ตอนที่แล้วบทที่ 188 สิ้นสุดการทดสอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 190 คิดไม่ถึง

บทที่ 189 ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน 


เหนือทะเลเมฆา เรือสำเภาทั้งห้าลำราวกับสัตว์อสูรยักษ์ที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภา ทุกคราที่ใบเรือโบกสะบัด มันจะทะยานไปไกลหลายลี้!

หลัวเฉิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ มองเกาะชิงอวิ๋นที่ค่อยๆ เรือนหายไปจากสายตา จิตใจเขายามนี้เคล้าไปด้วยความรู้สึกมากมาย

ในเวลาเพียงหนึ่งวัน แต่กลับสามารถบันดาลให้เกิดเหตุการณ์มากมาย…

แม้บนดาดฟ้าเรือจะมีผู้คนมากมาย แต่รอบกายหลัวเฉิงกลับไร้ผู้ใดยืนเคียง ทุกคนต่างมองมาที่หลัวเฉิงด้วยสายตาประหลาดใจ บ้างก็เสียงกระซิบกระซาบ

เนื่องจากทุกคนรู้แล้วว่าในการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ มีคนตั้งค่าหัวฆ่าหลัวเฉิงโดยเสนอการเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ฝ่ายนอก

ก่อนที่หลัวเฉิงจะกลับขึ้นเรือมา คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาคงตายไปแล้วบนเกาะชิงอวิ๋น

ทว่าผลกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ไม่เพียงหลัวเฉิงยังมีชีวิตอยู่! แต่ยังไร้ซึ่งริ้วรอยบาดแผลแม้แต่น้อย!

ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนต่างก็ประหลาดใจอย่างมาก

หลัวเฉิงแว่วยินเสียงผู้คนสนทนารอบตัวและอดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยๆ

หากคนเหล่านี้รู้ว่าเขาได้ฆ่าคนที่คาดว่าจะได้ครองตำแหน่งหนึ่งในสิบอันดับแรกไปถึงสามคน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าเช่นไร!

ในขณะนั้นเอง

“หลัวเฉิง!”

มีคนหนึ่งแหวกฝูงชนและตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

เมื่อหลัวเฉิงเห็นว่าเป็นเซวียเหิน จึงแย้มยิ้มกล่าวว่า “ที่แท้เจ้าอยู่บนเรือลำหมายเลขห้าเช่นเดียวกัน”

เซวียเหินพยักหน้ากล่าวว่า “ตอนที่กู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานลงมาจากยอดเขา มันก็เกิดการไล่ล่าอย่างวุ่นวายพาลให้มีผู้คนตายเป็นจำนวนมาก แต่ข้ากลับไม่เห็นเจ้า เลยเข้าใจผิดคิดว่าเจ้า....”

จู่ๆ น้ำเสียงเขาก็ชะงักขาดไปครู่ จากนั้นพลันหัวเราะเบาๆ “เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว”

หลัวเฉิงยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดบนยอดเขาจะยังมิถูกแพร่งพรายออกไป แต่นั่นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะทั้งกู่หลิงเฟิงและหยวนจื่อหลานต่างก็เป็นที่จับตาในการทดสอบครั้งนี้

ทั้งพวกเขายังสามารถเก็บผลหยวนหลิงได้อีกด้วย ความสนใจของทุกคนย่อมไปหยุดอยู่ที่สองคนนี้เท่านั้น คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามเยี่ยงเขาย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกมองข้าม

“หลัวเฉิง ข้าเพิ่งได้ยินข่าวมาเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวพันกับเจ้า!”

เซวียเหินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายเป็นเรื่องลับ

“เรื่องอันใดหรือ?”

“การต่อสู้ระหว่างอวิ๋นเหมิงลี่และหยวนชิงอิงได้ผลสรุปแล้ว!”

หลัวเฉิงเลิกคิ้วแสดงสีหน้าจริงจัง “ใครเป็นผู้ชนะ?”

“ศิษย์พี่อวิ๋นเหมิงลี่! ยามนี้นางได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์แท้จริงแล้ว!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เซวียเหินมองหลัวเฉิงด้วยความอิจฉาอย่างที่สุด

จากนั้นกล่าวเสริม “ศิษย์แท้จริง! พวกเขาเหล่านี้คือบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด สามารถตัดสินความเป็นตายได้! เพียงแค่กระทืบเท้า บรรดาเหล่ากษัตริย์ทั่วทั้งอาณาจักรเยว่ต้องสะเทือน! ช่างเป็นผู้ที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

“ข้าทราบมาว่า อวิ๋นเหมิงลี่อายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปี อายุมากกว่าข้าเพียงสองสามปีเท่านั้น แต่ตอนนี้นางกลับได้เป็นศิษย์แท้จริงแล้ว ข้ายังต้องดิ้นรนเพื่อจะเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ฝ่ายนอกอยู่เลย... เป็นคนเฉกเช่นเดียวกันแต่ไยจึงแตกต่างกันเช่นนี้”

เซวียเหินกล่าวแล้ว จู่ๆ ใบหน้าก็เศร้าสลดพร้อมกับเสียงเงียบหายไปครู่ จากนั้นกล่าวกับหลัวเฉิงอีกครั้ง

“ได้ยินมาว่าเจ้าคือคนที่อวิ๋นเหมิงลี่แนะนำให้เข้ามาในสำนัก ตอนนี้อวิ๋นเหมิงลี่เลื่อนขั้นเป็นศิษย์แท้จริงแล้ว สถานะของเจ้าก็คงจะยกระดับขึ้นตามไปด้วย! มีภูเขาใหญ่ขนาดนี้เป็นที่พึ่ง อย่าว่าแต่ศิษย์ฝ่ายนอกเลย ต่อให้เป็นศิษย์ฝ่ายในเจ้าก็คงเป็นได้ไม่ยากเย็นนัก!”

“ฮ่าๆ หากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งแล้วไซร้ ต่อให้กลายเป็นศิษย์แท้จริง ไหนเลยจะได้รับความยำเกรง ท้ายที่สุดก็เป็นได้เพียงแค่ตัวตลกเท่านั้น” หลัวเฉิงส่ายศีรษะกลางกล่าวชี้แนะ

จากนั้นจึงเหลียวมองทะเลเมฆที่กำลังเคลื่อนไหวพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว จู่ๆก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ากับอวิ๋นเหมิงลี่ก็แค่พบกันเพียงไม่กี่ครั้ง มิได้สนิทกันเป็นการส่วนตัว ไหนเลยจะกล้าเรียกว่ามีภูเขาใหญ่เป็นที่พึ่งกัน”

วาจานี้มิใช่เป็นการปลอบใจ แต่สิ่งที่หลัวเฉิงกล่าวไปเมื่อครู่นั้นล้วนเป็นเรื่องจริง

ท้ายที่สุดแล้ว เขากับอวิ๋นเหมิงลี่เพียงพบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ตอนนี้นางเป็นถึงศิษย์แท้จริง นางจะยังจำเขาได้หรือไม่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ไหนเลยจะกล้าทำตัวเป็นจิ้งจอกอวดอ้างบารมีเสือกัน

แต่อย่างไรเสียเรื่องนั้นก็หาใช่สำคัญ โดยปกติแล้วหลัวเฉิงเองก็ไม่เคยคิดจะพึ่งพาอาศัยบารมีผู้อื่นเช่นกัน

“กล่าวได้ดี พึ่งพาความแข็งแกร่งตนนั้นจึงจะเป็นเรื่องสำคัญกว่า มีเพียงตนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งแห่งตน”

เซวียเหินพยักหน้าเห็นด้วยกับวาจาของหลัวเฉิง เมื่อเขาย้อนนึกถึงตอนที่ตนเกือบเอาชีวิตไม่รอดบนเกาะชิงอวิ๋น ในใจก็ยิ่งตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งตนเองเท่านั้นที่พึ่งพาได้

“ยังมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนจะถึงสำนัก ข้าจะฝึกฝนอีกหน่อย” ว่าแล้วหลัวเฉิงก็นั่งขัดสมาธิลง

ทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมานี้ เขาต่อสู้จนแทบมิได้หยุดพัก หลายสิ่งอย่างยังไม่ได้แยกย่อยและทำความเข้าใจให้แตกฉาน

หลัวเฉิงต้องการใช้เวลาที่เหลือระลึกความทรงจำให้ชัดเจน เพื่อแยกย่อยประสบการณ์การต่อสู้ในครั้งนี้

โดยเฉพาะเพลงกระบี่ที่เขาฟาดฟันเข้าใส่งูยักษ์เกล็ดดำบนยอดเขา หากเขาสามารถร่ายรำออกกระบวนท่ากระบี่นั้นได้อีกครั้ง ความแข็งแกร่งของเขาย่อมก้าวหน้าอย่างทวี!

เมื่อหลัวเฉิงปิดเปลือกตาลง นึกถึงทุกรายละเอียดการต่อสู้ที่ผ่านมา แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ประสบการณ์ใดหลุดมือไปเป็นแน่

เวลาเดินผ่านไปอย่างช้าๆ

เมื่อหลัวเฉิงคิดทบทวนและไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากมายก็พลันผุดขึ้นในใจ

พัฟ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด