สนใจ

อย่างไรก็ตาม พระองค์ยังไม่ตัดสินพระทัยและส่งสารให้จูกัด ขงเบ้งผู้เป็นกุนซือ

"ท่านขงเบ้ง ลองดูสิ ท่านคิดว่าแผนการนี้ใช้ได้หรือไม่"

ขงเบ้งอ่านแล้วก็ยิ้ม "ท่านอ๋อง อ๋องแห่งเจียงหนานขาดแคลนเสบียงอาหาร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพิจารณาที่จะบุกปล้น แต่เขาก็เกรงกลัวกำลังทหารของราชสำนักด้วย ดังนั้นทางฝ่ายเจียงหนานจึงติดต่อพวกเรามาร่วมมือกัน"

อ๋องแห่งเหอเป่ยพยักพระพักตร์ พระองค์ทรงมีความคิดเช่นเดียวกัน

"ท่านขงเบ้ง ท่านมีความเห็นประการใด"

ขงเบ้งประสานมือและกล่าวว่า "กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมเชื่อว่าแผนการนี้มิควร"

อ๋องแห่งเหอเป่ยประหลาดพระทัย "ทำไมจึงมิควร"

"ประการแรก การบุกปล้นเสบียงอาหารมีความเสี่ยงสูง" ขงเบ้งกล่าว "เสบียงอาหารชุดนี้มีความสำคัญต่อราชสำนักมาก พวกเขาจะต้องคุ้มกันอย่างแน่นหนา เราจะไม่มีโอกาสโจมตีมากนัก แม้ว่าเราจะสามารถยึดอาหารได้ แต่มันจะนำปัญหามาให้ตอนนำกลับ"

"ในระหว่างกระบวนการนี้ การต่อสู้และการนองเลือดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงพ้น หากราชสำนักกระวนกระวาย พวกเขาอาจเผาอาหารทิ้ง ความสูญเสียจะมากกว่าผลกำไร"

อ๋องแห่งเหอเป่ยพยักหน้า "ท่านพูดมีเหตุผลมาก ขงเบ้ง!"

"ประการที่สอง เราไม่จำเป็นต้องใช้อาหารมากมายขนาดนั้น" ขงเบ้งกล่าวต่อ

"ท่านอ๋อง คนของพวกเรากำลังฝึกฝนวิชาทานตะวัน เมื่อเชี่ยวชาญแล้ว แต่ละคนก็สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังทหารจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องมีเสบียงอาหารมากมายขนาดนั้น อาหารที่เรามีอยู่ตอนนี้ก็มากเกินพอแล้ว ทำไมต้องเสี่ยงโดยไม่จำเป็น"

อ๋องแห่งเหอเป่ยพยักหน้าอีกครั้ง "ท่านพูดถูก!"

"ประการที่สาม ท่านอ๋อง สิ่งที่เราต้องการตอนนี้คือการพัฒนาที่ซ่อนเร้นและสะสมอำนาจ"

"เพียงอดทนอีกไม่กี่เดือน จนกว่าทุกคนจะเชี่ยวชาญวิชาทานตะวัน พวกเราจึงจะสามารถดำเนินแผนการอันยิ่งใหญ่ของพวกเราได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อถูกเปิดเผยและถูกราชสำนักกำหนดเป้าหมาย มันจะเป็นอันตรายต่อกลยุทธ์ของเรา"

ขงเบ้งกระซิบ "ก่อนหน้านี้ ประตูสวรรค์ถูกเปิดเผยเช่นนี้ นำไปสู่การล่มสลายของพวกเขา เจ้าสำนักประตูสวรรค์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ สุดท้ายก็ถูกล่าเหมือนหนู ความพยายามตลอดชีวิตของเขากลายเป็นศูนย์ ท่านอ๋อง พวกเราต้องไม่ทำผิดซ้ำ!"

หัวใจของอ๋องแห่งเหอเป่ยสั่นสะท้าน

เหตุการณ์การกำจัดสำนักประตูสวรรค์ยังคงอยู่ในความทรงจำของพระองค์!

สำนักที่ทรงพลังยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งสามารถท้าทายราชสำนักได้ ถูกราชสำนักทำลายล้างด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง เนื่องจากการฝึกฝนวิชากระบี่ปราบมารทั่วทั้งสำนัก

ผู้ใต้บังคับบัญชาของพระองค์ไม่ได้ฝึกวิชาวิชากระบี่ปราบมาร แต่พวกเขากำลังฝึกฝนศาสตร์มารในอีกรูปแบบหนึ่ง

ยามความลับรั่วไหล แผนการใหญ่ก็พังพินาศ!

"ท่านกล่าวได้ดี ขงเบ้ง เราต้องไม่พลาดซ้ำสอง! เรื่องปล้นเสบียงครั้งนี้ เราอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องเลย!" อ๋องแห่งเหอเป่ยโบกพระหัตถ์

"แต่ฝ่าบาท กระหม่อมมีหนทางแก้ไข!"

"ว่าอย่างไร ขงเบ้ง"

ขงเบ้งก้มหน้ายิ้ม "ท่านอ๋อง แม้เราจะไม่ปล้นเสบียง แต่เราสามารถแสร้งร่วมมือกับอ๋องเจียงหนาน เมื่อถึงเวลา เราก็ถอยทัพ ปล่อยให้อ๋องเจียงหนานเป็นผู้ปล้นเสบียงเอง ด้วยวิธีนี้ อีกฝ่ายย่อมสูญเสียทั้งกำลังพลและทรัพย์สิน ส่วนเรายังคงปลอดภัย ท่านอ๋องเห็นชอบหรือไม่"

ดวงเนตรอ๋องแห่งเหอเป่ยเป็นประกาย ตบพระหัตถ์ร้อง "ยุทธวิธีล้ำเลิศ! เราชอบ! ฮ่าฮ่า!"

อ๋องเจียงหนานคือศัตรูคู่แข่งคนสำคัญ ผู้ท้าชิงบัลลังก์ที่แข็งแกร่ง หากสามารถทำให้อ๋องเจียงหนานสูญเสียครั้งใหญ่ได้ พระองค์ย่อมยินดีอย่างยิ่ง และจะสนับสนุนแผนการนี้อย่างเต็มที่

ขงเบ้งยังคงยิ้ม "องค์ชาย เราสามารถติดต่อบัณฑิตเอกแห่งนครหลวง... อ้อ ตอนนี้ท่านคงได้เป็นเจ้านครไปแล้ว เราให้เขาไปยุยงราชสำนักให้เตรียมรับมือ! ด้วยวิธีนี้ อ๋องเจียงหนานต้องตกหลุมพรางและสูญเสียอย่างหนักแน่นอน!"

อ๋องแห่งเหอเป่ยยิ้มกว้าง "ถูกต้อง! เราต้องติดต่อท่านหลิน ให้เขาไปยุยงราชสำนัก จัดการน้องชายตัวแสบของเรา ฮ่าฮ่า!"

ไม่นาน หลินเป่ยฟานก็ได้รับสารจากอ๋องแห่งเหอเป่ย

หลังจากอ่านสารลับ หลินเป่ยฟานหัวเราะในลำคอ "ยืมมือผู้อื่นสังหารหรือ?"

ต่อมาในท้องพระโรง หลินเป่ยฟานกราบทูลเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดินี

"ฝ่าบาท บัดนี้มีการขนส่งเมล็ดข้าวจำนวนมากจากด่านหูเหลาไปยังนครหลวง ปริมาณมหาศาล! อ๋องแห่งเจียงหนานขาดแคลนเสบียง กระหม่อมเกรงว่าพระองค์อาจจะลองเสี่ยงและฉวยโอกาสปล้น! เรื่องนี้ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง!"

องค์จักรพรรดินีพยักพระพักตร์ "ท่านกล่าวได้ถูกต้อง ขุนนางหลิน เรื่องนี้ต้องให้ความใส่ใจอย่างแท้จริง แม่ทัพแห่งองครักษ์หลวงอยู่ที่ใด?"

"อยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!" แม่ทัพก้าวไปข้างหน้า

องค์จักรพรรดินีมีรับสั่งว่า "ให้คนจับตาดูความเคลื่อนไหวของกองทัพใต้ หากมีสถานการณ์ใด ๆ ให้รายงานทันที เมื่อจำเป็น ให้ระดมกำลังท้องถิ่นเพื่อสกัดกั้น และอย่าให้การป้องกันลดลงในทิศทางของเหอเป่ยทางเหนือเด็ดขาด!"

"กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!" แม่ทัพแห่งองครักษ์หลวงรับคำสั่ง

"ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องลำบากถึงเพียงนั้น! กระหม่อมมีแผนที่สามารถทำให้อ๋องแห่งเจียงหนานต้องสูญเสีย ทั้งในแง่ของทหารและการเงิน โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก!" หลินเป่ยฟานยิ้มเยาะ

ดวงเนตรของจักรพรรดินีเป็นประกาย "ท่านหลิน บอกเรามาเร็ว ๆ เถิด!"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด